รสนา สื่อ อสส.กทม.กู้ชีวิตผู้ติดเชื้อโควิดชาวบางบอนรายแรก

รสนา สื่อ อสส.กทม.กู้ชีวิตผู้ติดเชื้อโควิดชาวบางบอนรายแรก

 

 

 

 

 

 

 

 

 

CHANGE The World รสนา โตสิตระกูล

 

รสนา สื่อ อสส.กทม.กู้ชีวิตผู้ติดเชื้อโควิดชาวบางบอนรายแรก

 

 

เมื่อวันที่27 เมษายน 2564 รุ่นน้องโทรมาแจ้งว่าลูกชายเพื่อนไปตรวจเชื้อโควิดที่รพ.ย่านบางแคเมื่อวันที่26 เมษายน ผลตรวจออกมาวันที่27 พบว่าติดเชื้อโควิด แต่ไม่มีเตียงให้กลับบ้าน รุ่นน้องปรึกษาว่าควรทำอย่างไรดี เพราะเมื่อกลับมาบ้าน สมาชิกในบ้านจะพลอยติดเชื้อไปด้วย

 

ดิฉันได้แนะนำให้กินฟ้าทะลายโจรทันที และได้ส่งฟ้าทะลายโจรไปให้สมาชิกทั้งหมดในบ้านนี้ได้กินด้วย เมื่อวานนี้ดิฉันโทรหาดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุลว่ารพ.สนามของธรรมศาสตร์ว่าจะช่วยรับคนไข้รายนี้ได้ไหม ได้รับคำตอบว่ายินดี แต่ก็ต้องผ่านการส่งต่อจากรพ.หลักก่อน ในกรณีที่รพ.ที่ตรวจพบเชื้อไม่ได้ส่งต่อมาเอง ก็ต้องมารอคิวเข้ารพ.ธรรมศาสตร์ก่อน หากมีอาการน้อยจึงจะส่งตัวไปอยู่ รพ. สนามอีกที แต่ชีวิตของน้องกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้ายแห่งความเป็นความตาย จะรอช้าไม่ได้เพราะเคยมีเคสที่พบเชื้อเสียชีวิตระหว่างรอเตียง ระหว่างนั้น น้องมีอาการแน่นหน้าอกมาก ซึ่งน่าเป็นห่วง เพราะแม้อายุน้อย แต่มีน้ำหนักมาก อาจเกิดโรคแทรกซ้อนฉับพลันแก้ไขไม่ทัน

 

ดิฉันจึงรีบโพสต์บทความเรื่องนี้ลงในเพจ และเฟซบุ๊ค ก็ปรากฎว่าวันนี้มีอสส.กทม. จากเขตบางบอนนำเครื่องช่วยหายใจไปให้ผู้ป่วยที่บ้าน และมีนักข่าวช่อง7 ได้ไปสัมภาษณ์ผู้ป่วยตามรายละเอียดที่ดิฉันแจ้งไป และยังเกาะติดสัมภาษณ์ผู้บริหารของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)ซึ่งอาจเป็นเพราะเหตุนี้ จึงทำให้เกิดการประสานงานจน ร.พ ที่ตรวจพบเชื้อได้ส่งรถไปรับผู้ป่วยไปนอนรพ. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และข่าวช่อง7 ก็จะนำเรื่องนี้มาออกข่าวดึกหลังละครคืนวันนี้ (28 เมษายน)

 

นับว่าน่ายินดีที่น้องคนนี้ได้ รพ.รักษาตัว ขอภาวนาให้ปลอดภัยหายป่วยในเร็ววัน ส่วนสมาชิกคนอื่นในบ้านที่เป็นกลุ่มเสี่ยงมากเพราะอยู่ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อโควิด ดิฉันแนะนำให้ไปตรวจเชื้อโควิดโดยเร็วด้วย แต่ระหว่างรอการตรวจ ก็ขอให้กินยาฟ้าทะลายโจรไปพลางก่อนเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อลุกลาม
ดิฉันนึกถึงกรณีของคุณกุลทรัพย์ วัฒนผล หรือพี่อัพVGB เกมเมอร์รุ่นใหญ่ขวัญใจน้องๆชาวอีสปอร์ต ที่เป็นเหยื่อโควิดรายที่137เมื่อวันที่23เมษายนเพราะเหตุรอตรวจเชื้อถึง5วัน กว่าจะได้คิวตรวจเชื้อก็ลงปอดกว่า80% อยู่รพ.เพียง2วันก็เสียชีวิต ทั้งๆที่คุณอัพอึดเหมือน VAGABOND (พระเอกเกาหลีที่ดิฉันก็ชื่นชอบ)อายุก็เพียง34 ปี ถ้าตรวจพบเชื้อเร็ว เข้ารพ.เร็ว วันนี้ก็คงยังมีชีวิตอยู่กับพวกเรา

 

ดิฉันจำได้ว่าเมื่อหลายปีก่อนกรมควบคุมโรคมีทีมงานพิเศษที่เรียกว่าทีมเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว(SRRT-Surveillance and Rapid Response Team) ซึ่งเป็นระบบงานเฝ้าระวังสอบสวนโรค ป้องกันและควบคุมโรคที่รวดเร็วฉับไว โดยยึดหลักการของปรมาจารย์ระบาดวิทยา นพ.สุชาติ เจตนเสน ที่ว่า “อย่าปกปิดความจริง”

 

เพราะจะทำให้การแก้ปัญหาหลงทาง เช่น ข้อสรุปแบบกำปั้นทุบดินที่ว่าผู้เสียชีวิตจากโควิดเกิดจากโรคประจำตัวนั้นควรจะเลิกใช้ได้แล้ว เช่นในกรณีของคุณกุลทรัพย์ วัฒนผล เป็นต้น โดยต้องหันกลับมายอมรับความเป็นจริงว่า สาเหตุของการตายมาจากระบบของการเฝ้าระวังและระบบการประสานความช่วยเหลือที่ขาดประสิทธิภาพ

 

ดิฉันต้องขอบคุณสปสช.ที่ได้วางระบบการรักษาไว้ได้ดี แต่คงต้องกวดขันขอความร่วมมือจากโรงพยาบาลทั้งหลาย โดยเฉพาะร.พ เอกชนในกทม. ซึ่งมีจำนวนมากกว่าร.พ รัฐและมีความสำคัญมากในระบบการป้องกันโรค เช่น การฉีดวัคซีน การคัดกรองตรวจเชื้อเชิงรุก และที่สำคัญคือการรักษาชีวิตผู้ป่วยโควิด

 

ดิฉันไม่อาจเห็นด้วยกับข้อเสนอของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และของนักการเมือง หรือนักบริหารคนใดก็ตาม ที่เรียกร้องให้ยกเลิกหลักเกณฑ์ของสปสช.ที่กำหนดให้รพ.ที่ตรวจพบเชื้อต้องดูแลรักษาผู้ป่วยด้วย
การโยนความผิดบาปให้กฎข้อนี้ว่าทำให้รพ.ทั้งหลายไม่กล้ารับผู้ป่วยนั้น ดิฉันเห็นว่าผู้ประกอบธุรกิจโรงพยาบาลต้องทบทวนจรรยาบรรณและบทบาทหน้าที่ของสถานพยาบาลในยามที่เกิดวิกฤตโรคระบาด ซึ่งทุกโรงพยาบาลต้องร่วมมือกันอย่างครบวงจรทั้งในด้านการรักษาโรค และการป้องกัน หากร.พใดไม่มีน้ำยาตรวจเชื้อหรือตรวจเชื้อพบแล้ว ไม่มีเตียง ก็ควรมีระบบประสานงานส่งต่อให้ไปตรวจเชื้อหรือขอเตียงจากรพ.ที่มีความพร้อมกว่า

 

 

 

 

ไม่ใช่ไสหัวคนไข้กลับบ้าน เพราะชีวิตมนุษย์ และชีวิตของผู้ป่วยเป็นสิ่งที่ประมาณค่ามิได้ ไม่ใช่เศษผักตบชวาที่โรงพยาบาลใดจะปัดออกไปได้ง่ายๆเหมือนปัดสวะ

 

ดิฉันมิได้ตำหนิโรงพยาบาล แต่ขอเรียกร้องให้ทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมมือกันอย่างเหนียวแน่นในการบริหารระบบสุขภาพและความปลอดภัยที่ยึดถือเอาผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง มิใช่ว่าจะร่วมมือกันแต่เฉพาะด้านการฉีดวัคซีนที่ทำกำไร แต่เกี่ยงงานตรวจเชื้อ และไม่รับการรักษาผู้ป่วยโควิด แม้ว่าในขณะนี้ ยอดตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิดของไทย อาจจะไม่สูงมากเมื่อเทียบกับอีกหลายประเทศ แต่ชีวิตคนไม่ใช่ตัวเลข การตายของคนๆหนึ่ง ย่อมถือว่าเป็นความสูญเสียอันใหญ่หลวงของพ่อ แม่ ลูก ญาติพี่น้อง และเพื่อนพ้องอันเป็นที่รักเป็นจำนวนมาก

 

ดิฉันเชื่อมั่นว่า การเสียชีวิตของเพื่อนร่วมชาติของเราในสงครามโรคระบาด จะไม่สูญเปล่า แต่จะเป็นอนุสติเตือนใจให้พวกเราที่โชคดียังมีชีวิตอยู่ในวันนี้ สามัคคีร่วมแรงร่วมใจกันฟันฝ่าเอาชนะสงครามโควิดครั้งนี้ให้จงได้ เหมือนทุกครั้งที่เคยชนะมาแล้ว
รสนา โตสิตระกูล
28 เมษายน 2564