อัพเดท 5 เทรนด์ศัลยกรรมเพื่อความงามและการดูแลผิวพรรณ มาแรงปี 2018
อัพเดท 5 เทรนด์ศัลยกรรมเพื่อความงามและการดูแลผิวพรรณ มาแรงปี 2018
ในปัจจุบันนี้เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการทำศัลยกรรมเพื่อความงามและการดูแลด้านผิวพรรณเพื่อเสริมความหล่อหรือความสวยเป็นเรื่องธรรมดาของผู้คนทุกเพศทุกวัยทั่วโลกเทรนด์ศัลยกรรมเพื่อความงามและการดูแลผิวพรรณจึงกลายเป็นสิ่งหนึ่งที่ทุกคนจำเป็นจะต้องมีการอัพเดทเพื่อให้ตัวเองอยู่ในกระแสและปรับปรุงดูแลตัวเองให้ทันอยู่เสมอเพื่อให้ตัวผู้สนใจเองดูดีขึ้นช่วยสร้างความมั่นใจเปิดโอกาสให้กับชีวิตในหลายหลายเรื่องเช่น อาชีพการทำงานที่ดีขึ้น ความสัมพันธ์กับคนที่รักที่เติมเต็มมากขึ้น การได้รับความยอมรับและเชื่อถือจากผู้คนรอบข้าง เป็นต้น
วันนี้วงการแพทย์ด้านศัลยกรรมเพื่อความงามและการดูแลผิวพรรณของประเทศไทย ได้มีโอกาสอัพเดทเทรนด์ความรู้ดั่งกล่าวจากทั่วทุกมุมโลก จากงานประชุมวิชาการนานาชาติ Aesthetic Dermatology Academy Conference (ADAC 2018) ซึ่งปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 4 เสริมด้วยการอบรมหลักสูตรเข้มข้น “3rd iClass Anatomy Cadaver Course Asia” โดยผู้บรรยายชาวต่างชาติที่มีชื่อเสียงในระดับโลก ร่วมแบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ และถ่ายทอดเทคนิคใหม่ ๆ ในการดูแลผิวพรรณ และปรับปรุงโครงสร้างของใบหน้าให้สมส่วนและสวยงาม ซึ่งงานฯ ในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมเพื่อความงามและการดูแลผิวพรรณทั้งในประเทศไทย และจากอีก10 ประเทศทั่วเอเชียจำนวนมากกว่า 500 คนเข้าร่วมงาน ถ้าหากว่าไม่อยากพลาด หรืออยากรู้ว่าเทรนด์ศัลยกรรมและความงาม 2018นี้แตกต่างจากปีอื่นๆ มากน้อยเพียงใด ก็มาอัพเดทจากบทความนี้กันเลย
1. การเสริมความหล่อและ/หรือความสวยยุคนี้ต้องเจ็บตัวให้น้อยที่สุด ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น ทำแล้วออกไปชิลล์ต่อได้เลย เนื่องด้วยวิทยาการทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าไปมาก หมดยุคไปแล้วกับการทำศัลยกรรมที่ต้องเข้าห้องผ่าตัดใหญ่ ต้องดมยาสลบ ทำเสร็จหน้าบวมตุ่ยนอนเหงาดูซีรี่ย์อยู่บ้าน หรือต้องหาวันลาพักร้อนกันยาวๆ
2. เทรนด์บินตรงเกาหลีโมหน้าชุดใหญ่ไฟกระพริบ แบบที่กลับมาแล้วเพื่อนจำหน้าไม่ได้ เดินเข้าบ้านแม่ถามว่ามาหาใครคะ ก็กำลังเอาท์แล้วนะจ๊ะ ยุคนี้เราต้องสวยแบบ tie in ค่อยๆ สวย ค่อยๆ เปลี่ยน แบบให้เพื่อนทัก “เอ๊ะ! ทำไมสวยขึ้น? ไปทำอะไรมา?” และในทางการแพทย์ การที่เราค่อยๆ ไล่ทำทีละส่วนบนใบหน้า จะเป็นผลดีต่อคนที่มาทำเองด้วย เพราะมันคือการค่อยๆ ปรับให้ทุกอย่างดูสมส่วนเข้ากัน
3. เทรนด์อยากสวยตามไอดอลพับเก็บไปก่อน เทรนด์ปีนี้ต้องสวยแบบธรรมชาติ เช่นการใช้โปรตีนช่วยลดเลือนริ้วรอยที่ได้จากธรรมชาติผ่านเทคนิคการฉีดเพื่อยกกระชับผิวหน้าล่าสุดอย่าง เทคนิคนาโบลิฟท์(Nabolift) หรือ การใช้ผลิตภัณฑ์ ไฮยาลูรอนิก แอซิดฟิลเลอร์ ที่มีเทคโนโลยีล่าสุดอย่าง e-BridTechnology ที่จะทำให้ใบหน้ามีความเป็นธรรมชาติแบบ 360 องศาเข้ามาช่วยให้มีความหล่อและ/หรือสวยในแบบที่คงไว้ด้วยพื้นฐานใบหน้าของตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น เป็นคนหน้าคมก็ต้องคงความคมเข้มของตัวเองไว้ อาจปรับนิดหน่อยให้สวยตามสไตล์ของแต่ละบุคคล หมดยุคกับการทำศัลยกรรมโดยยื่นรูปดาราสั่งหมอ “หนูจะเอาแบบนี้!” เพราะตามหลักการแพทย์จริงๆ ไม่มีใครสามารถเหมือนใครได้ทั้งนั้น ถึงแม้จะมีหมอบางท่านพยายามจะทำให้เหมือนตามสั่ง แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาจะดูผิดธรรมชาติไปทันที
4. เทรนด์สวยแค่หน้าไม่พอแล้ว สมัยนี้จะสวยทั้งทีจะโฟกัสแต่ใบหน้าคงไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะเดี๋ยวนี้มีอีกหลายจุดในร่างกายของเราที่เป็นจุดเสริมให้เราดูดีขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นกรอบหน้า ขอบไรผมตรงหน้าผาก ไล่ลงมาถึงลำคอที่ต้องไม่หย่อนคล้อย จนมาถึงมือและเท้าที่ต้องดูมีน้ำมีนวล ชุ่มชื่น ไม่เหี่ยวแห้ง จะสวยทั้งที ยุคนี้ต้องสวยให้สุดไม่หลุดสักจุดกันไปเลย
5. ส่วนเทรนด์สุดท้ายที่ควรจะเอาท์ไปตั้งนานแล้วคือ การทำสวยตามคำโฆษณาชวนเชื่อ การรีวิว หรือคนนู้นคนนี้บอกต่อๆ กัน ยุคนี้มัน Big Data จะทำสวยทั้งทีข้อมูลต้องแน่น ไหนๆ จะเสียเงินเพื่อให้สวยขึ้นแล้ว อย่าเสี่ยงเสียทั้งเงิน เสียทั้งความรู้สึกในภายหลัง ควรจะตรวจเช็คให้ดีเสียก่อนว่า คุณหมอที่เรากำลังจะไปขอคำปรึกษา และให้เค้าทำให้เราสวยขึ้นนั้นเรียนจบเฉพาะทางหรือผ่านการอบรมที่ได้มาตรฐานด้านศัลยกรรมเพื่อความงามและการดูแลผิวพรรณมาโดยตรงหรือไม่ มีความเชี่ยวชาญด้านนี้จริง ๆ หรือเปล่าซึ่งตรวจเช็คได้ง่ายมาก ๆ ทางออนไลน์จากเวปไซด์ของแพทยสภาได้เลย
อีกเรื่องหนึ่งที่ควรระวังคือ ตัวยาที่จะใช้ฉีดให้เรานั้น ผ่านการรับรองจาก อย. แล้วหรือไม่ ในส่วนนี้ก็เช็คออนไลน์ได้ไม่ยาก เสียเวลาตรวจสอบแป๊บเดียวแลกกับความปลอดภัยของตัวเอง และส่วนสุดท้ายที่จำเป็นต้องเช็คอย่างจริงจังคือ คลินิก หรือ โรงพยาบาล ที่เราไปทำศัลยกรรมนี้ ผ่านการขึ้นทะเบียนที่ถูกต้องจากกระทรวงสาธารณสุขแล้วหรือยัง เพราะถ้าสถานพยาบาลเหล่านั้นได้รับการรับรองจากกระทรวงแล้ว จะถูกบังคับให้มีเครื่องมือในการช่วยชีวิตยามฉุกเฉิน เป็นเหมือนการการันตีว่าเราจะไม่เสี่ยงช็อค หรือแพ้ยาขั้นรุนแรงแล้วรักษาไม่ทัน อยากสวยแบบยุค 4.0 ต้องฉลาดบริโภคกันด้วย
ที่มา :: งานประชุมวิชาการนานาชาติ Aesthetic Dermatology Academy Conference (ADAC 2018)และการอบรมหลักสูตรเข้มข้น“3rdiClass Anatomy Cadaver Course Asia”จัดโดย ภาควิชาตจวิทยาและภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล, Aesthetic Dermatology Academy Conference (ADAC), สถาบัน iClass Anatomyจากประเทศฝรั่งเศส และสถาบันเพื่อการฝึกอบรมความรู้และเพิ่มพูนทักษะแบบองค์รวมด้านเวชศาสตร์ผิวพรรณและความ Inter Pharma Aesthetic College (IPAC)