“เหตุใด เอทานอลจึงไม่อ้างอิงราคาตลาดโลกเหมือนน้ำมันและก๊าซหุงต้ม !?!”
CHANGE The World รสนา โตสิตระกูล
“เหตุใด เอทานอลจึงไม่อ้างอิงราคาตลาดโลกเหมือนน้ำมันและก๊าซหุงต้ม !?!”
น้ำมันสำเร็จรูปที่กลั่นในประเทศจนเหลือใช้ และสามารถส่งออกไปยังประเทศในอาเซียนเป็นสินค้าอันดับ2 ของประเทศไทย แต่เวลาขายคนไทยก็ยังต้องอ้างอิงราคาของสิงคโปร์ บวกค่าขนส่งเทียม ราวกับว่าน้ำมันสำเร็จรูปทั้ง100% กลั่นในสิงคโปร์ และนำเข้าจากสิงคโปร์
ก๊าซหุงต้มมาจากก๊าซดิบในอ่าวไทย100% นำมาแยกเป็นก๊าซหุงต้มรวมกับส่วนของโรงกลั่นน้ำมันได้เพียงพอใช้ในประเทศถึง99% ตามรายงานของกระทรวงพลังงานเมื่อเดือนมกราคม 2561 ระบุว่า ปริมาณการผลิตก๊าซหุงต้มในประเทศได้ 535,827 ตัน ส่วนความต้องการใช้ในประเทศ 541,215 ตัน ซึ่งขาดไปเพียง 5,387ตัน เท่ากับประเทศไทยสามารถผลิตก๊าซหุงต้มให้คนไทยใช้ได้ในปริมาณที่ต้องการถึง99% ขาดไปเพียง 1% แต่เหตุใดราคาก๊าซที่ขายประชาชนจึงใช้ราคาอ้างอิงราคานำเข้าจากซาอุดิอารเบียทั้ง100% แถมบวกค่าขนส่งจากซาอุฯ แบบเดียวกับราคาน้ำมันที่อ้างราคาสิงคโปร์บวกค่าขนส่ง
แต่เหตุใดเอทานอลจึงไม่อ้างอิงราคาตลาดโลก!?!
ควมลับก็คือ ราคาเอทานอลในตลาดโลกมีราคาถูกกว่าราคาเอทานอลในประเทศไทยที่ตั้งราคาไว้ที่ ราคา 23.59บาท/ลิตร(23 พ.ค 2561) แต่ปัจจุบันราคาเอทานอลที่ชิคาโกอยู่ที่ ประมาณ 12.68 บาทต่อลิตร ($1.5/3.785 ลิตร) ราคาเอทานอลที่เซาเปาโล บราซิลอยู่ที่14.87 บาทต่อลิตร (14,867บาท/1,000ลิตร)
ในอดีตพี่ไทยเคยอ้างอิงเอทานอลจากบราซิลและบวกค่าขนส่ง5บาท ทั้งที่เอทานอลที่คนไทยใช้อยู่ในเวลานั้นผลิตในประเทศ100% เช่นเดียวกับก๊าซหุงต้มและน้ำมัน
หลังจากที่เอทานอลในต่างประเทศมีราคาถูกลงมาก จึงมีการเปลี่ยนสูตรอ้างอิงราคาการนำเข้าจากบราซิล มาใช้ราคา”ที่แท้จริง”ในการผลิตเอทานอลภายในประเทศ ทำให้ราคาเอทานอลแพงกว่าน้ำมันเบนซินล้วนๆถึงลิตรละ 4.39 บาท (23 พ.ค 2561) !!
การทำให้เอทานอลแพงกว่าน้ำมันเบนซินจึงเป็นกลไกการล้วงกระเป๋าประชาชน ใช่หรือไม่ ?ด้วยข้ออ้างว่าต้องส่งเสริมพลังงานสะอาด ต้องส่งเสริมเกษตรกรปลูกมันสำปะหลังให้ได้ราคาดี ทั้งที่เอทานอลในเวลานี้ผลิตจากกากน้ำตาลเป็นส่วนใหญ่และกากน้ำตาลมีต้นทุนวัตถุดิบต่ำกว่ามันสำปะหลังมาก แต่ก็คิดราคาเท่ากับเอทานอลที่ผลิตจากมันสำปะหลัง
แม้แต่น้ำมัน และก๊าซหุงต้ม นายกฯลุงตู่ และรองนายกลุงป้อมก็บอกให้ประชาชนต้องยอมรับกลไกตลาด แต่เรื่องราคาเอทานอล ท่านจะว่ายังไงที่ตลาดต่างประเทศราคาปัจจุบันประมาณ 12-14บาทเท่านั้น ตำ่กว่าราคาในบ้านเราที่สูงถึง23.59บาท/ลิตร ซึ่งแพงกว่าราคาในตลาดโลก 10-12 บาทเลยทีเดียว
ดังนั้นยิ่งเติมเอทานอลในเบนซินมากเท่าไหร่ ราคาน้ำมันชนิดนั้นกลับยิ่งแพงขึ้น ทั้งที่เอทานอลมีค่าพลังงานตำ่กว่าเบนซินประมาณ30% ต้องเอากองทุนน้ำมันมาชดเชยอี85 ลิตรละ9.35บาท และชดเชยอี20 ลิตรละ3บาทให้มีราคาถูกลง และไม่ได้ชดเชยแค่เอทานอลแต่รวมชดเชยค่าการตลาดที่สูงเว่อร์ ซึ่งคือการบวกกำไรของโรงกลั่นที่สูงเกินจริงเข้าไปด้วยตั้งแต่3-6บาท เป็นการล้วงกระเป๋ากันแบบดื้อๆโดยมีอำนาจรัฐคุ้มครองให้ ใช่หรือไม่
ถ้าราคาเอทานอลในประเทศราคาสัก15บาท/ลิตร ก็จะมีราคาถูกกว่าน้ำมันเบนซินที่มีราคาประมาณ 19บาท/ลิตรการเติมเอทานอลในน้ำมันจึงจะทำให้น้ำมันผสมพลังงานทดแทนมีราคาถูกลง เป็นการช่วยประชาชนประหยัดเงินในกระเป๋า และมีส่วนร่วมดูแลสิ่งแวดล้อมไปด้วย สมดังพระราชดำริของในหลวง รัชกาลที่9 ที่ทรงเคยมีพระราชดำรัสว่าให้เติมเอทานอลในเบนซินสัก10% จะลดราคาได้ 50สตางค์ต่อลิตร
ถ้านายกฯลุงตู่ที่มักอ้างว่าจะเดินตาม”ศาสตร์พระราชา” ซึ่งเป็นศาสตร์ที่จะทำให้คนรัก คนพอใจ เพราะราชาแปลว่าผู้ทำให้คนรัก คนพอใจ ท่านนายกฯก็ควรสั่งการให้มีการชำระสะสางราคาน้ำมันและก๊าซหุงต้ม โดยเริ่มจากการเข้าไปจัดการราคาเอทานอลให้เป็นราคาที่มีประสิทธิภาพเสียก่อน ไม่ให้มีการใช้ราคาเอทา
นอลมาเป็นเครื่องมือล้วงกระเป๋าประชาชนอีกต่อไป
ท่านจะทำได้หรือไม่ !?!
รสนา โตสิตระกูล
30 พ.ค 2561