"รสนา" ลุยเดินสายแจก ฟ้าทะลายโจร ทั่ว กทม. ลั่นผู้ป่วยจะต้องไม่รอความตายอยู่ที่บ้านอย่างไร้ความหวัง
CHANGE The World รสนา โตสิตระกูล
"รสนา" ลุยเดินสายแจก ฟ้าทะลายโจร ทั่ว กทม. ลั่นผู้ป่วยจะต้องไม่รอความตายอยู่ที่บ้านอย่างไร้ความหวัง
โควิด-19 ระลอก3 จากคลัสเตอร์แหล่งบันเทิงทองหล่อในเดือนเมษายน 2564 เพียงไม่ถึงเดือน มีคนป่วยเพิ่มเดือนเดียว 17,780 คน และคนตาย 16คน เทียบกับโควิด-19 ระลอกแรกใช้เวลาทั้งปี2563 มีคนป่วย 6,772คน มีคนตาย 67 คน ส่วนระลอก2 ที่สมุทรสาครระยะเวลามกราคม-มีนาคม 2564 มีคนป่วย 21,035คน มีคนตาย 27คน (ตัวเลขวันที่22เมษายน 2564) จะเห็นได้ว่าโควิด-19 ระลอก3 แพร่เชื้อเร็วและรุนแรง ทำให้มีคนตายในระยะเวลาสั้นมากเช่นเคสตายที่104 (เคสที่16ของระลอก3)ผู้ป่วยชายอายุ32ปี ชาวเมืองนนท์ ไทม์ไลน์ระบุสัมผัสผู้ติดเชื้อวันที่4เมษายน วันที่8 เริ่มมีไข้ต่ำๆ ไอ เสมหะปนเลือด วันที่15 เมษายนมีอาการเหนื่อยหอบ วันที่16 เมษายนเข้ารักษาตัวที่ร.พ เอกชน เอกซ์เรย์พบปอดอักเสบรุนแรง 19 เมษายน เสียชีวิต อีกรายเป็นหญิงอายุ 56 ปี ชาวกรุงเทพฯ เสียชีวิตรายที่ 109 (คนที่15ของระลอก3) ไทม์ไลน์วันที่10เมษายน เริ่มมีไข้ ไอ 13 เมษายน ไปตรวจเชื้อ 14เม.ยผลตรวจเป็นบวก รอยืนยันผล17 เม.ย เสียชีวิตวันที่19 เม.ย จะเห็นได้ว่าเชื้อระลอก3 รุนแรงถึงตายในระยะเวลาสั้นๆแค่ไม่ถึง 2 อาทิตย์
วันนี้ฟังสื่อรายงานว่า ศบค.ประเมินหากพบผู้ป่วยเพิ่มวันละ2,000ราย ระบบสาธารณสุขจะรองรับไม่ไหว อาจต้องมีการเตรียมกักตัวที่บ้าน และอาจต้องมีห้องไอซียูสนาม ไม่ใช่แค่ ร.พ สนาม
เหตุการณ์วิกฤตเช่นนี้เป็นเรื่องน่าเห็นใจหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่อยู่ด่านหน้า ทำงานเหนื่อยสายตัวแทบขาดในการรับมือกับการติดเชื้อจำนวนมากในแต่ละวัน สิ่งที่เป็นปัญหามา
ระยะหนึ่งแล้วคือการตรวจเชื้อต้องรอคิว และกว่าจะรู้ผล กว่าจะหาเตียงได้ โดยระหว่างรอคนที่ติดเชื้อระลอกใหม่อาจจะแพร่เชื้อต่อ หรืออาการเพียบหนักจนเสียชีวิตดัง2กรณีตัวอย่างที่ยกมา
กรณีผู้ติดเชื้อระลอก3 กว่าเชื้อจะแสดงอาการก็ใช้เวลา3-4วัน ถ้าในระยะนั้นมีการใช้ยาฟ้าทะลายโจรกระจายให้ผู้ติดเชื้อตั้งแต่เริ่มมีอาการ คาดว่าเชื้อไวรัสไม่น่าจะลุกลามหนักจนถึงขั้นเสียชีวิตก็เป็นได้ จากรายงานผลของกรมการแพทย์แผนไทยฯที่จ่ายยาให้คนไข้ติดเชื้อโควิด-19 ในร.พ ศูนย์ ร.พ ทั่วไป และร.พ สนาม จำนวน 9แห่ง ผู้ป่วยจำนวน304 คนที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีอาการน้อย ถึงปานกลาง ใช้ฟ้าทะลายโจร 3วันอาการดีขึ้นทุกคน เชื้อไม่ลงปอด และหายภายใน5วัน
เป็นเรื่องน่ายินดีที่กระทรวงสาธารณสุขโดยรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกุลร่วมกับปลัดกระทรวงสาธารณสุข อธิบดีกรมแพทย์แผนไทย อธิบดีกรมควบคุมโรค และอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ตัดสินใจประกาศใช้ฟ้าทะลายโจรในคนไข้ที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่รักษาตัวอยู่ในร.พ ต่างๆทั่วประเทศทั้ง12เขตในสังกัดของกระทรวงสาธารณสุขโดยได้จัดอีเว้นท์คิกออฟ มอบยาฟ้าทะลายโจรผ่านนายแพทย์สาธารณสุข เมื่อวานนี้ (22เมษายน 2564)
ดิฉันได้สอบถามระดับผู้บริหารของกระทรวงสาธารณสุขบางท่านว่านโยบายของรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขซึ่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีด้วยนั้นได้รวมการแจกยาฟ้าทะลายโจรให้กรุงเทพมหานครไว้ด้วยหรือไม่ ?จึงได้ทราบว่า กรุงเทพฯคือพื้นที่เขต 13 ที่เป็นอิสระไม่อยู่ในสังกัดของกระทรวงสาธารณสุข นโยบายเรื่องการใช้ฟ้าทะลายโจรจึงไม่ได้รวมกทม.ไว้ด้วย แต่มีร.พ บางแห่งในกทม.ที่ยินดีรับยาฟ้าทะลายโจรไปใช้กับคนป่วยติดเชื้อโควิด-19
ดิฉันมีความเห็นว่าในฐานะที่กทม.เป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดระลอก3 นี้ และมีคนติดเชื้อจำนวนมาก เพื่อช่วยกันรักษาระบบสาธารณสุขไม่ให้เกิดภาระหนักจนล่ม อยากขอเสนอถึงท่านผู้ว่าฯ
กทม.โปรดมีนโยบายร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขให้นำฟ้าทะลายโจรมาใช้รักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่มีอาการน้อยถึงปานกลาง เพื่อตัดไข้แต่ต้นทาง ป้องกันไม่ให้ลุกลามเป็นอาการหนักถึงขั้นเสียชีวิต ทั้งเป็นการสงวนทรัพยากรทางการแพทย์ เครื่องให้ออกซิเจนและยาฟาวิพิราเวียร์ที่สั่งซื้อเข้ามาเพื่อใช้กับกรณีคนไข้อาการหนัก ซึ่งเป็นการคัดกรองคนอาการน้อย และปานกลางให้หายโดยเร็ว จะเป็นความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจของประเทศเพราะขณะนี้เรายังไม่สามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้ครอบคลุมมากพอที่จะควบคุมโรคไม่ให้แพร่กระจาย และป้องกันคนติดเชื้อไม่ให้ป่วยหนักจนเสียชีวิตได้
ดิฉันขอเสนอว่านอกจากการใช้ฟ้าทะลายโจรในร.พ ของ กทม.แล้ว ควรมีการกระจายยาฟ้าทะลายโจรลงไปในระดับชุมชน ผ่านอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.กทม.) ทั้ง68 เขต และอาสาสมัครชุมชนต่างๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชนในกทม. จะเป็นการกระจายอำนาจและใช้ศักยภาพของภาคประชาสังคมในกทม.ช่วยแบ่งเบาภาระในระบบสาธารณสุขในขณะนี้ที่รับภาระหนักอึ้ง เพื่อเราจะได้ไม่เกิดโศกนาฏกรรมแบบกรณี อาม่าผู้สูงอายุมากถึง 3 ท่าน ที่ถูกทอดทิ้งอยู่ในบ้าน เพราะสมาชิกอื่นถูกกักตัวในร.พ เพราะติดเชื้อ จนอาม่าท่านหนึ่งอายุ85ปี ได้เสียชีวิต เป็นที่น่าเศร้าสลดใจอย่างยิ่งเพื่อเป็นการนำร่องการกระจายยาฟ้าทะลายโจรให้กับประชาชนในกทม.ดิฉันและทีมงานมูลนิธิสุขภาพไทย และมูลนิธิพุทธิกาที่เคยระดมทุนจากประชาชนเพื่อช่วยกระจายอาหาร สิ่งของจำเป็นเมื่อเกิดการระบาดเชื้อโควิดระลอกแรกเมื่อปี2563 ครั้งนี้ดิฉันและทีมงานได้ทำ “โครงการนำร่องคนไทยตื่นรู้สู้ภัยโควิด-19 กระจายยาฟ้าทะลายโจรในพื้นที่กทม.50 เขต “ ผ่านอสส.กทม. และอาสาสมัครชุมชนโดยดิฉันจะเดินทางพร้อมทีมงานนำฟ้าทะลายโจรที่ขึ้นทะเบียนยาสามัญประจำบ้านที่ได้รับบริจาคมา ไปมอบให้อสส.กทม.65 ศูนย์โดยจำนวนฟ้าทะลายโจรที่มอบให้ศูนย์ละ 1 ลัง ๆละ60 กระปุก แต่ละกระปุกมี 60 แคปซูล รวมทั้งสิ้น 234,000แคปซูล โดยยา1กระปุก เพียงพอสำหรับใช้กับคนไข้ 1 คน จะสามารถช่วยเหลือคนป่วยได้ 3,900 คน
ดิฉันหวังว่าผู้ว่าฯกทม.จะได้ช่วยสานต่อให้มีการกระจายยาฟ้าทะลายโจรให้ทั่วถึงเพื่อให้ชุมชนต่างๆมียาใช้ในวิกฤตโควิด เพื่อรักษาชีวิตประชาชน และลดภาระในระบบสาธารณสุขที่แบกรับภาระมากมายในขณะนี้
รสนา โตสิตระกูล
23 เมษายน 2564