“กระทรวงพลังงานลดปริมาณสำรองน้ำมันให้โรงกลั่นแล้ว ควรตัดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ในเนื้อน้ำมันที่คิดจากประชาชนด้วย”
CHANGE The World รสนา โตสิตระกูล
“กระทรวงพลังงานลดปริมาณสำรองน้ำมันให้โรงกลั่นแล้ว ควรตัดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ในเนื้อน้ำมันที่คิดจากประชาชนด้วย”
วันนี้ครบ1 เดือนที่เข้าร่วมประชุมกับปลัดและข้าราชการกระทรวงพลังงานรวมทั้งตัวแทนโรงกลั่นน้ำมันเพื่อหารือการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันที่เป็นธรรม เมื่อ 4 มีนาคม 2563
ในการประชุมวันนั้น ฝ่ายนักวิชาการของกลุ่มผีเสื้อกระพือปีก ซึ่งเคยเสนอให้มีการยกเลิกค่าพรีเมี่ยม หรือแรงจูงใจในโครงสร้างราคาน้ำมัน ที่รัฐบาลเคยให้กับโรงกลั่นน้ำมันตั้งแต่เริ่มก่อตั้งโรงกลั่นน้ำมันในประเทศเมื่อ
ประมาณ 20 ปีมาแล้ว เพื่อทดแทนการนำเข้า รัฐบาลให้แรงจูงใจโรงกลั่นสามารถขายน้ำมันสำเร็จรูปที่กลั่นในประเทศในราคาเสมือนนำเข้าจากสิงคโปร์ คือให้บวกค่าขนส่ง ค่าประกันภัย ค่าสูญเสียระหว่างทาง ค่าปรับปรุงคุณภาพ และอื่นๆ เรียกว่า”ค่าพรีเมี่ยม “ รวมแล้วประมาณลิตรละ 1.50 บาท
ในการเจรจาวันนั้น ปลัดกระทรวงพลังงานเสนอว่าจะลดค่าพรีเมี่ยมในโครงสร้างราคาน้ำมันลงไปก่อนลิตรละ 50 สตางค์ ส่วนที่ประชาชนต้องการให้ตัดค่าพรีเมี่ยมทั้งหมดนั้น เป็นเรื่องต้องเจรจากันต่อไป โดยปลัดจะนำข้อเสนอนี้เสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงาน(กบง.) ทันทีให้อนุมัติลดราคาในโครงสร้างส่วนนี้ไปก่อน 50 สตางค์/ลิตร
แต่หลังจากวันนั้นจนถึงวันนี้ไม่มีความคืบหน้าใดๆจากกระทรวงพลังงาน ที่ปลัดกระทรวงพลังงานเป็นผู้เสนอเองที่จะลดราคาในโครงสร้างลงลิตรละ 50 สตางค์
วันนี้มีข่าวว่ากระทรวงพลังงานผุดมาตราการเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 มาตราการหนึ่งคือ ปรับลดอัตราสำรองน้ำมันดิบจาก6% เป็น 4% เป็นเวลา1ปี จากนั้นปรับสำรองขึ้นมาเป็น5%
ในอดีตรัฐบาลเคยกำหนดให้โรงกลั่นสำรองน้ำมันที่5% ซึ่งไม่เคยมีการบวกค่าใช้จ่ายการสำรองน้ำมันในค่าพรีเมี่ยม มาก่อน แต่หลังจากที่รัฐมนตรีพลังงานคนก่อนให้ปรับการสำรองน้ำมันของโรงกลั่นเพิ่มจาก 5% เป็น 6% ก็มีการคิดค่าสำรองน้ำมันทั้ง6% เข้ามาในค่าพรีเมี่ยม 0.68 US$/บาร์เรล หรือประมาณลิตรละ14 สตางค์(ตามมติ กบง.20 เมษายน 2561) การชดเชยค่าใช้จ่ายส่วนเกินนี้เป็นการผลักภาระให้ผู้ใช้น้ำมัน โดยบวกไปกับราคาเนื้อน้ำมัน
เมื่อกระทรวงพลังงานมีมาตรการลดการสำรองน้ำมันลงแบบนี้ มาตรการเยียวยานี้เป็นการเยียวยาโรงกลั่น โดยยังผลักภาระให้ประชาชนแบกรับต่อไปหรือไม่ หากเป็นการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากโควิด กระทรวงพลังงานก็ควรต้องลดราคาน้ำมันทุกชนิดหน้าโรงกลั่นลงลิตรละ 14 สตางค์
นอกจากค่าใช้จ่ายสำรองน้ำมันลิตรละ14สตางค์ที่ควรลดให้ผู้ใช้น้ำมันแล้ว คำมั่นสัญญาที่ปลัดกระทรวงพลังงานประกาศว่าจะลดโครงสร้างราคาน้ำมันที่เอาเปรียบประชาชนผู้ใช้น้ำมันลงไปก่อน50สตางค์เพื่อเยียวยาความเดือดร้อนของประชาชนนั้น ก็ควรต้องดำเนินไปพร้อมกัน เพราะที่ผ่านมา รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานได้สัญญากับกลุ่มผีเสื้อกระพือปีก ว่าจะจัดการแก้ไขโครงสร้างราคาน้ำมันให้เป็นธรรมนั้น ผ่านมา4เดือนแล้ว หากยังลดราคาลงมาไม่ได้แม้แค่ 50สตางค์ และในฐานะประธาน กบง.ได้ปล่อยให้โรงกลั่นกินฟรีผู้ใช้น้ำมันมานานเกินพอแล้ว หากไม่รีบดำเนินการตามที่ปลัดเสนอ จะให้กลุ่มผีเสื้อกระพือปีกเชื่อมั่นในสัญญาของรัฐมนตรีได้อย่างไร
ในยามวิกฤติโควิดนี้ เป็นโอกาสเหมาะที่ทั้งรัฐมนตรีและปลัดกระทรวงพลังงานจะแสดงความเป็นผู้นำที่มองเห็นความจำเป็นที่ต้องให้ความเป็นธรรมในการเยียวยาประชาชนที่ถูกเอาเปรียบมานานเสียที
รสนา โตสิตระกูล
4 เมษายน 2563