“ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ กะฟันตั้งแต่ปัจจุบันไปถึงอนาคต30ปี ใช่หรือไม่!?“

“ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ กะฟันตั้งแต่ปัจจุบันไปถึงอนาคต30ปี ใช่หรือไม่!?“

 

 

  

 

 

 

 

 

 

CHANGE The World รสนา โตสิตระกูล

 

“ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ กะฟันตั้งแต่ปัจจุบันไปถึงอนาคต30ปี ใช่หรือไม่!?“

 

รีบร้อนกันจัง กลัวคนรวยที่มีเงินเหลือใช้มากมาย ไม่รู้จะเอาไปปล่อยกู้ดอกเบี้ยสูงๆได้ที่ไหน แบบพวกนิยมให้เงินทำงานแบบค้ากำไรเกินควร

ครม.กำลังบริหารรัฐวิสาหกิจอย่างไม่สนใจกฎหมายบ้านเมือง ใช่หรือไม!?

ยกตัวอย่างกรณีที่จะให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.)กู้เงินจากกองทุน Thailand Future Fund (TFF) 40,000 ล้านบาทในคราวเดียว (เพราะเป็นความสะดวกในการระดมทุนรวดเดียวในตลาดหลักทรัพย์) มาถือไว้ เพื่อมาสร้างทางด่วนอีก2เส้นทาง ทั้งที่กำหนดการสร้างทางด่วนทั้ง2เส้นทางยังไม่มีกำหนดที่แน่นอน เพราะยังติดปัญหาต้องทำEIA ใหม่

การบังคับกทพ.กู้กองทุนTFF จึงไม่ได้ดูความจำเป็นของ กทพ.เป็นหลัก แต่น่าจะเป็นความต้องการของคนมีเงินที่อยากปล่อยกู้ดอกเบี้ยสูงมากกว่ากระมัง ตามข่าวที่ปรากฎว่ากำลังจะเปิดตัวระดมทุนกองทุน TFFในตลาดหลักทรัพย์ภายในกลางปีนี้ ซึ่งถ้าครม.บีบให้กู้ ก็จะทำให้กทพ.ต้องรับภาระดอกเบี้ย7-8% ต่อปี แทนที่รัฐบาลจะค้ำประกันกทพ.ซึ่งจะช่วยให้กทพ.สามารถกู้โดยเสียดอกเบี้ยประมาณ3%

เงินที่บังคับกู้ แม้ได้มาก็ยังไม่ได้นำไปก่อสร้าง และแม้จะมีการก่อสร้าง กทพ.ก็ต้องการใช้เงินเพียงปีละ 3,000-4,000 ล้านบาท จึงไม่มีเหตุผลและความจำเป็นที่ต้องกู้TFF ในวงเงินคราวเดียวถึง40,000 ล้านบาทมาถือไว้ให้เกิดภาระดอกเบี้ยจำนวนมหาศาล

นอกจากนี้การกู้กองทุนTFF กทพ.ต้องตัดรายได้45% จากทางด่วน2เส้นทางที่มีกำไรปีละประมาณ 5,000ล้านบาทให้TFF เงินที่จ่ายนั้นครอบคลุมแค่ดอกเบี้ยบางส่วนเท่านั้น ดอกเบี้ยส่วนเกินที่ไม่ได้จ่ายจะกลายเป็นดอกเบี้ยทบต้น จนเงินต้นจากที่กู้40,000ล้านบาท กลายเป็นเงินกู้ประมาณ 50,000 กว่าล้านบาท ใน11ปีแรกเงินที่กทพ.จ่ายให้TFF ถือว่าเป็นการจ่ายแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ส่วนเงินต้นจะเริ่มต้นทะยอยหักลดเมื่อพ้นปีที่11 นอกจากนี้เงินรายได้45% ที่หักไปก็เป็นการหักก่อนคิดค่าใช้จ่ายของกทพ.และถ้ากู้TFF ทำให้กทพ.ต้องมีมติว่าจะขึ้นค่าผ่านทางทุก5ปีอีกด้วยเพื่อให้กองทุนมีกำไรเพิ่มขึ้น

การบริหารแบบนี้ จะทำให้กทพ.ขาดทุนเลยใช่หรือไม่ เพราะการล้วงเอาไปแต่รายได้ 45% โดยทิ้งค่าใช้จ่ายไว้ให้กทพ.แบกรับ และเงินกู้ก้อนใหญ่ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ในคราวเดียวแต่มีภาระดอกเบี้ย น่าจะผิดหลักวินัยการเงินการคลัง ใช่หรือไม่

ยังต้องพิจารณาในข้อกฎหมายอีกว่า รายได้ 45%ของกทพ.ซึ่งเป็นรายได้ของแผ่นดิน รัฐบาลสามารถอนุมัติให้เอาไปยกให้เอกชนหรือไม่ ถ้าทำไม่ได้ ก็ต้องจับตาว่ารัฐบาลนี้จะไปแก้ไขกฎหมาย หรือออกกฎหมายยักย้ายให้ส่ิงที่ทำไม่ได้ และไม่ควรทำ ให้ทำได้อีกหรือไม่

การบริหารรัฐวิสาหกิจแบบนี้ของรัฐบาลคสช.มองเห็นเส้นทางอนาคตได้เลยว่าจะให้รัฐวิสาหกิจขาดทุนจนเจ๊งในที่สุด เหมือนที่กำลังทำกับอีกหลายรัฐวิสาหกิจ

การบีบคั้นให้กทพ.ไปกู้กองทุน TFF จึงเป็นการผลักให้กทพไปเป็นทาสเงินกู้ TFF เป็นเวลา30ปี นี่คือวิธีผ่องถ่ายกำไรจากกิจการสาธารณูปโภคของรัฐไปให้เอกชนที่นิยม”ใช้เงินทำงาน”มาตกรายได้ของรัฐ ที่มาจากการใช้แรงทำงานของรัฐวิสาหกิจโดยไม่ต้องแปรรูป ใช่หรือไม่

การดูดเงินจากรัฐวิสาหกิจไปให้เอกชนย่อมกระทบต่อผู้บริโภค และผู้ทำธุรกิจโดยเฉพาะSME ที่ต้องมีค่าใช้จ่ายจากค่าเดินทางเป็นต้นทุนค่าครองชีพและต้นทุนสินค้าเพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิม เป็นการดูดรายได้อีกทางหนึ่งจากคนทั้งประเทศไปให้กลุ่มทุนใหญ่ และคนรวยจำนวนน้อย

วิธีนี้ย่อมขัดแย้งกับนโยบายรัฐบาลที่ประกาศจะนำประเทศก้าวพ้นกับดักรายได้ปานกลาง เพราะการบริหารของรัฐบาลเป็นการถ่างช่องว่างทางรายได้ของคนในสังคมให้ห่างกว้างขึ้น เพราะรัฐบาลช่วยให้คนรวยจำนวนน้อยสามารถดูดซับรายได้ไปเก็บไว้ที่ส่วนบน ย่อมก่อให้เกิดช่องว่างทางรายได้ที่ถ่างกว้างยิ่งขึ้น ซึ่งไม่ใช่แค่กรณีนี้เท่านั้น แต่กลุ่มทุนใหญ่เพียง 0.3%พยายามดูดซับทุนจำนวนมหาศาลไปกองไว้ข้างบนจนหมด และหาทางดูดต่อไปเรื่อยๆ ส่วนกลุ่ม SME ข้างล่างจำนวน 99% ซึ่งมีฐานการจ้างงานกว่า 95%ในประเทศไทย เป็นพวกใช้แรงทำงานที่เข้าถึงแหล่งทุนดอกเบี้ยต่ำได้ยาก แม้จะมีทุนสะสมในระบบมหาศาล

สภาพเช่นนี้จะสามารถทำให้ประเทศรอดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางดังที่รัฐบาลโฆษณาชวนเชื่อได้อย่างไร นอกจากดิ่งลงสู่หุบเหวแห่งความล้มละลายกันถ้วนหน้า

สิ่งที่รัฐบาลคสช.กำลังทำคือการทดลองการ”แปรรูปจำแลง”ในหลายๆกิจการของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งครั้งนี้ไม่ใช่การแปรรูปเอาทรัพย์สินและกิจการของรัฐวิสาหกิจไปให้เอกชนทำมาหากินแทนรัฐ แต่ครั้งนี้มารอล้วงส่วนครีมบนยอดบนสุด คือรายได้จากการประกอบกิจการของรัฐวิสาหกิจ ด้วยการเอาเงินของคนมีเงินที่สะสมไว้มากมายจนล้นระบบทำให้ดอกเบี้ยต่ำเตี้ยติดดิน จึงต้องเอาเงินที่สร้างผลตอบแทนต่ำนั้นมาตกผลตอบแทนสูงของรัฐวิสาหกิจเอาดื้อๆเลย ใช่หรือไม่

ถ้าไม่มีอำนาจรัฐ กลุ่มทุนย่อมทำสิ่งนี้ไม่ได้ ตกลงรัฐบาลนี้ดูแลกิจการรัฐวิสาหกิจของประเทศที่ท่านกินเงินเดือนถึง2ตำแหน่งอยู่ หรือว่าตำแหน่งงานนี้เป็นเพียงงานไซด์ไลน์ เพื่อใช้อำนาจจากงานไซด์ไลน์เอื้อประโยชน์กลุ่มทุน กลุ่มคนรวย 0.3%กันแน่!?!

แต่สิ่งที่ทำนี้ ขัดต่อกฎหมายที่บัญญัติไว้ ใครฝืนทำ ก็ระวังคุกเอาไว้ด้วยเมื่อหมดอำนาจ!!!

https://www.facebook.com/yuthana.rak/posts/1821415854588252

https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1676096262466930&id=236945323048705