คลองเตยวิกฤต CHANGE The World รสนา โตสิตระกูล
CHANGE The World รสนา โตสิตระกูล
คลองเตยวิกฤต
การลุกลามแพร่เชื้อโควิด-19ในกทม. ยังไม่หยุด ชุมชนแออัดหลายแห่งกลายเป็นแหล่งแพร่เชื้อหลัก เพราะการบริหารจัดการที่ล่าช้า ยึดระเบียบมากกว่าชีวิตผู้คนทั้งที่ระเบียบเหล่านั้นไม่สอดคล้องกับการแก้ปัญาในสถานการณ์จริง
คลองเตยยังวิกฤตเพราะปัญหาที่ซุกอยู่ใต้พรม กรณีคนต่างด้าวที่กระจายอยู่ตามเขตต่างๆในกทม.ทั้งที่มาโดยถูกกฎหมาย และผิดกฎหมายและคนเหล่านี้เช่าบ้านอยู่รวมกัน เมื่อติดเชื้อก็จะแพร่กระจายเชื้อให้กัน และแพร่ให้คนไทยด้วย การที่ไม่แยกคนติดเชื้อออกจากชุมชน ก็ทำให้การแพร่เชื้อขยายไม่หยุด การไม่สามารถแยกคนติดเชื้อออกจากชุมชน เพราะไม่มีทั้งรพ.และรพ.สนามรองรับ ส่วนข้อเสนอเรื่องการกักตัวในชุมชน(Community Quarantine) ก็ทำไม่ได้ เพราะติดขัดข้อระเบียบเก่า นายกฯรวบอำนาจไว้ในมือ แต่ก็ไม่สั่งการให้ผู้ว่าฯ
กทม.ปฏิบัติ กทม.คือมหานครใหญ่ ไม่ใช่การบริหารระดับอำเภอแบบเก่าๆ
วัดสะพานในชุมชนคลองเตยที่ใช้เป็นสถานที่พักคอยในการแยกผู้ติดเชื้อโควิดจากชุมชนคลองเตยมาพักคอย และต้องถูกส่งเข้ารพ.ในระบบภายใน24 ช.ม ก็ทำไม่ได้ เพราะรพ.ไม่มีเตียง เมื่อรพ.และรพ.สนามไม่มีเตียง สถานที่พักคอยอย่างวัดสะพานก็ไม่สามารถรับคนป่วยโควิดเพิ่ม ทำให้คนติดเชื้อโควิด ทั้งคนไทย คนต่างด้าวกระจายอยู่ในพื้นที่ที่ไร้การควบคุม
อย่างกรณีชาวพม่าแรงงานถูกกฎหมายในคลองเตย ชื่อ นาย ไซ อ่อง ลิน อยู่บ้านเลขที่ 7 ถนน สุนทรโกษา แขวงคลองเตย เขต คลองเตย กรุงเทพ 10110 ตรวจเชื้อที่ ตลาดคลองเตย ซอย 8 วันที่ 7/5/2021 พบเชื้อบวก ติดเชื้อป่วยมาเกือบ10วัน แต่ไม่มีรถมารับไปรพ. เพื่อนเล่าให้ดิฉันฟังมา2วันแล้ว รออยู่ว่าจะมีรถมารับ แต่จนถึงวันนี้ก็ยังรออยู่ จนนายคนนี้จากป่วยน้อยกลายเป็นอาการเพียบหนัก ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ทำให้ดิฉันอดตั้งข้อสังเกตไม่ได้ว่า การตายในรอบนี้ถึง32 คนนั้นเป็นเพราะการบริหารที่ซุกปัญหาไว้ใต้พรมหรือไม่ เรื่องนายไซอ่องลิน เป็นเพียงตัวอย่างเดียวของยอดภูเขาน้ำแข็งของคนต่างด้าวในคลองเตยและเขตต่างๆทั่วกทม. ที่รัฐบาลต้องเข้ามาดูแลร่วมกับ
กทม.เพื่อจัดการหยุดยั้งการแพร่กระจายเชื้อต่อ
กรณีคนต่างด้าวที่มาทำมาหากินในประเทศไทยที่ในระยะแรกไม่มีการตรวจเชื้อให้ ยกเว้นรถพยาบาลพระราชทานที่จะมาตรวจเชื้อให้อยู่4วัน (วันที่7พ.ค ถึงวันที่11พ.ค) แต่เมื่อตรวจแล้วก็ไม่มีรพ.หรือ รพ.สนามรับไปรักษา อย่าว่าแต่คนต่างด้าวเลย แม้แต่คนไทยก็ไม่มีเตียงว่างให้รักษา หรือกักตัวเฝ้าดูอาการ
คนที่ป่วยน้อยเมื่อได้ยาฟ้าทะลายโจร ก็หายดี แต่ปรากฎว่าหมอในรพ.สนามบางแห่งถามคนต่างด้าวที่ถูกส่งมาว่ากินยาอะไร พอบอกว่านายจ้างให้กินฟ้าทะลายโจร หมอจะบอกว่าให้ทิ้งไป ทั้งที่ยาฟ้าทะลายโจรก็เป็นยาในบัญชียาหลักแห่งชาติเหมือนกับยาพาราเซตามอล จากนั้นหมอก็ให้ยาพาราเซตามอล และยารักษาตามอาการ เช่นยาแก้ไอ ยาลดน้ำมูก เป็นต้น
กทม.เป็นพื้นที่ระบาดหนักที่สุดที่ควรจะเร่งจัดการตรวจเชื้อ และจัดสถานที่แยกตัวให้เร็วที่สุด ในเมื่อท่านนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ได้รวบอำนาจตามพรบ.31ฉบับมาไว้ในมือ ก็ควรเร่งรีบสั่งการให้รวดเร็ว
ขอกราบเรียนเสนอ
1)ขอให้ประกาศใช้พื้นที่ว่างของหน่วยราชการ และรัฐวิสาหกิจทั้งหลายมาทำรพ.สนามอย่างรวดเร็วเช่นในพื้นที่ของการท่าเรือ ฯ พื้นที่ในสนามบินดอนเมือง พื้นที่ศูนย์ราชการ พื้นที่ของ TOT ฯลฯ และอาศัยทหารช่างในการก่อตั้งรพ.สนามให้ทันต่อสถานการณ์ เพื่อรองรับผู้ติดเชื้อโควิดในกทม.
2)ระดมการตรวจเชิงรุกให้มากที่สุด เพื่อแยกคนติดเชื้อออกมาจากชุมชน ระดมแพทย์ พยาบาลจากทุกจังหวัดที่มีคนป่วยน้อยให้มาดูแลพื้นที่ รพ.สนาม
3)เปิดโอกาสให้อาสาสมัครชุมชนเข้ามาร่วมจัดการการกักตัวระดับชุมชน (community quarantine) และการดูแลสมาชิกครอบครัวของผู้ติดเชื้อโควิด
4)ระดมอาสาสมัครจากภาคประชาชน และภาคเอกชน วัด อาสามัครแพทย์แผนไทย และแพทย์แผนไทยประยุกต์เข้ามาช่วย ทั้งการตั้งรพ.สนาม และการส่งอาหาร3มื้อ และดูแลการรักษาให้กับคนป่วย
ขอวิงวอนท่านนายกรัฐมนตรี และผู้ว่าฯกทม.ที่ใช้อำนาจควบคุมการระบาดโควิดในขณะนี้ ได้กรุณาเร่งมือในสถานการณ์วิกฤต ให้มีลักษณะรวดเร็วทันต่อเหตุการณ์เพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดในกทม.ด้วยเถิด