ชีวิตกับพลังศรัทธา-ความมุ่งมั่น ยุวเรต ศรุตานนท์(กังสถาน)
นิตยสาร เชนจ์ อินทู
http://www.changeintomag.com
ชีวิตกับพลังศรัทธา-ความมุ่งมั่น
ยุวเรต ศรุตานนท์(กังสถาน)
“สุดท้ายของปลายอุโมงค์ มักจะมีแสงสว่างเสมอ”
จากกระแสข่าว ‘น้องเรต’ เพิ่งเปลี่ยนมาใช้นามสกุล ‘ศรุตานนท์’ อย่างถูกต้องตามกฎหมายไม่นานนี้(เดิมเธอใช้นามสกุล‘กังสถาน’) วันนี้เธอยืนยันชัดเจนว่า ระหว่างที่มีการเปลี่ยนนามสกุลมาเป็น "ศรุตานนท์" อย่างเป็นทางการนั้น ท่านสันต์ (พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์) ได้ให้ทนายความ และฝ่ายกฏหมายดำเนินการเปลี่ยนนามสกุลให้คุณเรตเป็นไปตามกฏหมาย แม้ว่าพล.ต.อ.สันต์ ยังไม่ได้หย่ากับคุณหญิงเกิดศิริ ศรุตานนท์ ก็ตาม แต่วันนี้เธอได้ใช้ชีวิตอยู่กับ พล.ต.อ.สันต์ มานานกว่า 13 ปีแล้ว
วันนี้ลองมาฟังประวัติคร่าวๆ ของสาวบอบบางร่างเล็กที่ชื่อ ยุวเรต ศรุตานนท์ (กังสถาน) อายุ 31 ปี จบปริญญาโทศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาการจัดการทางวัฒนธรรม จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ที่ก่อนหน้านี้ได้เข้ามาสัมผัสแวดวงการค้าขายที่ดินได้เพียงไม่กี่ปี แต่ความมุ่งมั่น ไม่ย่อท้อ รวมถึงความเชื่อที่ว่า คิดดี ทำดี ไม่เบียดบังหรือคดโกงผู้อื่น และความกตัญญูต่อพ่อแม่ จะนำพาสิ่งดีๆ กลับมาหาตัวเอง คือแรงขับเคลื่อนที่ทำให้มีวันนี้ของผู้หญิงที่ชื่อ ยุวเรต ศรุตานนท์ (กังสถาน)
กับธุรกิจค้าขายที่ดิน หากประสบการณ์มีไม่มาก เงินทุนไม่หนา และเพื่อนฝูงในวงการไม่กว้างขวางพอ อาจก้าวสู่ความสำเร็จไม่ได้ แต่สำหรับ เรต-ยุวเรต ศรุตานนท์ (กังสถาน) แม้จะเข้ามาสวมบทบาทเป็นนักธุรกิจค้าที่ดินหน้าใหม่แห่งวงการได้เพียงไม่กี่ปี แต่เรื่องประสบการณ์และชั้นเชิงด้านการซื้อ-ขายที่ดิน ถือว่าไม่เป็นสองรองใคร เหตุเพราะได้รับคำชี้แนะจาก พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นแลนด์ลอร์ดคนดังของเมืองไทย ทำให้เจริญรอยตามถนนสายธุรกิจนี้ได้ไม่ยาก
///จุดเริ่มต้นธุรกิจ
สำหรับจุดเริ่มต้นบนถนนธุรกิจซื้อ-ขายที่ดิน เจ้าตัวเปิดเผยให้ฟังว่า ได้รับการหยิบยื่นโอกาสจาก พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ เหตุเพราะเป็นอาชีพที่ไม่ต้องใช้เวลาเยอะ ทำให้มีเวลาไปทำธุระส่วนตัวอย่างอื่นได้
“ต้องออกตัวก่อนว่า ธุรกิจซื้อ-ขายที่ดินที่ทำ เป็นเพียงเล็กๆ ไม่ได้ใหญ่โตหรือลงทุนทำด้านเรียลเอสเตตแต่อย่างใด แค่ซื้อมาแล้วก็ขายไปเท่านั้น” เจ้าตัวกล่าวด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะอธิบายเพิ่มเติมว่า แต่ก่อนไม่มีความรู้เรื่องที่ดินเลย โชคดีที่ พล.ต.อ.สันต์ ให้คำชี้แนะ และให้คำปรึกษาด้านการซื้อ-ขายที่ดินมาโดยตลอด ความที่ท่านเพื่อนเยอะ มีคนรู้จักมาก ทำให้ธุรกิจนี้เป็นไปในทิศทางที่ดี
กับเคล็ดลับการดูที่ดินแบบพื้นฐาน นักธุรกิจหน้าใหม่ที่ชื่อ ยุวเรต เผยให้ฟังว่า ที่ต้องสวย นอกจากจะติดถนน ทางเข้าสวย ต้องไม่ใช่ที่ตาบอด เพื่อจะขายต่อได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าจะให้เจาะลึกถึงรายละเอียดอื่นๆ คงต้องขอคำปรึกษาจากคนรอบข้างที่มีประสบการณ์ด้านซื้อ-ขายที่ดินอีกที
“จับธุรกิจไม่ได้ชิ้นใหญ่มาก ประมาณ 10-20 ล้านบาท ทำเล็กๆ ไปก่อน ซื้อมาแล้วก็ขายไป หากยังปล่อยไม่ได้ก็ยังไม่ซื้อผืนใหม่ เพราะเงินจะไปจมอยู่ตรงนั้น ต้องมีลิมิตของตัวเอง ให้ไปกู้หนี้ยืมสินคนอื่นมาซื้อก็ไม่เอา เพราะไม่อยากเครียดหรือสร้างความกดดันให้กับตัวเอง” เจ้าตัวยังบอกอีกว่า เมื่อประสบการณ์ด้านนี้ยังน้อย ก็ต้องค่อยๆ เรียนรู้ไป ให้ก้าวกระโดดหรือทำการใหญ่แบบ 100 ล้าน 1,000 ล้าน คงไม่ไหว ที่สำคัญคือไม่ใช่แนวด้วย การเรียนรู้ไปทีละสเต็ป หรือถามไถ่เวลาที่เกิดปัญหา จะช่วยให้เข้าใจถึงธุรกิจนี้ได้ดีขึ้น วันนี้อาจจะเก่งแค่ 10% พรุ่งนี้หรือวันต่อๆ ไปอาจจะเก่งขึ้นอีก 20% หรือ 30% ก็เป็นได้ หากตั้งใจที่จะเรียนรู้”
///ตรวจสอบก่อนโดนหลอก
หลายครั้งกับการติดต่อทาบทามจากเจ้าของที่ดิน เรื่องทำเลที่ตั้ง พร้อมโฆษณาชวนเชื่อว่าเป็นแปลงที่สวย จำเป็นจะต้องตรวจสอบที่แต่ละผืนอย่างละเอียด
“อันดับแรกเลย หากได้รับการติดต่อจากเจ้าของที่ดินเพื่อมาเสนอขาย ต้องเช็กข้อมูลเองก่อนว่าที่ดินนั้นอยู่ตรงบริเวณไหน ดีหรือไม่ เพราะจะมีข้อมูลพื้นฐานอยู่แล้ว จากนั้นก็ให้ส่งเอกสารมาตรวจสอบว่าเป็นที่ดินแบบไหน มีโฉนดหรือเปล่า และเพื่อความถูกต้อง ก็ต้องส่งให้เจ้าหน้าที่กรมที่ดินช่วยตรวจสอบอีกที ว่าติดเรื่องจำนอง หรือติดเรื่องกฎหมายใดๆ หรือเปล่า หากผ่านการตรวจเช็กทุกอย่างเรียบร้อย ก็ต้องไปดูเอง” พร้อมยกตัวอย่าง เจ้าของที่ดินแถวดอนเมือง ติดต่อเข้ามาเพื่อจะขายที่ แต่บอกสั้นๆ ว่าได้ตักหน้าดินขายไปบางส่วน แต่ยังเหลืออีกหลายไร่ที่ยังไม่ได้ตักหน้าดินไปขาย แต่พอไปเห็นของจริง ผิดจากที่พูดไว้มาก ไม่มีหน้าดินหลงเหลือแม้แต่ไร่เดียว มีแต่บ่อน้ำที่กว้างใหญ่อยู่เบื้องหน้า
เจ้าตัวอธิบายต่อด้วยนำ้เสียงร่าเริงอีกว่า “คนจะขายของ ยังไงก็ต้องโฆษณาคุณภาพอยู่แล้วว่าดีอย่างนู้น ดีอย่างนี้ แต่เราก็ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยว่าอะไรเป็นอะไร หากที่สวย ทำเลดี คิดว่าขายได้ และพอใจในราคา ก็ซื้อกันไป แต่ถ้าไม่อยากซื้อเพราะเห็นว่าที่ไม่สวย ไม่สมราคา ก็จะปฏิเสธ เนื่องจากการซื้อ-ขายที่ดิน ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้ขายและผู้ซื้อเป็นหลัก
“รวมถึงเคสที่ภูเก็ต ตกลงจะทำสัญญาซื้อขายกันอยู่แล้ว นัดแนะให้ไปเจอกันที่กรมที่ดินเสร็จสรรพ ปรากฏว่านั่งรอผู้ซื้อหลายชั่วโมงก็ไม่มา สุดท้ายเลยแก้เครียดด้วยการไปรับประทานอาหารอร่อยๆ ตามร้านดังเมืองภูเก็ต ก่อนขึ้นเครื่องกลับ พร้อมได้บทเรียนให้กับตัวเองว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่ไม่มีดราฟต์เงินสด หรือหลักฐานทางแบงก์ส่งมายืนยันก่อน หรือเงินมัดจำบางส่วน ห้ามบินไปทำสัญญาซื้อ-ขายเด็ดขาด”
///ธรรมะกับการปรับใช้
อีกหนึ่งวิธีสร้างสุขให้กับตัวเอง นอกจากการทำบุญ เจ้าตัวบอกว่า คือการนำธรรมะมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ถือว่าช่วยให้การดำเนินชีวิตมีความสุขขึ้นมาก
“ทุกครั้งที่เกิดปัญหา หากเรามีสติ ปัญหาทุกอย่างก็จะผ่านพ้นไปได้ เพราะเรสจะเชื่อเสมอว่า สุดท้ายของปลายอุโมงค์ มักจะมีแสงสว่างเสมอ ฉะนั้นจงอย่าเครียด หรือทุกข์ใจ ปล่อยวาง และทำทุกอย่างในชีวิตให้มีความสุข มองโลกในแง่ดี คิดดี ทำดี ไม่เบียดบังหรือคดโกงผู้อื่น แล้วสิ่งดีๆ ก็จะย้อนกลับมาหาตัวเราเอง” เจ้าตัวยังบอกอีกว่า ในชีวิตตั้งแต่เล็กจนโต มองปัญหาที่เข้ามาเป็นเรื่องที่มีทางออกเสมอ หากเราหมกมุ่นหรือเครียดกับปัญหา นอกจากจะนอนไม่หลับ ยังบั่นทอนสุขภาพตัวเองไปด้วย ที่สำคัญคือ ทำให้เกิดริ้วรอยและทำให้ไม่สวย ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับผู้หญิง ถ้าอยากสวยและไม่อยากแก่เกินวัย ต้องอย่าเครียด ต้องรู้จักปล่อยวาง แล้วทุกอย่างก็จะดีเองและอีกหนึ่งที่มาของความสำเร็จ ที่ทำให้ธุรกิจซื้อ-ขายที่ดินเป็นไปอย่างราบรื่น สร้างผลกำไรให้ตลอด เจ้าตัวมีความเชื่อว่ามีผลมาจากการกตัญญูรู้คุณ
“เรตเชื่อมาตลอดว่า ความกตัญญูต่อพ่อแม่และผู้ที่มีพระคุณ สามารถช่วยให้เรามีความสุข ทำมาค้าขึ้น และเจริญก้าวหน้าในทุกๆ ด้าน ซึ่งการดูแลพ่อแม่ไม่จำเป็นต้องโก้หรู หรือนำไปเปรียบเทียบกับพ่อแม่คนอื่น แต่เลี้ยงดูตามอัตภาพ ตามกำลังที่เราจะดูแลท่านได้ เชื่อว่าเท่านี้พ่อแม่ก็มีความสุขแล้ว” เจ้าตัวบอกอีกว่า ทุกครั้งที่ดูแลพ่อแม่ ผลบุญจะสะท้อนกลับมาให้เห็นตลอด ไม่ว่าจะเรื่องของเงินทอง กำไรจากการซื้อ-ขายที่ดิน หรือมีโอกาสได้ที่ดินแปลงสวยๆ อยู่ไม่ขาดธรรมะกับการปรับใช้ เป็นสิ่งที่พูดง่าย แต่ทำยาก แต่ถ้าใครได้ทำแล้วจะติดใจ เพราะมันคือความสุขที่แท้จริง!?! วันนี้เธอขอนิ่งเพื่อให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ....