ก.อ ไม่สอบวินัย เนตร นาคสุข อาจเข้าข่ายละเว้นหน้าที่ ผิดม.157 หรือไม่
CHANGE The World รสนา โตสิตระกูล
ก.อ ไม่สอบวินัย เนตร นาคสุข อาจเข้าข่ายละเว้นหน้าที่ ผิดม.157 หรือไม่
การที่ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ )นายอรรถพล ใหญ่สว่าง ได้ออกแถลงการณ์ 6 ข้อ ระบุถึงเหตุผลที่แสดงให้เห็นชัดแจ้งว่านายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด มีพฤติการณ์ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือปราศจากอำนาจหน้าที่ในการสั่งไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา ถึงขั้นประธานก.อเป็นผู้เสนอให้ก.อแต่งตั้งคณะอนุกรรมการสอบสวนนายเนตรเอง
การที่คณะกรรมการอัยการ14 คน จาก15 คน(ไม่รวมนายเนตร นาคสุขผู้ถูกพิจารณา) ลงมติไม่ตั้งคณะอนุกรรมการสอบวินัยนายเนตร นาคสุข รอง อสส.ด้วยการงดออกเสียงเป็นส่วนใหญ่ จำนวน 9 คน ต่อผู้ที่ลงมติเห็นชอบให้ตั้งกรรมการสอบวินัยจำนวน 5 คนนั้น ผู้ที่ใช้วิธีการงดออกเสียง แต่มีผลเป็นการไม่เห็นด้วยโดยไม่ต้องบอกเหตุผลน่าจะไม่สามารถกระทำได้ เนื่องจากองค์กรอัยการเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ จึงต้องรับผิดชอบต่อสาธารณะ คณะกรรมการอัยการเป็นคณะกรรมการที่ต้องวินิจฉัยในเรื่องการดำเนินการทางวินัยข้าราชการอัยการ จึงเป็นอำนาจที่ต้องวินิจฉัยผิดถูกด้วย ดังนั้นการงดออกเสียงอันเกี่ยวด้วยวินัย เป็นสิ่งที่ไม่อาจกระทำได้ ซึ่งเป็นหลักกฎหมายทั่วไป ใช่หรือไม่?
การลงมติไม่ตั้งกรรมการสอบวินัยของ ก.อ ในครั้งนี้ส่งผลเสียหายต่อความเชื่อมั่นในระบบยุติธรรมโดยรวม การที่รองอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา ก็ทำให้สาธารณชนเห็นว่าเป็นกระบวนการสมคบคิดฆ่าตัดตอนคดีของนายวรยุทธ อยู่วิทยาโดยองค์กรอัยการอยู่แล้ว ยิ่งก.อ มางดออกเสียงเพื่อไม่ตั้งกรรมการสอบวินัยผู้ที่ถูกประธานก.อ กล่าวหาว่าเข้าข่ายการกระทำผิดต่ออำนาจหน้าที่ ถ้าไม่ตั้งกรรมการสอบก็จะกลายเป็นว่าคณะกรรมการอัยการฆ่าตัดตอนการสอบสวนกรณีช่วยเหลือคดีของนายวรยุทธ อยู่วิทยาซ้ำ2 นอกจากจะทำให้ประชาชนยิ่งเสื่อมศรัทธาในองค์กรอัยการแล้ว น่าจะเข้าข่ายเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของก.อ ด้วย ใช่หรือไม่ ?
ในเมื่อประธานก.อ ก็กล่าวหาว่ารองอสส.ทำผิดวินัย ทำผิดระเบียบ ทำผิดหน้าที่ ไม่มีอำนาจสั่งสำนวนคดีที่จบไปแล้ว ทั้งการสั่งไม่ฟ้องโดยพิจารณาหลักฐานจากรายงาน กมธ.สนช. ที่อยู่นอกสำนวนนั้นที่ขณะนี้ข้อเท็จจริงชัดเจนขึ้นว่ามีขบวนการบิดข้อมูลเรื่องความเร็วของรถที่นายวรยุทธขับให้อยู่ในความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งล้วนเป็นความเท็จ ยิ่งทำให้สังคมเห็นว่าการสั่งไม่ฟ้องคดีของรอง อสส.เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย จึงยิ่งต้องดำเนินการตั้งกรรมการขึ้นมาสอบวินัยรอง อสส. ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๓๐ (๘) มาตรา ๗๔ และมาตรา ๘๒ ดังที่บัญญัติไว้ว่า
มาตรา ๓๐ นอกจากอํานาจและหน้าที่ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้และกฎหมายอื่น ให้ก.อ. มีอำนาจและหน้าที่ ดังต่อไปนี้
(๘) พิจารณาเกี่ยวกับการดําเนินการทางวินัยข้าราชการฝ่ายอัยการ และการสั่งให้ข้าราชการ ฝ่ายอัยการออกจากราชการตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๗๔ ภายใต้บังคับมาตรา ๘๒ เมื่อข้าราชการอัยการผู้ใดถูกกล่าวหาหรือมีกรณีเป็นที่สงสัยว่ากระทําผิดวินัย ผู้บังคับบัญชาต้องดําเนินการสอบสวนชั้นต้นโดยมิชักช้า ผู้บังคับบัญชาระดับใดมีอํานาจดําเนินการสอบสวนชั้นต้นข้าราชการอัยการระดับใด รวมตลอดท้ังวิธีการสอบสวนชั้นต้น ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่ี ก.อ. กําหนด
มาตรา ๘๒ การดําเนินการทางวินัยและสั่งลงโทษทางวินัยสําหรับอัยการสูงสุดและรอง อัยการสูงสุด ให้เป็นอํานาจและหน้าที่ของ ก.อ. ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.อ. กําหนด
ดังนั้นการไม่ตั้งอนุกรรมการเพื่อสอบข้อเท็จจริงและวินัย จะเข้าข่ายเป็นการละเลย ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของ ก.อ หรือไม่ !?
ดิฉันจึงขอเรียกร้องให้ก.อ โปรดทบทวนมติอีกครั้ง ถ้า ก.อ ไม่ดำเนินการตั้งกรรมการสอบสวน ก็อาจเป็นการกระทำผิดฐานละเว้นไม่ปฏิบัติหน้าที่ เข้าข่ายการกระทำผิดตามป วิอาญามาตรา 157 ใช่หรือไม่
รสนา โตสิตระกูล
20 สิงหาคม 2563