เซฟคลองเตย เซฟกรุงเทพฯประเทศไทยไปต่อได้
CHANGE The World รสนา โตสิตระกูล
เซฟคลองเตย เซฟกรุงเทพฯประเทศไทยไปต่อได้
พี่น้องชาวคลองเตยส่วนใหญ่เป็นคนหาเช้ากินคำ่ หาค่ำกินเช้า มีรายได้พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง เลี้ยงครอบครัวแบบวันต่อวัน เป็นแรงงานรากหญ้าที่ช่วยหล่อเลี้ยงปิรามิดเศรษฐกิจของกรุงเทพฯให้รุ่งเรืองมาช้านาน แต่วันนี้ พี่น้องชาวคลองเตยกำลังตกเป็นเหยื่อของโควิด ซึ่งไม่ใช่ความผิดที่พวกเขาเป็นต้นเหตุเลย เราทั้งหลายต่างก็รู้กันดีว่าการระบาดของโควิดระลอก3 มีต้นเหตุมาจากใคร?!
ตอนนี้เริ่มมีกระแสเรียกร้องจากภายนอกให้ล็อคดาวน์ชุมชนคลองเตยโดยเร็ว เพื่อหยุดยั้งคลัสเตอร์คลองเตยไม่ให้แพร่กระจายออกไปสู่แหล่งอื่น
ดิฉันขอเสนอแนวทางในการดูแลชุมชนคลองเตยโดยชุมชน เพื่อชุมชน ด้วยความร่วมมือของภาครัฐและภาคเอกชน ดังนี้
1)มาตรการกักตัวอยู่กับบ้านหรือHome Quarantineและการคัดกรองผู้ป่วยแบบรู้ผลเร็ว(Rapid Test) ดิฉันได้มีโอกาสคุยกับเลขาธิการสปสช.จึงได้รู้ว่าสปสช.ก็ได้เตรียมModel Home Quarantine เอาไว้ แต่ต้องผ่าน หน่วยบริการทางการแพทย์รองรับ ได้แก่ รพ.ในสังกัดกทม. หรือศูนย์บริการสาธารณสุขของ กทม.และโรงพยาบาลของเอกชน ที่มีหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่ด้านต่างๆ ซึ่งสามารถใช้ระบบการดูแลทางไกล(Telemedicine)
โดยสามารถปรึกษาทางการแพทย์พยาบาลคนไข้ติดเชื้อโควิด-19 และสามารถเบิกค่าใช้จ่ายต่างๆได้ เช่น ค่าเบี้ยเลี้ยงสำหรับคนทำหน้าที่ให้การบริการในชุมชนภายใต้การกำกับของโรงพยาบาล ค่าอาหาร 3 มื้อ สำหรับคนที่ถูกกักตัวรวมทั้งค่ายาและเวชภัณฑ์ต่างๆ เช่น เครื่องวัดอ๊อกซิเจนในร่างกายผู้ป่วย เครื่องให้อ๊อกซิเจน เครื่องวัดความดัน เครื่องสแกนอุณหภูมิ และอุปกรณ์ที่จำเป็นอื่นๆ ซึ่งสามารถเบิกจ่ายจากสปสช.
ได้ทั้งหมด
อีกมาตรการหนึ่งสำหรับคลองเตยที่มีประชากรจำนวนกว่าแสนคน คือการคัดกรองด้วยวิธีRapid test ซึ่งเป็นการตรวจเชื้อแบบรู้ผลเร็ว สามารถตรวจได้วันละเป็นหมื่นคน ซึ่งสหรัฐอเมริกา , สหราชอาณาจักร และเกาหลีใต้ก็ใช้กันระบบคัดกรองแบบนี้ในภาวะฉุกเฉินที่มีคลัสเตอร์ผู้ติดเชื้อขนาดใหญ่ อย่างชุมชนคลองเตย สามารถแยกกลุ่มคนติดเชื้อจำนวนมากออกจากคนที่ไม่ติดเชื้อได้ทันที ซึ่งการแยกคนติดเชื้อออกจากคนไม่ติดเชื้อมีความสำคัญสูงสุด เพราะการรอผลตรวจในอีกวัน หรือ2วันนั้น จะทำให้คนติดเชื้อนำเชื้อไปแพร่ต่อแบบไม่จบสิ้น แต่อย่างไรก็ตาม สามารถใช้วิธีการตรวจเชื้อแบบRT-PCR
และRapid Testคู่ขนานกันไปได้ น้ำยาในการตรวจเชื้อแบบเร็วนั้น ราคาก็ไม่แพง เพียงคนละ 150บาทเท่านั้น ทางสปสช.เองก็ยืนยันว่า น้ำยาสำหรับทำRapid Test นั้นมีเพียงพอ และเบิกจ่ายจากสปสช.ได้แน่นอน
2)กทม.ได้รับเงินส่งเสริมสุขภาพจากสปสช.ใน2ปีที่ผ่านมา วงเงินราวๆ 1,500ล้านบาท หากนำเงินเหล่านั้นลงมาช่วยเหลือชาวคลองเตยอย่างรีบด่วนผ่าน อสส.กทม. หรืออาสาสมัครชุมชนคนคลองเตยในการดูแลครอบครัวของผู้ติดเชื้อโควิดเพื่อเป็นค่าอาหาร3 มื้อ เครื่องอุปโภค บริโภคที่จำเป็น หรือช่วยเหลือครอบครัวคนติดเชื้อที่อาจมีกลุ่มเปราะบางอยู่ในครอบครัวเช่น ผู้ป่วยติดเตียง เด็ก คนพิการ ผู้สูงอายุ อยู่ด้วย
3)การชดเชยค่าเสียโอกาสในการทำมาหากินของชาวคลองเตย นอกจากการเรียกร้องให้ชาวคลองเตยล็อคดาวน์ตัวเอง เราควรชดเชยให้ชาวคลองเตยอย่างเร่งด่วนเพื่อสนับสนุนชุมชนให้สามารถกักตัวเองอย่างสมัครใจ ซึ่งจะสามารถหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยที่พี่น้องชาวคลองเตยไม่เดือดร้อนจนเกินไป ขอให้เพื่อนร่วมชาติช่วยกันเป็น ท่อน้ำเลี้ยงให้ชาวคลองเตยสามารถอยู่รอดได้ในยามนี้
ดิฉันลองคำนวณคร่าวๆหลังจากคุยกับคุณครูประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะว่า ถ้าให้ชาวคลองเตยช่วยกันหยุดกิจกรรมการเคลื่อนไหว โดยเราหาทางช่วยเหลือชาวคลองเตยอายุตั้งแต่ 18ปีขึ้นไปคนละ5,000บาทในระยะเวลา1เดือน โดยช่วยกันระดมทุนจากผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจ คนชั้นกลางที่ยังไม่เดือดร้อนเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 600 ล้านบาท สำหรับคน120,000 คนโดยไม่ต้องลำบากรัฐบาล จะเป็นการช่วยหล่อเลี้ยงฐานปิรามิดทางเศรษฐกิจของประเทศในยามนี้ได้
เมื่อเราหยุดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19ได้ที่คลองเตย ก็จะช่วยลดการแพร่เชื้อในจุดต่างๆของกทม.
ซึ่งต้องตัดสินใจโดยด่วน อย่าให้เกิดภาวการณ์ “กว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้” หมดเสียก่อน เรามาร่วมเปลี่ยนคลัสเตอร์โควิดเป็นโมเดลคลองเตยในการแก้ปัญหาแบบ3 ประสาน คือชุมชน รัฐ ร่วมเอกชน ที่สามารถเป็นตัวอย่างนำไปใช้สู้ภัยโควิดได้ทั่วประเทศ
รสนา โตสิตระกูล
5 พ.ค 2564