กลุ่มบริษัทเอไอเอ ประกาศผลประกอบการมูลค่าธุรกิจใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์

กลุ่มบริษัทเอไอเอ ประกาศผลประกอบการมูลค่าธุรกิจใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์

 

 

กลุ่มบริษัทเอไอเอ ประกาศผลประกอบการมูลค่าธุรกิจใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์

ด้วยมูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 31 คิดเป็น 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2567

 

พร้อมประกาศนโยบายบริหารเงินทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มผลตอบแทนโครงการซื้อหุ้นคืน

 

ฮ่องกง, 29 เมษายน 2567 – คณะกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทเอไอเอ (“เอไอเอ” หรือ “บริษัท” รหัสหลักทรัพย์: 1299) ประกาศผลประกอบการมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เติบโตขึ้นร้อยละ 31 รายงานจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ (CER) สำหรับไตรมาสที่ 1 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 นอกจากนี้ เอไอเอ ยังได้ประกาศนโยบายบริหารเงินทุนโดยการเพิ่มมูลค่าโครงการซื้อหุ้นคืนจำนวน 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในโครงการซื้อหุ้นคืนจากเดิม 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

 

อัตราการเติบโตรายงานตามอัตราแลกเปลี่ยนคงที่:

  • มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB)เติบโตเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึงร้อยละ 31คิดเป็น 1,327ล้านเหรียญสหรัฐ
  • การเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เติบโตขึ้นเป็นตัวเลขสองหลัก ในทุกส่วนรายงานทางธุรกิจ
  • อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB Margin)เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 54.2
  • เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) เพิ่มขึ้นร้อยละ 26 อยู่ที่ 2,449ล้านเหรียญสหรัฐ
  • ประกาศนโยบายบริหารเงินทุนเพื่อความชัดเจนขึ้นในการคืนผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น
  • เพิ่มมูลค่าโครงการซื้อหุ้นคืนที่ดำเนินการอยู่อีก 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ รวมทั้งสิ้น 1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

 

หน่วย : ล้านเหรียญสหรัฐ เว้นแต่ระบุเป็นอย่างอื่น

ไตรมาส 1

ปี 2567

 

ไตรมาส 1

ปี 2566

 

เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของ
ปีก่อน
(อัตราแลกเปลี่ยนคงที่)

เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

(อัตราแลกเปลี่ยนตามจริง)

มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB)

1,327

1,046

(31)%

(27)%

อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin)

54.2%

52.3%

(2.1) จุด

(1.9) จุด

เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP)

2,449

1,998

(26)%

(23)%

 

นายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า

มูลค่าธุรกิจใหม่อันแข็งแกร่งของเอไอเอเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 31 ในไตรมาสที่ 1ของปี 2567 และผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นแก่ผู้ถือหุ้นแสดงให้เห็นถึงพลังอันยั่งยืนของข้อได้เปรียบทางการแข่งขันและวินัยทางการเงินของเรา เราส่งมอบมูลค่าธุรกิจใหม่ประจำไตรมาสเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 1,327ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เป็นเลขสองหลักในทุกส่วนรายงานทางธุรกิจ ซึ่งตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งและความหลากหลายของธุรกิจในเอไอเอ

 

เรายังประกาศนโยบายบริหารเงินทุนใหม่และชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้การคืนผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นประจำปีสูงขึ้น โดยการจ่ายเงินปันผลและการซื้อหุ้นคืน เมื่อพิจารณาถึงสถานะทางการเงินอันแข็งแกร่งของเอไอเอ รวมถึงความเชื่อมั่นของเราในการดำเนินงานและการเงินในอนาคต คณะกรรมการบริหารได้อนุมัติการเพิ่มมูลค่าอีก 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในโครงการซื้อหุ้นคืนที่มีอยู่ของเรา รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ การดำเนินการเหล่านี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราในการคืนผลตอบแทนที่เกินความต้องการของเราอย่างเป็นระบบ ในขณะเดียวกันเรายังคงส่งมอบการเติบโตของธุรกิจใหม่อย่างต่อเนื่องด้วยผลตอบแทนที่น่าดึงดูด

 

“ผลประกอบการในวันนี้แสดงให้เห็นว่าเอไอเอมีการวางกลยุทธ์ที่ถูกต้อง และการดำเนินการอย่างสม่ำเสมอจะมอบผลลัพธ์ที่เหมาะสมสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดของเรา เป้าหมายของเรายังคงมุ่งมั่นในการสร้างผลกำไรผ่านการดำเนินธุรกิจใหม่ ซึ่งจะสร้างความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในการกำหนดอนาคตทางการเงินของเอไอเอ ด้วยการส่งมอบรายได้ที่เพิ่มขึ้นในอนาคต เงินกองทุนส่วนเกินและมูลค่าผู้ถือหุ้นที่เพิ่มมากขึ้น”

 

นโยบายบริหารเงินทุนด้วยการเพิ่มมูลค่าโครงการซื้อหุ้นคืน

เรากำลังประกาศนโยบายบริหารเงินทุนที่จะมอบความชัดเจนยิ่งขึ้นในการคืนผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นผ่านวิธีการดังนี้:

(1)     เป้าหมายอัตราส่วนการจ่ายเงินที่ร้อยละ 75 ของเงินกองทุนส่วนเกินประจำปี (net FSG)คืนให้แก่ผู้ถือหุ้นในแต่ละปีผ่านการจ่ายเงินปันผลและการซื้อหุ้นคืน เริ่มตั้งแต่ผลประกอบการประจำปี2567 ของเรา

(2)     นอกจากนี้ เราดำเนินการทบทวนสถานะเงินทุนและผลตอบแทนที่เกินความต้องการของเราอย่างสม่ำเสมอ

 

ในองค์ประกอบแรก นโยบายการจ่ายเงินปันผลที่มีความรอบคอบ ยั่งยืน และก้าวหน้าของเรานั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยมีอัตราการจ่ายเงินปันผลปกติต่อหุ้นเพิ่มขึ้นทุกปี ยอดคงเหลือของเป้าหมายอัตราการจ่ายเงินร้อยละ 75 ต่อปี ของเงินกองทุนส่วนเกินประจำปี จะถูกคืนให้แก่ผู้ถือหุ้นโดยการซื้อหุ้นคืนในแต่ละปี

 

เงินกองทุนส่วนเกินประจำปี คำนวณจากมูลค่าของเงินกองทุนส่วนเกินที่เพิ่มขึ้น (UFSG) หักด้วยส่วนเกินที่ใช้เพื่อสนับสนุนธุรกิจใหม่ ค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้รับการจัดสรรจากกลุ่มบริษัทเอไอเอ ต้นทุนทางการเงิน และการเคลื่อนไหวของเงินทุนอื่น ๆ ดังที่แสดงในรายงานผลประกอบการประจำปีของเราเพื่อความชัดเจนเงินกองทุนส่วนเกินสุทธิจะถูกคำนวณก่อนที่จะมีผล กระทบกับผลต่างของผลตอบแทนการลงทุนและรายการอื่น ๆ ตามข้อมูลอ้างอิงเงินกองทุนส่วนเกินสุทธิในปี 2566 อยู่ที่ 3.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อยกตัวอย่างในการอธิบาย องค์ประกอบแรกของนโยบายการบริหารเงินทุนที่ได้รับการปรับปรุงจะสร้างผลตอบแทนจากเงินทุนให้กับผู้ถือหุ้นจำนวน 2.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 75 ของเงินกองทุนส่วนเกินสุทธิ ซึ่งประกอบด้วย 2.3 พันล้านเหรียญสหรัฐจากเงินปันผลในปีงบประมาณ 2566 และ 6 พันล้านเหรียญสหรัฐจากโครงการซื้อหุ้นคืน

 

สำหรับองค์ประกอบที่สองตามที่ได้มีการทบทวนสถานะเงินทุนของเรา คณะกรรมการบริหารได้อนุมัติการเพิ่มมูลค่าอีก 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในโครงการซื้อหุ้นคืนที่มีอยู่ของเรา ซึ่งจะเพิ่มยอดรวมเป็น 1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โครงการซื้อหุ้นคืนเพิ่มเติมมูลค่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐมีเป้าหมายที่จะเริ่มโดยเร็วที่สุดและคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในระยะเวลาประมาณ 12 เดือน

 

ในขณะที่อัตราส่วนเกินของวิธีผลรวมเงินกองทุนของแต่ละประเทศของกลุ่มบริษัท (Group LCSM) จะเป็นมาตรการหลักที่แสดงถึงความสามารถในการชำระหนี้ตามกฎระเบียบของเราแต่เราเชื่อว่าเงินกองทุนส่วนเกินจะเป็นมุมมองต้นแบบที่ทำ ให้ผู้ถือหุ้นเห็นถึงสถานะเงินทุนเรากำลังให้คำแนะนำกว้างๆที่เกี่ยวข้องกับระดับของเงินกองทุนส่วนเกินที่เราจะกำหนดเป้าหมายของกลุ่มบริษัทในอนาคตแลเราจะดำเนินการตามมุมมองของผู้ถือหุ้นต่อทรัพยากรเงินทุนทั้งหมดซึ่งประกอบด้วยเงินกองทุนส่วนเกิน อัตราหนี้สินระดับ Tier 2ที่มีสิทธิและเงินกองทุนที่ต้องดํารงตามกฎหมาย(ตามที่ใช้ในการคำนวณมูลค่าพื้นฐานของธุรกิจู่)จากการประเมินความต้องการด้านเงินทุนสำหรับธุรกิจของเราเราตั้งเป้าในมุมมองของผู้ถือหุ้นต่อทรัพยากรเงินทุนทั้งหมดเกินกว่าร้อยละ200ของเงินกองทุนที่ต้องดํารงตามกฎหมาย

 

สรุปผลประกอบการของธุรกิจใหม่ในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2567

 

หน่วย : ล้านเหรียญสหรัฐ เว้นแต่ระบุเป็นอย่างอื่น

ไตรมาส 1

ปี 2567

 

ไตรมาส 1

ปี 2566

 

เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของ
ปีก่อน
(อัตราแลกเปลี่ยนคงที่)

เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

(อัตราแลกเปลี่ยนตามจริง)

มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB)

1,327

1,046

(31)%

(27)%

อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin)

54.2%

52.3%

(2.1) จุด

(1.9) จุด

เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP)

2,449

1,998

(26)%

(23)%

 

เอไอเอ สร้างการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ได้ถึงร้อยละ 31 เป็นจำนวน 1,327 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 ด้วยตัวเลขการเติบโตสองหลักจากทุกส่วนรายงานทางธุรกิจ พรีเมียร์ เอเจนซี่ มีส่วนสร้างการเติบโตในมูลค่าธุรกิจใหม่ถึงร้อยละ 20 ซึ่งมาจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนตัวแทนที่สร้างผลงานและผลผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น มูลค่าธุรกิจใหม่จากช่องทางพันธมิตรเติบโตถึงร้อยละ 70 ด้วยผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งจากทั้งช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์และที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (Independent Financial Advisor)

 

เอไอเอ ประเทศจีน ประสบความสำเร็จในการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ร้อยละ 38 ซึ่งมาจากพรีเมียร์ เอเจนซี่ ที่สร้างการเติบโตในมูลค่าธุรกิจใหม่เป็นเลขสองหลัก ตลอดจนมีการเติบโตต่อเนื่องในช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์   นอกจากนี้ยังมีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ในวงกว้างทั้งจากฝ่ายการดำเนินงานที่จัดตั้งขึ้นและสาขาใหม่ กำไรจากมูลค่าธุรกิจใหม่ยังคงเพิ่มมากขึ้นถึงร้อยละ 54.6 จากร้อยละ 52.7 ในครึ่งหลังของปี 2566 เพื่อความชัดเจน การเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ได้ถูกแสดงตามอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ โดยไม่มีการคำนวณผลเปรียบเทียบมูลค่าธุรกิจใหม่ในปี 2566 สำหรับสมมติฐานทางเศรษฐกิจที่ใช้ในไตรมาสแรกของปี 2567 ซึ่งอาจส่งผลให้อัตราการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ที่รายงานเพิ่มขึ้นอีกในลักษณะเดียวกัน

 

โมเดลพรีเมียร์ เอเจนซี่ ของเราที่แตกต่างในจีนแผ่นดินใหญ่ ได้สร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมในไตรมาสแรกของปี 2567 ด้วยการเติบโตมากกว่าร้อยละ 20 ทั้งในด้านจำนวนของตัวแทนใหม่และตัวแทนใหม่ที่สร้างผลงาน ข้อเสนอที่น่าสนใจของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์ประกันบำนาญที่ลดหย่อนภาษีได้ มีส่วนสนับสนุนจำนวนลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่จากช่องทางตัวแทนทรงตัวที่ประมาณร้อยละ 60 โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ที่แข็งแกร่งเป็นเลขสองหลักจากแบบประกันที่มอบความคุ้มครองแบบดั้งเดิมและความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่องสำหรับผลิตภัณฑ์ประกันสะสมทรัพย์ระยะยาวของเรา

 

เอไอเอ ประเทศจีน ยังคงส่งมอบการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรแบงก์แอสชัวรันส์ที่คัดเลือกมาอย่างดี และได้แรงหนุนจากทั้งกิจกรรมการขายที่แข็งแกร่ง ตลอดจนความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้น โดยมีอัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ประมาณร้อยละ 40 ในไตรมาสแรกของปี 2567

 

เอไอเอ ฮ่องกง มีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ร้อยละ 43 และมีอัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 64.3 จากร้อยละ 58.1 ในครึ่งหลังของปี 2566 กลุ่มลูกค้าภายในประเทศและนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ (MCV) มีส่วนทำให้มูลค่าธุรกิจใหม่เติบโตคล้ายกันในวงกว้าง และทั้งสองกลุ่มมีอัตราการเติบโตเป็นเลขสองหลัก มูลค่าธุรกิจใหม่จากนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ได้สร้างแรงขับเคลื่อนและมากเกินกว่าในไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 มูลค่าธุรกิจใหม่มากกว่าร้อยละ 60 มาจากกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ที่เข้ามาผ่านช่องทางตัวแทนของเราในไตรมาสแรก โดยรวม พรีเมียร์ เอเจนซี่ ของเรามีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในด้านจำนวนตัวแทนใหม่ ในเดือนมีนาคม ปี 2567 เอไอเอ ฮ่องกง ประสบความสำเร็จในส่วนของมูลค่าธุรกิจใหม่รายเดือนสูงที่สุดนับตั้งแต่การเดินทางท่องเที่ยวได้กลับมาเป็นปกติอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2566

เอไอเอ ประเทศไทย ส่งมอบมูลค่าธุรกิจใหม่ที่เติบโตเป็นเลขสองหลักทั้งจากช่องทางตัวแทนและช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ สำหรับในด้านตัวแทน การเติบโตได้รับการสนับสนุนจากการเพิ่มจำนวนตัวแทนที่สร้างผลงานและผลผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น และเรายังคงผลักดันในการสรรหาบุคลากรที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง อัตรากำไรจากมูลค่าธุรกิจใหม่ยังคงแข็งแกร่งที่มากกว่า ร้อยละ 90 โดยได้ประโยชน์จากการสนับสนุนอย่างสูงทั้งจากผลิตภัณฑ์ประกันที่มอบความคุ้มครองแบบดั้งเดิมและผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิต ลิงค์)

 

เอไอเอ สิงคโปร์ มีแรงขับเคลื่อนที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 ต่อเนื่องมาถึงไตรมาสแรกด้วยการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ที่โดดเด่น พรีเมียร์ เอเจนซี่ ในฐานะผู้นำตลาดมีการเติบโตได้ได้รับแรงสนับสนุนจากการสรรหาตัวแทนใหม่ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 และตัวแทนใหม่ที่สร้างผลงานเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 20

 

ธุรกิจของเราในมาเลเซีย รายงานว่ามูลค่าธุรกิจใหม่ที่เพิ่มขึ้นเป็นเลขสองหลัก โดยมีการเติบโตทั้งในด้านตัวแทนและการกระจายความร่วมมือ การร่วมมือกับ Public Bank ยังคงได้รับประโยชน์จากการมุ่งเน้นที่เพิ่มมากขึ้นในกลุ่มลูกค้าที่มีสินทรัพย์สูงของธนาคาร

 

เรายังมีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ที่เป็นตัวเลขสองหลักในตลาดอื่น ๆ ของเรา โดยได้รับแรงหนุนหลักจากผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมของ บริษัท ทาทา เอไอเอ ประกันชีวิต จำกัด (Tata AIA Life) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของเราในอินเดีย และการเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วยตัวเลขสองหลักจากธุรกิจของเราในออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ และเกาหลีใต้ ในช่วงไตรมาสแรกองปี 2567 ผลประกอบการของอินเดียในไตรมาสที่ 2 ปี 2566 ได้รับประโยชน์จากยอดขายที่แข็งแกร่งมาก ก่อนที่จะมีข้อจำกัดด้านสิทธิประโยชน์ทางภาษีส่วนบุคคลของกรมธรรม์ที่มีมูลค่าจำนวนมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านช่องทางพันธมิตรของเรา

 

โดยรวมแล้ว เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) ของกลุ่มบริษัทเติบโตขึ้นร้อยละ 26 เป็นจำนวน 2,449 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสแรกของปี 2567 และอัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 54.2 โดยได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในส่วนประสมของผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอ จากแนวทางปฏิบัติทั่วไปของเรา สมมติฐานผลตอบแทนการลงทุนระยะยาวยังคงไม่เปลี่ยนแปลงจากที่แสดงในรายงานประจำปี 2566 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2566 อัตรากำไรที่รายงานตามมูลค่าปัจจุบันของเบี้ยประกันภัยธุรกิจใหม่ (PVNBP) เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 11 ในขณะที่มูลค่าเบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI) เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 เป็นจำนวน 11,223 ล้านเหรียญสหรัฐ

 

รายงานพอร์ตโฟลิโอการลงทุน

สถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่นของเอไอเอช่วยสร้างความแตกต่างที่สำคัญและความได้เปรียบทางการแข่งขัน โดยได้รับการสนับสนุนจากการบริหารพอร์ตโฟลิโอที่ยังมีผลอยู่ใช้และแนวทางการลงทุนที่ขับเคลื่อนด้วยความรับผิดชอบ

 

อันดับเครดิตเฉลี่ยของพอร์ตโฟลิโอตราสารหนี้ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 ยังคงทรงตัวที่ระดับ A เมื่อเทียบกับอันดับเครดิต ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 พอร์ตโฟลิโอหุ้นกู้ของบริษัทมีความหลากหลาย โดยมีผู้ออกหุ้นกู้มากกว่า 2,000 ราย และมีขนาดการถือครองเฉลี่ย 39 ล้านเหรียญสหรัฐ

 

ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 ร้อยละ 2 ของพอร์ตตราสารหนี้ทั้งหมดได้รับการจัดอันดับต่ำกว่าระดับการลงทุน หรือไม่ได้รับการจัดอันดับ ซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 3.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ เทียบกับประมาณ 4.0 พันล้านเหรียญสหรัฐ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 หุ้นกู้ประมาณ 132 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 0.1 ของพอร์ตหุ้นกู้ทั้งหมดของเรา ถูกลดระดับให้ต่ำกว่าระดับการลงทุนในไตรมาสแรกของปี 2567 ในขณะที่ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) สำหรับพอร์ตหุ้นกู้ของเราไม่มีการเปลี่ยนแปลงในไตรมาสแรกของปี 2567 การตั้งสำรองของค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตไว้ที่มูลค่า 485 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 0.5 ของพอร์ตหุ้นกู้ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 สะท้อนถึงพอร์ตการลงทุนคุณภาพสูงโดยรวมของเอไอเอ

 

ภาพรวม

เอเชียยังคงเป็นภูมิภาคที่มีผู้มุ่งหวังระยะยาวซึ่งน่าสนใจที่สุดในโลกสำหรับการนำเสนอประกันชีวิตและประกันสุขภาพ เงินออมภาคเอกชนในระดับสูง ประชากรสูงวัยที่เพิ่มขึ้น การเข้าถึงการประกันภัยที่ต่ำ และความคุ้มครองด้านสวัสดิการที่จำกัด ยังคงสร้างความต้องการผลิตภัณฑ์ของเอไอเออย่างมีนัยสำคัญ ลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของเราใช้ประโยชน์จากโอกาสอันโดดเด่นเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจใหม่ที่มีผลกำไรให้เดินหน้า ซึ่งจะสร้างรายได้ในอนาคตที่เพิ่มขึ้น เงินกองทุนส่วนเกินที่เพิ่มขึ้น และมูลค่าผู้ถือหุ้นที่สูงขึ้น

 

ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ

เอไอเอได้รับเบี้ยประกันภัยส่วนใหญ่ในสกุลเงินท้องถิ่น และเราจับคู่สินทรัพย์และหนี้สินในประเทศของเราอย่างใกล้ชิดเพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เมื่อรายงานตัวเลขรวมของกลุ่มบริษัท จะมีผลกระทบในการแปลงสกุลเงินเนื่องจากเรารายงานเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เราได้ให้อัตราการเติบโตและข้อคิดเห็นบนอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น เนื่องจากจะทำให้เห็นภาพผลการดำเนินงานพื้นฐานของธุรกิจได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

 

 

หมายเหตุ:

  1. การประกาศต่อนักวิเคราะห์และนักลงทุน โดยนายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ มีกำหนดในวันนี้เวลา 9.00 น. ตามเวลาฮ่องกง ผ่านการถ่ายทอดสดทาง Webcast

สไลด์การนำเสนอจะพร้อมให้รับชมได้ตั้งแต่เวลา 6.00 น. ตามเวลาฮ่องกง ในขณะที่สามารถรับชมการนำเสนอซ้ำพร้อมคำบรรยายได้ภายในวันนี้บนเว็บไซต์ของเอไอเอ:

http://www.aia.com/en/investor-relations/results-presentations.html

  1. ข้อความบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการจัดการเงินทุนในประกาศนี้และในการนำเสนออาจถือเป็นข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงข้อความที่คาดการณ์หรือระบุเหตุการณ์ แผนงาน หรือวัตถุประสงค์ในอนาคตของบริษัท โปรดใช้วิจารณญาณว่าปัจจัยหลายประการอาจส่งผลต่อการจ่ายเงินปันผลจริงหรือจำนวนการซื้อคืนหุ้นในปีใดก็ตาม ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงรายได้ เงินทุน และข้อกำหนดความสามารถในการชำระหนี้ที่แท้จริงของกลุ่มบริษัท ที่บังคับใช้กับกลุ่มบริษัท สภาพเศรษฐกิจและตลาดการเงินที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เช่นเดียวกับข้อกำหนดที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ที่กำหนดให้กับบริษัทซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการดำเนินการจัดการทุนต่าง ๆ รวมถึงการจัดการเหล่านั้นที่อ้างถึงในประกาศนี้ นอกจากนั้น การกำหนดจำนวนเงินปันผลในอนาคตหรือการซื้อหุ้นคืนจะต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการและผู้ถือหุ้นของบริษัท ไม่มีข้อความใดในประกาศนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการคาดการณ์ผลกำไรหรือบอกเป็นนัยว่ารายได้ของกลุ่มบริษัทจะต้องตรงกันหรือเกินกว่าเป้าหมายใด ๆ ที่กำหนดไว้ในประกาศนี้
  2. ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2567 และ 2566 ของเอไอเอ สิ้นสุดในวันที่ 31 มีนาคม 2567 และ 31 มีนาคม 2566 ตามลำดับ
  3. ตัวเลขทั้งหมดจะแสดงในสกุลเงินที่รายงานตามจริง (ดอลลาร์สหรัฐ) และขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนจริงเว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น การเปลี่ยนแปลงจะแสดงเป็นรายปีและขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนคงที่เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น การเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนคงที่คำนวณโดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยคงที่สำหรับปี 2567 และ 2566
  4. สมมติฐานผลตอบแทนการลงทุนระยะยาวที่ใช้ในเกณฑ์มูลค่าพื้นฐานของธุรกิจ สำหรับผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2567 จะเหมือนกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 ที่แสดงในข้อมูลมูลค่าพื้นฐานของธุรกิจเพิ่มเติมในรายงานประจำปี 2566 ของเรา สมมติฐานที่ไม่ใช่ทางเศรษฐกิจที่ใช้ในเกณฑ์มูลค่าพื้นฐานของธุรกิจอ้างอิงจากข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 ซึ่งได้รับการอัปเดตเพื่อสะท้อนถึงมุมมองล่าสุดของเอไอเอเกี่ยวกับประสบการณ์ที่คาดหวังในอนาคต
  5. มูลค่าธุรกิจใหม่ของกลุ่มบริษัทไม่รวมมูลค่าธุรกิจใหม่ที่เป็นของส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม
  6. มูลค่าธุรกิจใหม่คำนวณตามสมมติฐาน ณ จุดขาย

มูลค่าธุรกิจใหม่รวมถึงธุรกิจบำนาญ อัตรากำไรของเบี้ยประภัยภัยรับปีแรก และมูลค่าธุรกิจใหม่ไม่รวมธุรกิจบำนาญและมีการรายงานก่อนหักส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม

  1. เบี้ยประภัยรับปีแรกคิดเป็นร้อยละ 100 ของเบี้ยประกันภัยปีแรกแบบรายปี และร้อยละ 10 ของเบี้ยประกันภัยชำระครั้งเดียว ก่อนการเอาประกันภัยต่อ และไม่รวมธุรกิจบำนาญ
  2. เบี้ยประกันภัยรับรวมประกอบด้วย เบี้ยประกันภัยต่ออายุร้อยละ 100 เบี้ยประกันภัยปีแรกร้อยละ 100 และเบี้ยประกันภัยชำระครั้งเดียวร้อยละ 10 ก่อนการเอาประกันภัยต่อ
  3. ในบริบทของส่วนงานที่รายงานของเรา ฮ่องกง หมายถึงการดำเนินงานในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง (SAR) และเขตบริหารพิเศษมาเก๊า สิงคโปร์ หมายถึงการดำเนินงานในสิงคโปร์และบรูไน และตลาดอื่น ๆ หมายถึงการดำเนินงานในออสเตรเลีย กัมพูชา อินเดีย อินโดนีเซีย เมียนมาร์ นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ศรีลังกา ไต้หวัน (จีน) และเวียดนาม

ฝ่ายการดำเนินงานที่จัดตั้งขึ้นของเราในจีนแผ่นดินใหญ่ หมายถึงธุรกิจของเราในกรุงปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เซินเจิ้น กวางตุ้ง และมณฑลเจียงซู สาขาใหม่ของเราในจีนแผ่นดินใหญ่ หมายถึงการดำเนินงานของเราในเทียนจิน เหอเป่ย เสฉวน หูเป่ย และเหอหนาน

  1. เบี้ยประกันภัยรับปีแรก และมูลค่าธุรกิจใหม่สำหรับตลาดอื่น ๆ รวมผลการดำเนินงานจากการถือหุ้นร้อยละ 49 ของเราในบริษัท ทาทา เอไอเอ ประกันชีวิต จำกัด (Tata AIA Life) เบี้ยประกันภัยรับปีแรก และมูลค่าธุรกิจใหม่ ไม่รวมเงินสนับสนุนใด ๆ จากการถือหุ้นร้อยละ 24.99 ของเราในบริษัท ไชน่า โพสต์ ประกันชีวิต จำกัด (China Post Life)

เพื่อความชัดเจน มูลค่าเบี้ยประกันภัยรับรวม ไม่ได้รวมการสนับสนุนใด ๆ จาก Tata AIA Life และ China Post Life

  1. ผลการดำเนินงานของ  Tata AIA Life นำมาบันทึกโดยใช้งวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2566 และงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ในผลการดำเนินงานรวมของเอไอเอสำหรับไตรมาสแรกสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2567 และไตรมาสแรกสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2566 ตามลำดับ
  2. ทรัพยากรทุนกลุ่มที่เอไอเอมีสิทธิครอบครอง และข้อกำหนดด้านทุนที่กำหนดโดยกลุ่ม (GPCR) คำนวณตามวิธีรวมทุนท้องถิ่น (LCSM) ส่วนเกินของกลุ่ม LCSM หมายถึงส่วนเกินของทรัพยากรเงินทุนของกลุ่มที่มีสิทธิเหนือ GPCR

 

เกี่ยวกับกลุ่มบริษัทเอไอเอ

กลุ่มบริษัทเอไอเอ และบริษัทในเครือ (รวมเรียกว่า “เอไอเอ” หรือ “กลุ่มบริษัทเอไอเอ”) เป็นกลุ่มบริษัทประกันชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และมีการบริหารจัดการอย่างอิสระ มีบริษัทในเครือและสำนักงานสาขาใน 18 ประเทศทั่วเอเชียแปซิฟิก ทั้งในประเทศจีน เขตปกครองพิเศษฮ่องกงไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย ออสเตรเลีย กัมพูชา อินโดนีเซีย เมียนมาร์ นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ศรีลังกา ไต้หวัน (จีน) เวียดนาม บรูไน และเขตปกครองพิเศษมาเก๊า และเป็นผู้ถือหุ้นร่วมทุนร้อยละ 49 ในประเทศอินเดีย นอกจากนี้ เอไอเอ ได้เข้าไปถือหุ้นในบริษัทไชน่า โพสต์ ไลฟ์ ประกันชีวิต ในอัตราส่วนร้อยละ 24.99 

 

เอไอเอเริ่มต้นธุรกิจครั้งแรกในเมืองเซี่ยงไฮ้เมื่อศตวรรษที่ผ่านมา ในปี 2462 โดยเป็นผู้นำตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น) ในด้านเบี้ยประกันภัยรับจากธุรกิจประกันชีวิต และเป็นผู้นำตลาดโดยส่วนใหญ่ในภูมิภาค โดยมีสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 286 พันล้านเหรียญสหรัฐ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566

 

กลุ่มบริษัทเอไอเอนำเสนอผลิตภัณฑ์ในการออมเงินระยะยาวและความคุ้มครองชีวิตแก่ลูกค้าบุคคลผ่านผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย ทั้งการประกันชีวิต การประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพ และการวางแผนทางการเงินในวัยเกษียณ นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทเอไอเอยังให้บริการลูกค้าองค์กรผ่านผลิตภัณฑ์สวัสดิการพนักงาน ประกันสินเชื่อ และให้บริการเป็นผู้จัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพผ่านเครือข่ายตัวแทน พันธมิตรและพนักงานทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเอไอเอมีลูกค้าที่ถือครองกรมธรรม์ประกันชีวิตรายบุคคลที่มีผลบังคับมากกว่า 42 ล้านกรมธรรม์ และเป็นสมาชิกกรมธรรม์ประกันกลุ่มมากกว่า 18 ล้านคน

 

กลุ่มบริษัทเอไอเอจดทะเบียนในกระดานหุ้นหลักของตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ภายใต้รหัสหลักทรัพย์ “1299” สำหรับ American Depositary Receipts (ระดับ 1) มีการซื้อขายหลักทรัพย์นอกตลาดหลักทรัพย์ (Over-the-Counter) ภายใต้สัญลักษณ์ AAGIY