แสนสิริประกาศวิสัยทัศน์ FOR GREATER WELL-BEING กำหนดทิศทางอสังหาฯยุคใหม่ ยืนหนึ่งผู้นำด้านการออกแบบและสร้างนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัย รับกระแสผู้บริโภคใส่ใจสุขภาพ-สิ่งแวดล้อม

แสนสิริประกาศวิสัยทัศน์ FOR GREATER WELL-BEING กำหนดทิศทางอสังหาฯยุคใหม่ ยืนหนึ่งผู้นำด้านการออกแบบและสร้างนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัย รับกระแสผู้บริโภคใส่ใจสุขภาพ-สิ่งแวดล้อม

 

 

 

 

แสนสิริประกาศวิสัยทัศน์ FOR GREATER WELL-BEING กำหนดทิศทางอสังหาฯยุคใหม่ ยืนหนึ่งผู้นำด้านการออกแบบและสร้างนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัย
รับกระแสผู้บริโภคใส่ใจสุขภาพ-สิ่งแวดล้อม


เตรียมเปิดตัว “Dust-free House” บ้านปลอดฝุ่นครั้งแรกของเมืองไทยปีนี้
พร้อมวางแผนเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนด้วยยอดขาย 3 ปีรวมกว่า 160,000 ล้านบาท


บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ประกาศให้ปี 2561 เป็นปีแห่งความสำเร็จสูงสุด #SansiriBestYearEver ด้วยยอดขายสูงสุดในรอบ 34 ปี 48,500 ล้านบาทโตขึ้น 25% และยอดขายต่างชาติอันดับหนึ่งของประเทศ 14,000 ล้านบาท สูงขึ้น 51% พร้อมเดินหน้าวิสัยทัศน์ For Greater Well-being สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนตลอดปี 2562ต่อยอดกลยุทธ์ Green & Well-being สู่ทุกโครงการใหม่เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยทุกมิติ ประกาศมาตรการต่อสู้มลภาวะและฝุ่นละออง PM 2.5 อย่างจริงจัง ด้วยการเปิดตัว “Dust-free House” บ้านปลอดฝุ่นครั้งแรกในประเทศในปีนี้ ตอกย้ำภาพลักษณ์ของแสนสิริในการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อม พร้อมเคาะแผนเปิดตัว 28 โครงการใหม่รวมมูลค่ากว่า 46,600 ล้านบาท ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ภายใต้คุณภาพระดับ Best in Class ทุกประเภท ทุกระดับราคา ควบคู่กับการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง ระบุดีมานด์ที่อยู่อาศัยปีนี้ยังมีแต่ลูกค้าจะเลือกแบรนด์ที่เชื่อถือได้มากขึ้น ซึ่งแสนสิริมั่นใจว่าจะมีลูกค้าใหม่ที่เป็น Real-demand มาซื้อโครงการแสนสิริมากขึ้น เหตุเชื่อมั่นในคุณภาพและการดูแล หลังเข้าอยู่อาศัย พร้อมวางเป้าเติบโตแบบยั่งยืนด้วยยอดพรีเซลรวม 3 ปี (2561 – 2564) ทะลุเป้า 1.6 แสนล้าน


นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปี 2561 ที่ผ่านมาเป็นปีที่ถือว่าดีที่สุดของในการดำเนินธุรกิจของแสนสิริมาตลอด 34 ปีที่ผ่านมาหรือ Sansiri Best Year Ever จากความสำเร็จรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นมูลค่าการเปิดตัวโครงการใหม่สูงที่สุดกว่า 65,200 ล้านบาทจาก 25 โครงการ ยอดพรีเซลปี 2561 กว่า 48,500 ล้านบาทสูงสุดเป็นประวัติการณ์โดยเติบโตกว่าปี 2560 ที่อยู่ที่ 38,500 ล้านบาทถึง 25% รวมถึงยอดขายต่างชาติกว่า 14,000 ล้านบาทเติบโตกว่าปีที่ผ่านมาถึง 51% หรือเติบโตกว่า 5 ปีก่อนถึง 10 เท่า ซึ่งแสนสิริครองอันดับหนึ่งยอดขายต่างชาติสูงสุดมาต่อเนื่องตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ปัจจุบันแสนสิริยังมียอด Backlog รวมกว่า 63,500 ล้านบาทที่จะช่วยการันตียอดรับรู้รายได้อันแข็งแกร่งในอีก 3 ปีข้างหน้า”


ปัจจัยที่ช่วยผลักดันให้เราสามารถบรรลุเป้าหมาย Sansiri Best Year Ever ในปี 2561 คือการตอบรับที่ดีของลูกค้าในทุกประเภทที่อยู่อาศัยและทุกเซกเมนต์ โดยเฉพาะในกลุ่มบ้านเดี่ยวเติบโตขึ้นถึง 34 % กลุ่มทาวน์เฮาส์เติบโต 77% และกลุ่มคอนโดมิเนียมเติบโตกว่า 20% ทั้งนี้ โครงการที่ได้รับการตอบรับดีเกินเป้าหมายเมื่อปีที่ผ่านมา อาทิ บ้านแสนสิริที่กวาดยอดขายไปกว่า 75%ของมูลค่าโครงการทั้งหมดภายในระยะเวลาเพียง 6 เดือนซึ่งถือเป็นสถิติใหม่ของบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักซ์ซัวรี่ของเมืองไทย การเปิดตัวคอนโดมิเนียมไลฟ์สไตล์เพื่อคนรุ่นใหม่อย่าง XT ที่มูลค่าการเปิดตัว 3 โครงการรวมกว่า 21,000 ล้านบาทแต่ก็สามารถขายได้ถึง 12,000 ล้านบาทภายใน 3 เดือน รวมทั้งทาวน์เฮ้าส์แบรนด์ใหม่ “สิริ เพลส”
ที่ยอดขายดีจนสามารถดันยอดขายทาวน์เฮ้าส์ให้โตขึ้นกว่าปี 2559 ได้ถึง 3 เท่า ขณะที่ยอดขายจากตลาดต่างจังหวัดเป็นอีกหนึ่งปัจจัยความสำเร็จของปีที่ผ่านมาด้วยยอดขายถึง 12,000 ล้านบาทหรือคิดเป็น 25% ของยอดขายรวมทั้งหมด เติบโตขึ้นกว่าปีก่อนถึง 51%


คุณวันจักร์กล่าวต่อว่า “ในปี 2562 นี้ แสนสิริมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 28 โครงการรวมมูลค่ากว่า 46,600 ล้านบาท ประกอบด้วย คอนโดมิเนียม 12 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 22,400 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 9 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 18,700 ล้านบาท และทาวน์เฮ้าส์ 7 โครงการรวมมูลค่า 5,500 ล้านบาท ซึ่งมุ่งเน้นเปิดตัวโครงการระดับกลาง (Medium Segment)และระดับราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น (Affordable Segment) โดยคิดเป็นสัดส่วนรวม 96% ของมูลค่าการเปิดตัวโครงการทั้งหมด พร้อมตั้งเป้าพรีเซลปีนี้ไว้ที่ 36,000 ล้านบาทและเป้าโอนรวมที่ 32,000 ล้านบาท รวมทั้งวางเป้าหมายระยะยาว 3 ปี ในการสร้างยอดพรีเซลรวมกว่า 160,000 ล้านบาทระหว่างปี 2562-2564”


นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2562 ยังคงเติบโตแต่อาจจะชะลอตัวบ้างในส่วนของการซื้อเพื่อลงทุนของลูกค้าคนไทย แต่อย่างไรก็ตาม แสนสิริเชื่อว่าการซื้อเพื่ออยู่เองจะยังคงโตในระดับเดียวกับปีก่อน ทั้งนี้ จากการแข่งขันด้านราคาและการพัฒนาโครงการของทุกผู้ประกอบการในปีนี้ ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกในการตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์มากขึ้น ซึ่งแสนสิริเชื่อมั่นว่าปี 2562 นี้จะเป็นปีที่ได้เปรียบทางธุรกิจของบริษัท เพราะลูกค้าที่ซื้อเพื่ออยู่เองจะเลือกแบรนด์ใหญ่ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องคุณภาพและบริการหลังการขายมากกว่าแบรนด์เล็กเพราะเป็นการซื้อเพื่ออยู่เองในระยะยาว นอกจากนั้น แสนสิริเชื่อมั่นว่ายอดโอนโครงการของแสนสิริในปีนี้จะเป็นไปได้ดีตามเป้าเพราะมียอดพรีเซลที่รอการรับรู้รายได้ในระดับสูงจากลูกค้าที่มีคุณภาพและกำลังซื้อจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้าชาวจีนและชาวต่างชาติ ที่วางเงินดาวน์สูงและเชื่อมั่นในศักยภาพการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ไทยเพื่อผลตอบแทนระยะยาว”


คุณอุทัย กล่าวต่อถึงกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจปี 2562 ว่า แสนสิริให้ความสำคัญและลงลึกในทุกรายละเอียด ของความต้องการของผู้บริโภคเพื่อเติมเต็มประสบการณ์การใช้ชีวิตของลูกค้าเสมอมา โดยปีนี้แสนสิริมองเห็นเทรนด์และความต้องการในการอยู่อาศัยที่เปลี่ยนแปลงไปของคนยุคปัจจุบันที่มีความตื่นตัวในเรื่องการดูแลสุขภาพและปัญหาสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น จึงวางวิสัยทัศน์ For Greater Well-being เพื่อต่อยอด 2 แนวคิด Green & Well-being มาประยุกต์ใช้กับทุกโครงการใหม่ของแสนสิริ นำร่องด้วยโครงการเศรษฐสิริ ทวีวัฒนา บ้านเดี่ยวภายใต้คอนเซปต์ Well-being โครงการแรกของแสนสิริที่จะเปิดตัวในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ รวมทั้งเตรียมเปิดขายอย่างเป็นทางการ Wellness Residence คอนโดมิเนียมสำหรับคนรักสุขภาพแห่งแรกของไทยบนทำเลศักยภาพ


กรุงเทพกรีฑา ที่จะเปิดมิติใหม่แห่งการอยู่อาศัยที่สามารถดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ตลอดจนจะรุกแบรนด์บุราสิริมากขึ้นด้วย เพราะเล็งเห็นดีมานด์คนในกรุงเทพที่อยากได้บ้านสไตล์รีสอร์ตเพื่อเติมเต็มสุขภาพกายและสุขภาพใจ นอกจากนั้น แสนสิริยังวางแผนที่จะสร้างปรากฎการณ์ใหม่แก่วงการอสังหาฯด้วยการเปิดตัว “บ้านปลอดฝุ่น” หรือ Dust-free House ครั้งแรกของเมืองไทยภายในปีนี้และประกาศนโยบายรับผิดชอบต่อสังคมอย่างจริงจังผ่านการลดการใช้พลังงานและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่สร้างผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมโลกในทุกขั้นตอน


ด้านการพัฒนาโครงการใหม่ในปี้นี้จะมุ่งเน้นกลยุทธ์ Diversification ที่จะนำเสนอหลากหลายประเภทโครงการที่อยู่อาศัยมากขึ้น ครอบคลุมในทุกระดับราคาและทุกทำเลทั่วประเทศเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยมีสัดส่วนการเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์เพิ่มมากขึ้นใน ปีนี้เพื่อรองรับดีมานด์การอยู่อาศัยเอง นำโดยแบรนด์เศรษฐสิริที่เป็นบ้านเดี่ยวตอบโจทย์ลูกค้าระดับบนที่ต้องการบ้านขนาดใหญ่เพื่อครอบครัวขยาย และแบรนด์สิริ เพลสทาวน์เฮ้าส์สำหรับผู้ที่อยากมีบ้านหลังแรกในราคาที่จับต้องได้แต่ยังได้ส่วนกลางมาตรฐานแสนสิริและฟังก์ชั่นการใช้งานบ้านที่ให้มากกว่าทาวน์เฮ้าส์โดยทั่วไป ขณะที่คอนโดมิเนียมก็จะมีการเปิดตัวโครงการในทุกระดับราคาและหลายทำเลเช่นกัน


คุณอุทัย กล่าวต่อว่า “แสนสิริยังมุ่งมั่นที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ทั้งในประเทศและในตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สามารถครองใจลูกค้าต่างชาติได้ในทุกเซกเมนต์โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ โดยปีนี้เราเปิด SIRI HOUSE ที่สิงคโปร์และที่เมืองไทยด้วยหวังเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการถ่ายทอดประสบการณ์การใช้ชีวิตแบบแสนสิริให้ลูกค้าได้สัมผัส ตลอดจนเราจะสร้างความแข็งแรงให้กับโครงการปัจจุบันด้วยการเปิดตัว Sansiri Club Collection ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มโครงการที่เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ และ Sansiri Luxury Collection การรวมกลุ่มโครงการระดับลักซ์ชัวรี่และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อสร้างเอกลักษณ์ในการสื่อสารการตลาดผ่านวิธีการและแคมเปญที่เหมาะสมกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าแต่ละกลุ่มมากยิ่งขึ้น


นอกจากนั้น ในปีนี้แสนสิริจะเดินหน้านำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในพัฒนาการดำเนินธุรกิจให้มากขึ้นเพื่อความสะดวกสบายของลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพในดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำนวัตกรรมมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษาความปลอดภัยในการอยู่อาศัยก็เป็นอีกจุดแข็งของแบรนด์ที่แสนสิริต้องการที่จะเน้นย้ำ ในปีนี้เช่นกันเพราะเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ของผู้บริโภค นอกจากนั้น แสนสิริจะรุก ในการสร้างองค์กรที่มีความแข็งแกร่งอย่างยั่งยืนด้วยการนำการทำงานแบบ Agile มาใช้สนับสนุนการทำงานของคนรุ่นใหม่ให้มีประสิทธิภาพ รวมทั้งสานต่อ Sansiri Green Mission ตลอดจนการช่วยเหลือเด็กไทยและต่างชาติอย่างต่อเนื่องผ่านกิจกรรม Social Change และการเป็น UNICEF’s Selected Partner องค์กรแรกและองค์กรเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


“แสนสิริเชื่อมั่นว่าแนวคิด For Greater Well-being ที่แสนสิริมุ่งมั่นในการมอบรูปแบบและนวัตกรรมการอยู่อาศัยที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อมในปี 2562 นี้ จะสร้างความโดดเด่นและแตกต่างให้กับแบรนด์แสนสิริในฐานะบริษัท อสังหาริมทรัพย์ที่เข้าใจความต้องการผู้บริโภคในทุกยุคทุกสมัยอย่างแท้จริง ตลอดจนเป็นผู้เซตมาตรฐานการพัฒนาที่อยู่อาศัยของประเทศไทยเพื่อคุณภาพการชีวิตที่ดีขึ้นของลูกค้าและเพื่อโลกที่ดีขึ้นของเราได้” คุณอุทัย กล่าวสรุป

 

Sansiri unveils new vision “FOR GREATER WELL-BEING” to redefine modern real estate and emphasize its leadership in design and development of innovation for health and environment-conscious living

“Dust Free House” is set to be launched for the first time in Thailand in 2019 Strong and sustainable growth path planned to be achieved by 3-year sales target of 160 billion Baht

Sansiri achieved its ‘SansiriBestYearEver’ ambition in 2018 with record sales in its 34-year history of 48,500 million Baht, representing 25% year-on-year growth, and continued to be Thai real estate developer with highest sales in international markets, amounting 14,000 million Baht, or 51% year-on-year growth. The company announced its new vision “FOR GREATER WELL-BEING” to advance its sustainable growth path in 2019, by expanding Green and Well-Being development approach to all new projects to enhance the quality of life for residents and implementing proactive measures to fight PM 2.5 pollution by launching Thailand’s first ‘dust-free house’ by this year to accentuate its leadership in innovation for health and environment-conscious living. 28 new projects worth totally 46,600 million Baht were set to be launched in 2019 in Bangkok and other provinces, with best-in-class quality across all types and price ranges. While brand building strategy continued to be a key focus, the company is optimistic on demand for residence among consumers who opt for reliable brand, with more and more consumers in real demand sector choose to purchase Sansiri project due to the prominence in high quality and after-sales services. Sansiri aimed at building a sustainable growth with projected presale revenue of 160 billion Baht in three years (2019 – 2021)

Mr. Wanchak Buranasiri, Chief Financial Officer, Sansiri Public Company Limited, said that “2018 is Sansiri’s best year ever in the history of the company’s 34 years in business, thanks to record-breaking performance we achieved in various aspects, including the highest total value of new projects launched of 65,200 million Baht from 25 projects, highest presale revenue of 48,500 million Baht, or 25% increase from previous year, impressive sales in international markets of 14,000 million Baht, 51% increase from previous year, or growing 10 times from five years ago, continuing to be Thai developer with highest sales in international markets for consecutive 5 years. These result in current total backlog of over 63,500 million Baht, guaranteeing a strong revenue recognition for the next three years.”


Key success factor in achieving Sansiri Best Year Ever ambition in 2018 is the overwhelming response from consumers in all resident types and segments. Single house segment grew 34%, townhouse segment 77% and condominium 20% respectively. Projects that received better-than-expected response included Baan Sansiri, which garnered 75% sales within only 6 months, a new high record for super luxury single house project in Thailand; XT, new lifestyle condominium for new gen consumers, which were launched in three projects worth totally 21,000 million Baht, generated total sales of 12,000 million Baht in only three months; SIRI PLACE, new townhouse brand, achieved excellent sales that represented three-time growth in the company’s townhouse segment from 2016; and sales in provincial markets totaled 12,000 million Baht, or 25% of Sansiri’s total sales, and representing 51% growth from the previous year.

In 2019, Sansiri planned to launch new 28 projects worth totally 46,600 million Baht. Among these are 12 condominium projects with total value of 22,400 million Baht, 9 single house projects with total value of 18,700 million Baht and 7 townhouse projects with total value of 5,500 million Baht. Key market focuses are medium and affordable segments, which accounted for 96% of the total value of new projects in the year. The company targeted presale revenue of 36,000 million Baht and ownership transfer value of 32,000 million Baht in 2019, with 3-year presale revenue target of 160,000 million Baht for 2019 – 2021.

Mr. Uthai Uthaisangsuk, Chief Operating Officer, Sansiri Public Company Limited revealed that “Thai real estate market in 2019 continues to grow, with slightly sluggish sales in investment purchase among Thai consumers. However, we believe that the real demand sector will grow on par with last year. More competition in price and project development will give more choices for consumers. Our competitive advantages will bring us another excellent year in 2019 as consumers in the real demand sector prefer to choose well-established brand with proved track record in quality and after-sales services. We are confident that ownership transfer

value in this year will be achieved as expected with strong presale revenue to be recognized from consumers with high purchasing power, especially Chinese and foreign customers who paid high down payment and are confident in long-term investment potential of Thai real estate.”

Sansiri’s 2019 strategy will focus more in in-depth details of customer needs to enhance living experience. In light of the changing trend of residential needs of modern people who are more health and environment-conscious, the company mapped out new vision “For Greater Well-Being” to expand the application of its Green and Well-Being approaches in all new projects. This will be first introduced at Setthasiri Taweewattana, Sansiri’s first single house project with well-being development concept to be launched in February 2019. Presale of Wellness Residence, Thailand’s first condominium for health-conscious living located at Krunthep Kreetha area, is set to be launched in the second quarter of the year. More projects in Burasiri brand will be developed to cater to increasing demand from Bangkok people who prefer resort-styled residence. Sansiri also planned to launch dust-free house for the first time in Thailand in 2019 as well as announced proactive measures to curb down the consumption of energy and natural resources throughout the project development process.

New project development will be more diversified to offer more options of residential projects across all segments, price ranges and locations in Bangkok and other provinces. The ratio of single house and townhouse will be increased to capture real demand sector, led by Setthasiri brand, single house project for upscale consumers who need a sizable house to accommodate new family members in the future, and SIRI PLACE, townhouse for consumers who wish to have first home at an accessible price, with Sansiri’s standard in common area facilities and superior function, while new condominium projects will be launched at all price ranges and various locations.

“Sansiri will continue to strengthen its brand in Thai and international markets with aim to be top-of-mind real estate brand among international customers at all segments, especially high-end consumers. We recently opened SIRI HOUSE in Singapore to bring the experience of living in Sansiri style to new customers outside Thailand. We launched Sansiri Club Collection, which gathers projects that cater for new-gen consumers; and Sansiri Luxury Collection, which brings together luxury and super-luxury projects into one showcase, in order to created unique, tailor-made market communication and campaign that best meet the need and lifestyle of each target group.

More innovation and technology will be integrated into the business operation in order to bring ease and convenience to customers as well as enhance business performance. Key focus in 2019 is innovation for increased level of safety and security of living in Sansiri property, which is a major factor for consumers in making purchasing decision. Sansiri also continues to build an organization with sustainable growth by introducing Agile approach to enhance employee engagement among new gen working people, expanding Sansiri Green Mission as well as conduct Social Change activities to aid children in Thailand and other countries and being the first and only business enterprise in Southeast Asia to become UNICEF’s Selected Partner.

“We believe that our For Greater Well-Being vision which is centered around innovations for health and environment-conscious living in 2019 will set us apart once again as a real estate developer who truly tap into the need of consumers of all time, a pace setter of living standard in Thailand that brings a better quality of life to our customers and for the better world,” concluded Uthai.