ลาโคนิค เทคโนโลยี” ผู้เชี่ยวชาpiญsเองการพัฒนาซอฟท์แวร์ คลาวด์เทคโนโลยี

ลาโคนิค เทคโนโลยี” ผู้เชี่ยวชาpiญsเองการพัฒนาซอฟท์แวร์ คลาวด์เทคโนโลยี

 

 

 

 

 

ลาโคนิค เทคโนโลยี” ผู้เชี่ยวชาpiญsเองการพัฒนาซอฟท์แวร์ คลาวด์เทคโนโลยี ผู้นำระบบ ERPมาใช้ในการบริหารจัดการฐานลูกค้าตั้งเป้ายอดรายได้ปีนี้ไว้ที่ 70 ล้านบาท

 

“ลาโคนิค เทคโนโลยี” ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการพัฒนาซอฟท์แวร์ คลาวด์เทคโนโลยี ผู้นำระบบ ERPมาใช้ในการบริหารจัดการฐานลูกค้า ที่มีมูลค่ารายได้รวมกว่า 6 พันล้านบาท พร้อมแล้วที่จะนำซอฟแวร์ โซลูชั่นใหม่ “LACONIC TECHNOLOGY ERP” เพื่อเจาะตลาดผู้ประกอบการ SMEs ไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ ตั้งเป้ายอดรายได้ปีนี้ไว้ที่ 70 ล้านบาท


กรุงเทพฯ / บริษัท ลาโคนิค เทคโนโลยี จำกัด (Laconic Technology Co., Ltd ) เป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องการพัฒนาซอฟท์แวร์ และเทคโนโลยีคลาวด์ ซึ่งก่อตั้งขึ้นในประเทศไทยเมื่อปี 2549 หรือ 12ปี ที่ผ่านมา โดยได้รับการิส่งเสริมจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนการ BOI (Board of Investment) ภายใต้สิทธิพิเศษในการดำเนินธุรกิจทางด้านให้บริการ โปรแกรมที่เข้าใช้งานผ่านเว็บไซต์ในระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต (Web-based )และรวมไปถึงแอพพลิเคชั่นที่ครอบคลุมไปถึงการใช้กำลังประมวลผล หน่วยจัดเก็บข้อมูล และระบบออนไลน์ต่างๆจากผู้ให้บริการผ่านอินเทอร์เน็ต ( Application and Cloud Computing) ซึ่งสอดคล้องกับที่รัฐบาลไทยได้ประกาศในการก้าวไปสู่ “ไทยแลนด์ 4.0” เพื่อยกระดับธุรกิจ SMEs ให้เติบโตทันสมัยขยายเป็นธุรกิจขนาดใหญ่และยกระดับการบริการให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น


ลาโคนิคมีผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคนิคและผู้ชำนาญการระดับผู้จัดการอาวุโสในระดับโลก ที่มาร่วมงานการพัฒนาบริษัทให้เติบโตต่อไป นอกจากนี้ยังมีทีมงานที่สามารถสื่อสารได้ทั้งภาษาอังกฤษ ไทย และจีน เพื่อดูแลและให้การสนับสนุนในเรื่องการดูแลบำรุงรักษาระบบซอฟท์แวร์ให้กับลูกค้าที่มาจากหลากหลายประเทศ แพลตฟอร์มของเราจะช่วยลดปัญหาความยุ่งยากด้าน ไอที (IT) ด้วยการจับข้อมูลและการใช้งาน ที่เป็นกุญแจสำคัญของพัฒนาธุรกิจ SMEs เพื่อให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งฐานลูกค้าในทวีปเอเชียของเราที่นำระบบ ERP มาใช้ในการบริหารจัดการมีรายได้ทั้งหมด 6,000 ล้านบาท หรือประมาณ 190 ล้านเหรียญสหรัฐฯ


มร. อเล็กซ์ ชีส์, ผู้ก่อตั้งและประธานบริหารของ ลาโคนิค ได้กล่าวว่า “สำหรับลาโคนิคนั้น เราไม่เพียงแต่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่ยังเปิดตัวพอร์ทใหม่เพื่อให้เข้ากับการบูรณาการของประเทศไทย เพื่อขานรับนโนบาย ไทยแลนด์ 4.0 โดยใช้โซลูชั่นเทคโนโลยีของ DIGILEAGUE เพื่อสร้างฐานข้อมูลตลาดเป้าหมายของธุรกิจ SMEs ไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ เพราะเทคโนโลยีของลาโคนิคใช้ระบบ ERP ผ่านระบบคลาวด์ ซึ่งการให้การบริการระบบนี้เราได้ผ่านการทดสอบในประเทศไทยมาเป็นเวลามากกว่า 10 ปี ซึ่งสามารถอ้างอิงและตรวจสอบได้จากภาคการผลิตที่ใช้กระบวนการผลิตที่ซับซ้อน”


“ทุกวันนี้ องค์กรหรือบริษัทต่างๆ ที่ใช้ระบบการจัดการของ “ลาโคนิค” สามารถสร้างรายได้มากกว่า 6 พันล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้จากฐานลูกค้าของเราในต่างประเทศด้วย”


สำหรับระบบ ซอฟแวร์ โซลูชั่น ใหม่ ของลาโคนิค ที่ได้นำมาเปิดตัวแนะนำในประเทศไทย โดยผ่านทาง LACONIC TECHNOLOGY และ DIGILEAGUE ซึ่งเรียกว่า LACONIC TECHNOLOGY ERP มี อยู่ 7 แบบ ซึ่งเป็นดิจิตอลเทคโนโลยีชั้นสูงเทียบเท่าจากประเทศไต้หวัน คือ •HRM & HRD – เหมาะกับการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในสถานประกอบการและการฝึกอบรมและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ •CRM – การบริหารงานลูกค้าสัมพันธ์ •Business Intelligence (BI) – การวิเคราะห์,การจัดเก็บและการเข้าถึงข้อมูล •POS – การจัดการหน้าร้าน •E-Payment - การจ่ายเงินผ่านทางระบบอิเลคทรอนิกส์ •Comboware – การจัดเก็บข้อมูล •RTLS – เทคโนโลยีในการระบุตำแหน่งบุคคลหรือสิ่งของ


ในด้านกลยุทธ์การตลาดและแผนการพัฒนาธุรกิจของ LACONIC TECHNOLOGY ในปี 2561 นี้ ทางบริษัทฯ ได้ตั้งเป้าเจาะตลาดเพื่อหาช่องทางใหม่ในการขยายธุรกิจให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น โดยร่วมบูรณการกับทางบริษัทคู่ค้าจากประเทศไต้หวัน DIGILEAGUE Technology Solutions ซึ่งปัจจุบัน LACONIC TECHNOLOGY ได้ร่วมดำเนินธุรกิจในประเทศไต้หวัน ประเทศไทย และมาเลเซีย โดยมีพันธมิตรในการให้การปรึกษาและดูแลในเรื่องการบริหารการเปลี่ยนแปลง (Change management partner) 1 แห่ง และ พันธมิตรผู้ให้บริการ ฮาร์ดแวร์ อีก 1 แห่งในประเทศไทย


“นับแต่เรามีลูกค้ารายแรกในประเทศไทย เมื่อ 13 ปี ที่แล้ว ทำให้เรามั่นใจว่า เราจะสามารถพัฒนาธุรกิจให้เจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว และเราก็หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะพัฒนาแผนธุรกิจแบบก้าวกระโดดนี้ไปยังประเทศมาเลเซียในฐานะลูกค้ารายใหม่ที่จะส่งผลลัพธ์ทั้งเรื่องรายได้และผลการดำเนินงานที่ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้เรากำลังเจรจาเพื่อขยายช่องทางธุรกิจไปยังประเทศกัมพูชา และเมียนมาร์ โดยตั้งเป้ายอดรวมรายได้ในประเทศไทยและมาเลเซียในปี 2561 นี้ไว้ที่ 70 ล้านบาท และจะเพิ่มรายได้ขึ้นเป็น 2 เท่าในปี 2562 ”


มร. หยวน ลี ตัวแทนผู้ให้บริการโซลูชั่นซอฟต์แวร์เทคโนโลยีขั้นสูงระดับแนวหน้าของประเทศไต้หวัน ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า DIGILEAGUE คือแพลตฟอร์มที่จะเร่งเข้าไปในธุรกิจ SMEs เพื่อนำไปใช้ต่อยอดธุรกิจไทยตามที่รัฐบาลได้กำหนดเป็นนโยบายให้ประเทศไทยเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจ“ไทยแลนด์ 4.0” ทั้งนี้ในเรื่องของ Digital economy นั้นรัฐบาลไทยเน้นให้ธุรกิจในประเทศเตรียมตัวสำหรับเรื่องดังกล่าว ซึ่งในส่วนของบริษัทนั้น เรามีแอพพลิเคชั่นหลายอย่างและมีความพร้อมที่จะตอบรับทุก ความต้องการ โดยเฉพาะด้านวิเคราะห์ข้อมูลการตลาด การบริหารบุคคลากร ออโตเมชั่นในอุตสาหกรรม การฝึกอบรม และอื่ินๆ ให้ลูกค้าสามารถเลือกและนำไปใช้


“แพลตฟอร์มของเราจะช่วยบรรเทาหรือลดความเสียหายของธุรกิจที่ดำเนินการผ่านระบบไอทีที่อาจเกิดการถูกรบกวน โดยผู้ใช้ไม่ต้องการที่จะพลาดช่องทางการติดต่อในเอเชีย ซึ่งนั่นจะทำให้ผู้ใช้กลายเป็นกุญแจดอกสำคัญในการที่จะพัฒนาธุรกิจ SMEs ให้ประสบความสำเร็จ ดังนั้น ผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs ชั้นนำ ควรจะนึกถึงความจำเป็นของการเปลี่ยนแปลง พร้อมทั้งเปิดใจยอมรับในการจัดงบประมาณการลงทุนเพื่อพัฒนาความก้าวหน้าในระบบ ERP ซึ่งแท้จริงแล้วสามารถนำมาช่วยในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ได้อีกด้วย” หยวน ลี กล่าว

 

เกี่ยวกับบริษัท

บริษัท ลาโคนิค เทคโนโลยี จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2549 โดยทีมงานวิศวกรซอฟต์แวร์จากสหรัฐอเมริกาและไต้หวัน ซึ่งมีประสบการณ์ในการพัฒนาซอฟต์แวร์และให้บริการ ERP ที่มีผลการทำงานมายาวนาน

ลาโคนิค ได้รับใบอนุญาตจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนแห่งประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 (ปัจจุบัน BOI เลขที่ 1268(7)/2557) ภายใต้กิจการซอฟต์แวร์ Web-Based Application และ Cloud Computing ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์นโยบายของรัฐบาลไทย ในการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจสู่ Thailand 4.0 และสนับสนุนการผลักดันธุรกิจ SMEs แบบดั้งเดิม ให้ก้าวสู่การเป็น Smart Enterprises ที่มีศักยภาพสูง และจากการบริการแบบดั้งเดิมซึ่งมีการสร้างมูลค่าค่อนข้างต่ำ ไปสู่การบริการที่มีมูลค่าสูง

เป็นเวลากว่า 10 ปี ที่ระบบ Enterprise ERP ของเราได้ช่วยสนับสนุนกิจการลูกค้าองค์กรขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่จากกลุ่มธุรกิจที่หลากหลายในประเทศไทยและภูมิภาค ด้วยรูปแบบของ ERP as a Service (ERPaas) ซึ่งเป็นการเพิ่มฐานข้อมูลลูกค้าให้แก่ผู้ประกอบการขนาดเล็ก ขนาดกลาง ไปจนถึงขนาดใหญ่ในธุรกิจการค้า การบริการ ค้าปลีก (ที่มีระบบขายหน้าร้าน POS) และ การบริหารทรัพยากรอาคาร

DigiLeague ก่อตั้งโดยนายลี ประธานบริษัท อินเตอร์เน็ต อินฟอร์เมชั่น จำกัด ให้บริการระบด้านต่างๆ ได้แก่ HRM/HRD โดยบริษัท อินเตอร์เน็ต อินฟอร์เมชั่น จำกัด, Smart POS โดย Lafresh, Wireless IT Solution โดย Jotangi, Business Intelligent (BI) โดย Strategy Companion, advance IT Infrastructure โดย Ulink, multi-payment gateway โดย Interla และ ERP โดย Laconic Technology ในประเทศไทย ซึ่ง DigiLeague เป็นการก่อตั้งแบบข้ามประเทศเพื่อให้บริการทางเลือกของระบบดิจิตอลที่หลากหลาย ซึ่งตอนนี้ได้เข้ามาในประเทศไทยเพื่อรองรับนโยบายประเทศ 4.0 โดยปัจจุบันประเภทธุรกิจที่มาใช้บริการ ได้แก่ ธุรกิจจัดเลี้ยง ร้านค้า ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ ธนาคาร การบริการด้านความปลอดภัย ธุรกิจอาหาร บริษัทด้านเคมี ธุรกิจรถยนต์ ผู้ผลิตเหล็ก และอีกมากมาย