ไทยประกันชีวิตรับ RBC เฟส 2

ไทยประกันชีวิตรับ RBC เฟส 2

 

ไทยประกันชีวิตโชว์ฐานะการเงินปึ้ก มั่นใจพร้อมรับ RBC เฟส 2 ให้ความร่วมมือทดสอบเต็มที่ ชี้เพื่อให้สอดคล้องมาตรฐานสากล โชว์ CAR Ratio ไตรมาส 1 อยู่ที่ 390% สูงกว่าเกณฑ์ที่ คปภ.กำหนด ทั้งได้รับการจัดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินที่ A-จาก Fitch Rating


นายเคียน ฮิน ลิม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ Group Chief Financial Officer บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้กำหนดหลักเกณฑ์การดำรงเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง (Risk Based Capital : RBC) เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินให้แก่บริษัทประกันภัย และอยู่ระหว่างการทดสอบผลกระทบเชิงปริมาณของกรอบการดำรงเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง ระยะที่ 2 ครั้งที่ 1 (RBC 2 QIS 1)  เพื่อดูผลกระทบที่มีต่อธุรกิจประกันภัยและขอความคิดเห็นเกี่ยวกับกรอบการทดสอบดังกล่าว

“ไทยประกันชีวิตพร้อมให้ความร่วมมือกับ คปภ.อย่างเต็มที่ ทั้งในระดับของคณะกรรมการบริษัทฯ ตลอดจนผู้บริหารของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับพารามิเตอร์และกรอบการทดสอบดังกล่าว ทั้งนี้ แนวคิดในการพัฒนากรอบการดำรงเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง ระยะที่ 2 (RBC 2) ถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม เนื่องจาก RBC เฟสแรกมีการบังคับใช้มานานแล้ว ตั้งแต่ปี 2554 และเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล รวมถึงยกระดับคุณภาพของเงินกองทุน ตลอดจนเงินกองทุนสะท้อนความเสี่ยงหลักของบริษัทได้ดียิ่งขึ้น ในส่วนของไทยประกันชีวิตเอง ไม่มีความกังวลใจ” นายเคียน ฮิน ลิมกล่าว สำหรับฐานะทางการเงินของบริษัทฯ อยู่ในระดับมั่นคง มีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน (Capital Adequacy Ratio : CAR) ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2559 อยู่ที่ 390% จากจำนวนเงินกองทุนที่ต้องดำรงไว้ 18, 000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2558 ซึ่งอยู่ที่ 376% สูงกว่าเกณฑ์ที่ คปภ.กำหนด และอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเมื่อเทียบกับกลุ่มบริษัทประกันชีวิตขนาดใหญ่ ขณะเดียวกันบริษัทฯ มีสินทรัพย์อยู่ที่ 317, 490 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 1, 778  ล้านบาท

เมื่อแยกเงินกองทุนตามประเภทของความเสี่ยง เป็นเงินกองทุนสำหรับความเสี่ยงด้านการประกันชีวิต (Insurance Risk) อยู่ที่ 26% เงินกองทุนสำหรับความเสี่ยงด้านเครดิต (Credit Risk) อยู่ที่ 26% และเงินกองทุนสำหรับความเสี่ยงด้านตลาด (Market Risk) 48% นอกจากนี้ ไทยประกันชีวิตได้รับการจัดอันดับเครดิตทางเงิน จากฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) สถาบันจัดอันดับเครดิตทางการเงินระดับโลก ได้ประเมินและจัดอันดับเครดิตทางการเงินของบริษัทฯ ให้มีระดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากล (International Insurer Financial Strength (IFS)) ที่ระดับ A- และอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศ (National Insurer Financial Strength)  ที่ระดับ AAA(tha) โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพซึ่งถือเป็นอันดับเครดิตทางการเงินสูงที่สุดในไทยนายเคียน ฮิน ลิม กล่าวเพิ่มเติมว่า ไทยประกันชีวิตให้ความสำคัญต่อความเข้มแข็งทางการเงิน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้เอาประกัน ขณะเดียวกันยังมุ่งเน้นการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ ให้ผลตอบแทนที่ดี แต่ความเสี่ยงต่ำ เพื่อให้ผู้เอาประกันมั่นใจได้ว่าจะได้รับการคุ้มครองที่ดีตลอดระยะสัญญากรมธรรม์

นอกจากนี้ ไทยประกันชีวิตยังมุ่งมั่นพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ อันจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจแก่ผู้เอาประกันและพันธมิตรทางธุรกิจให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยไทยประกันชีวิตเป็นบริษัทประกันภัยแห่งแรกในประเทศไทย ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ISO22301 ด้านการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ จากสถาบันรับรองมาตราฐานไอเอสโอ ทั้งนี้ มาตรฐาน ISO22301 จะมุ่งเน้นการวิเคราะห์ความต้องการและความคาดหวังของลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อให้บริษัทฯสามารถให้บริการที่เหมาะสมและตรงตามต้องการของลูกค้าในขณะนั้น  และมุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงในอนาคตได้ โดยครอบคลุม 5 ด้าน ประกอบด้วย ด้านสังคม ด้านเทคโนโลยี ด้านเศรษฐกิจ ด้านสิ่งแวดล้อม และด้านการเมือง โดยบริษัทฯต้องมีการเตรียมความพร้อม เพื่อรองรับกับสถานการณ์ดังกล่าวไว้อย่างครบถ้วน สมบูรณ์แบบ สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง และเกิดประโยชน์สูงสุด