เมืองไทยประกันชีวิต เดินหน้านโยบายยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง

เมืองไทยประกันชีวิต เดินหน้านโยบายยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง

 

 

 

เมืองไทยประกันชีวิต เดินหน้านโยบายยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง

ชูผลิตภัณฑ์หลากหลาย-บริการเด่น ร่วมมหกรรมการเงิน 2017

ตอบโจทย์ความต้องการยุคดิจิทัล

 

 

 

 

นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของเมืองไทยประกันชีวิตในปีนี้ ยังคงมุ่งมั่นในนโยบาย “ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric)” อย่างต่อเนื่อง ด้วยการคิดค้น คัดสรร ผลิตภัณฑ์และบริการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าในยุคปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและค่อนข้างมีความหลากหลายของเจเนเรชั่น โดยยึดความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก วิเคราะห์ และนำเสนอแบบประกันชีวิตที่เหมาะสม รวมไปถึง สัญญาเพิ่มเติมสุขภาพ อุบัติเหตุ  และโรคร้ายแรงที่คุ้มครองครอบคลุมตั้งแต่ระยะเริ่มต้น รวมไปถึงการให้บริการผ่านเทคโนโลยีที่ทันสมัยและเข้าถึงลูกค้าได้อย่างตรงจุด

 

 

ล่าสุดเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล บริษัทฯ ได้คัดสรรผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและบริการที่โดดเด่น เข้าร่วมงานมหกรรมการเงิน  Money Expo  2017 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-14 พฤษภาคม 2560    ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2-3 อิมแพ็คเมืองทองธานี  ซึ่งผลิตภัณฑ์และบริการที่บริษัทฯ นำมาเสนอในครั้งนี้       ได้แบ่งประเภทออกตามความต้องการของลูกค้าไว้อย่างชัดเจน  ประกอบด้วย ผู้ที่ต้องการสร้างหลักประกันให้ครอบครัว  ผู้ที่ต้องการบริหารสินทรัพย์และวางแผนภาษี  ผู้ที่ต้องการชำระเบี้ยประกันภัยระยะสั้นและผลตอบแทนคุ้มค่า   รวมถึงผู้ที่ต้องการความคุ้มครองควบคู่ไปกับการลงทุน เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น

 

 

โดยผู้ที่ต้องการสร้างหลักประกันให้ครอบครัว  ผลิตภัณฑ์ที่นำมาเสนอคือ  ผลิตภัณฑ์ใน โครงการเมืองไทย คุ้มครองพิเศษ ซึ่งมีให้เลือกทั้งหมด 3 แพ็กเกจ  สามารถเลือกได้ตามระยะเวลาชำระเบี้ยประกันภัย  ประกอบด้วย  โครงการเมืองไทยคุ้มครองพิเศษ 1  ที่จ่ายเบี้ยน้อย แต่สามารถสร้างหลักประกันเงินล้านได้(1)  โครงการเมืองไทยคุ้มครองพิเศษ 2 จ่ายเบี้ยสบายๆ  10 ปี   โครงการเมืองไทยคุ้มครองพิเศษ 3  จ่ายเบี้ยสั้นๆ เพียง 7 ปี แต่รับเงินจ่ายคืนจนครบอายุ 90 ปี  ทั้ง 3 แพ็กเกจจะเน้นความคุ้มครองตลอดชีพ และหากตกเป็นบุคคลทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวรก็ไม่ต้องรับภาระชำระเบี้ยประกันภัย โดยทั้ง 3 แพ็กเกจนี้จะได้รับความคุ้มครองสุขภาพโรคร้ายแรงจากสัญญาเพิ่มเติมซีไอ เพอร์เฟค แคร์ ที่คุ้มครองโรคร้ายมากถึง 36 โรคร้ายแรง โดยให้ความคุ้มครองตั้งแต่ระยะเริ่มต้นอีกด้วย 

 

 

ส่วนผู้ที่ต้องการบริหารสินทรัพย์ และวางแผนภาษี  ผลิตภัณฑ์ที่นำมาเสนอสามารถใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีได้ทุกแบบ  ได้แก่  แบบประกันภัย เมืองไทยกู๊ด ช้อยส์ 10/6  เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการได้รับผลตอบแทนที่แน่นอน และมีเงินจ่ายคืนทุกปี สมัครได้ไม่ต้องตรวจสุขภาพ(2)  โครงการเมืองไทย ซุปเปอร์ เซฟวิ่ง 14/7  ที่ชำระเบี้ยประกันภัย 7 ปี มีเงินจ่ายคืนทุกปี      และหากตกเป็นบุคคลทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวร บริษัทฯ ก็จะเป็นผู้ชำระเบี้ย

 

 

ประกันภัยให้จากความคุ้มครองของสัญญาเพิ่มเติมผลประโยชน์การยกเว้นเบี้ยประกันภัยของผู้เอาประกันภัย(3) โครงการเมืองไทย ซุปเปอร์ เซฟเวอร์ 25/16 เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจ่ายเบี้ยสบายๆ  ยาวถึง 16 ปี แต่ได้รับเงินจ่ายคืนทุกปี  และหากตกเป็นบุคคลทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวรก็จะได้รับการยกเว้นชำระเบี้ยประกันภัย(3)   และ       แบบประกันภัย เมืองไทยคุ้มครองตลอดชีพ 99/20 มีจุดเด่นที่ชำระเบี้ยประกันภัย 20 ปี  แต่ให้ความคุ้มครองชีวิตระยะยาวจนครบอายุ 99 ปี   

 

 

ผู้ที่ต้องการชำระเบี้ยประกันภัยระยะสั้น และได้รับผลตอบแทนคุ้มค่า  บริษัทฯ นำเสนอแบบประกันภัย เมืองไทยได้ใจ 3/2   จ่ายเบี้ยเพียง 2 ปี  เบี้ยเท่ากันทุกเพศทุกวัย ครบ 3 ปี ก็ได้รับเงินครบสัญญาไม่ต้องตรวจสุขภาพ(2)  ทำได้ตั้งแต่อายุ 1 เดือน ถึง 70 ปี ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการภาระผูกพันนาน และมีความสามารถในการชำระเบี้ยสูง  และผู้ที่ต้องการความคุ้มครองควบคู่ไปกับการลงทุน เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น บริษัทฯ นำเสนอ โครงการ Beyond Saving 1  และโครงการ Beyond Saving 2     ซึ่งเป็นประกันชีวิตแบบยูนิเวอร์แซลไลฟ์ ที่ชำระเบี้ยประกันภัยครั้งเดียว (Single Premium) มีจุดเด่นที่การเปิดโอกาสให้ผู้เอาประกันภัยสามารถได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น  ตามความเสี่ยงที่ยอมรับได้

 

 

นายสาระ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้จัดเตรียมเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัยมาเพื่อให้บริการอย่างครบครัน รวมถึงกิจกรรมแห่งความสุขและรอยยิ้มจาก  “เมืองไทย Smile Club”  ซึ่งภายในงานสมาชิกสามารถตรวจสอบข้อมูลหรือคะแนนสะสม Smile Point และนำคะแนนสะสม Smile Point แลกรับของที่ระลึกมากมาย นอกจากนี้ลูกค้าเมืองไทยประกันชีวิตสามารถกรอกใบสมัครสมาชิกเมืองไทย Smile Club หรือ ปรับปรุงข้อมูลส่วนตัวสมาชิกเมืองไทย Smile Club  เพื่อร่วมกิจกรรมและแลกรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ  พร้อมด้วยกิจกรรมให้ความรู้ทางด้านการเงินแก่ผู้ร่วมงานอีกด้วย  สำหรับกิจกรรมความบันเทิงที่บูธเมืองไทยประกันชีวิต  วันแรก (11 พ.ค.)    พบกับน้ำตาล ชลิตา ส่วนเสน่ห์  มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ปี 2559 และศิลปินจาก The Mask Singer   วันเสาร์ที่ 13 พ.ค.พบกับ โต๋ ศักดิ์สิทธิ์  และวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค. พบกับ โรส ศิรินทิพย์

 

“เรามั่นใจว่าผลิตภัณฑ์และบริการที่เมืองไทยประกันชีวิตนำมาเสนอในงานมหกรรมการเงิน 2017 ครั้งนี้ จะได้รับการตอบรับจากผู้ร่วมงานเป็นอย่างดีเช่นเคย  ด้วยความโดดเด่นของบริการและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย สามารถเข้าถึงทุกความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้เป็นอย่างดี   ด้านภาพรวมของผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2560 ที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจ ด้วยยอดเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่  27,618 ล้านบาท มีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 18.5% และเป็นอันดับที่ 1 ในผลงานเบี้ยประกันภัยรับใหม่และเบี้ยประกันภัยรับปีแรก ด้วยยอดเบี้ยประกันภัยรับใหม่ 7,321 ล้านบาท มีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 18.4% และเบี้ยประกันภัยรับปีแรก 4,487 ล้านบาท มีส่วนแบ่งตลาด 17.2% (ข้อมูลจากสมาคมประกันชีวิต ณ วันที่ 5 พ.ค. 60)  สะท้อนถึงความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจที่มุ่งตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ ภายใต้นโยบายยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางได้เป็นอย่างดี ”  นายสาระ กล่าว

 

  • เงื่อนไขและข้อยกเว้นเป็นไปตามที่ระบุในกรมธรรม์
  • การพิจารณารับประกันภัย เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่บริษัทฯ กำหนด

 

หมายเหตุ :

(1) สำหรับแผน 2-4 และไม่เคยได้รับผลประโยชน์จากสัญญาเพิ่มเติม ซีไอ เพอร์เฟค แคร์

(2) ผู้ขอเอาประกันภัยต้องแถลงข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพในใบคำขอเอาประกันภัย ทั้งนี้ การแถลงข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพเป็นปัจจัยหนึ่งในการพิจารณารับประกันภัย หรือพิจารณาการจ่ายเงินตามกรมธรรม์

      (3) เฉพาะสำหรับผู้เอาประกันภัยอายุ 20 – 59 ปี โดยให้ความคุ้มครองถึงครบอายุ 60 ปี 

คำเตือน: ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขก่อนการตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง