ประสบการณ์ใช้ยาฟ้าทะลายโจรทะลายโควิดของจริงของประชาชนไม่ต้องถึง 180มก. / วัน

ประสบการณ์ใช้ยาฟ้าทะลายโจรทะลายโควิดของจริงของประชาชนไม่ต้องถึง 180มก. / วัน

 

 

 

 

 

 

 

 

CHANGE The World รสนา โตสิตระกูล

 

ประสบการณ์ใช้ยาฟ้าทะลายโจรทะลายโควิดของจริงของประชาชนไม่ต้องถึง 180มก. / วัน
 
 
 
เมื่อวันที่2มิถุนายน2564 มีประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ เรื่องบัญชียาหลักแห่งชาติ (ฉบับที่2) พ.ศ. 2564 ได้ประกาศให้เพิ่มเติมรายการยาจากสมุนไพรในบัญชีแนบท้ายประกาศนี้ เป็นยาในบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร พ.ศ 2564 ลงนามโดยนายอนุทิน ชาญวีรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งหนึ่งในนั้นมีบัญชียาสารสกัดจากสมุนไพรฟ้าทะลายโจร และยาจากผงฟ้าทะลายโจรในรูปแบบแคปซูลและแบบเม็ด โดยรับประทานในขนาดยาที่มีปริมาณสารแอนโดรกราโฟไลด์ 180 มก./วัน แบ่งให้วันละ 3 ครั้ง ใช้กับผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่มีความรุนแรงน้อย เพื่อลดการเกิดโรคที่รุนแรง โดยให้ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม (แพทย์แผนปัจจุบัน)เป็นผู้ใช้ และให้มีการติดตามประเมินประสิทธิผลและความปลอดภัยหลังการใช้อย่างเป็นระบบ
 
ในการทดลองทางคลินิกของกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้มีการจ่ายยาฟ้าทะลายโจรในขนาดที่มีปริมาณสารแอนโดรกราโฟไลด์60มก./วันให้กับผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด ที่ไม่แสดงอาการ และเป็นปริมาณยาที่ลดลงจากขนาดการใช้ที่ระบุในประกาศทางการถึง 3เท่า แต่กลับไม่ปรากฎว่ามีการระบุถึงขนาดการใช้นี้ ที่มีสารแอนโดรกราโฟไลด์ 60มก./วันไว้ในประกาศดังกล่าว ซึ่งเป็นปริมาณที่ประชาชนใช้กันอยู่แล้ว และได้ผลดี การประกาศขนาด180มก./วัน อันเป็นขนาดการใช้ที่สูงกว่าขนาดปกติถึง3เท่าตัว อาจทำให้มีการจ่ายยาที่สูงเกินขนาดที่มีความปลอดภัยหรือไม่
 
การระบุให้ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม คือแพทย์แผนปัจจุบันเป็นผู้ใช้ยาฟ้าทะลายโจรโดยตัดผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์แผนไทยและแพทย์แผนไทยประยุกต์ไม่ให้เป็นผู้ใช้นั้นต้องถามต่อไปว่าผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมแผนปัจจุบันที่ไม่เคยมีประสบการณ์การใช้สมุนไพรมาก่อน จะยอมใช้ยาฟ้าทะลายโจรหรือไม่
 
อันที่จริงหมอแผนปัจจุบันสามารถใช้ได้ทั้งยาแผนไทยในบัญชี2 และยาสมุนไพรในบัญชี1 อยู่แล้วโดยที่ยาฟ้าทะลายโจรเป็นยาพัฒนาจากสมุนไพรที่แพทย์แผนไทยเคยใช้มาก่อน เหตุใดจึงต้องช่วงชิงยาของประชาชนในลักษณะเช่นนี้ ทั้งที่ประเทศตกอยู่ภายใต้วิกฤตการณ์โรคระบาดโควิดที่ผู้บริหารประเทศควรแสดงวิสัยทัศน์ให้เกิดการบูรณาการ ร่วมด้วยช่วยกัน ทั้งแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนไทย แต่การกำหนดมาตรฐานยาสมุนไพรที่กีดกั้นวิชาชีพการแพทย์แผนไทยและแผนไทยประยุกต์เช่นนี้ มีแต่การทำลายประโยชน์ของประชาชน และถูกตั้งข้อสงสัยได้ว่า มีการตั้งธง ล็อคเสปคยาฟ้าทะลายโจรที่มีสารแอนโดรกราโฟไลด์สูงถึง 180มก./วัน ทั้งที่ไม่มีที่มาที่ไปว่ากำหนดจากอะไร นอกเสียจากว่าต้องการกำจัด”ผงฟ้าทะลายโจร”ที่ประชาชนเคยใช้ ให้เหลือแต่ “ยาสารสกัด” ที่เอื้อธุรกิจยาขนาดใหญ่ ใช่หรือไม่
 
การที่คณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติวางเงื่อนไขให้มีการใช้ยาฟ้าทะลายโจรเพื่อใช้รักษาโรคโควิดที่มีความรุนแรงน้อยโดยกำหนดให้หมอแผนปัจจุบันเท่านั้นเป็นผู้ใช้ แต่เมื่อมีผู้ป่วยโควิด หมอแผนปัจจุบันอาจไม่สั่งจ่ายยาฟ้าทะลายโจรเลยก็ได้ เพราะสามารถใช้ยาแผนปัจจุบันที่เคยใช้อยู่แล้ว ในขณะที่หมอแผนไทย หมอแผนไทยประยุกต์ที่เชี่ยวชาญการใช้ยาสมุนไพร ก็ไม่สามารถใช้ยาฟ้าทะลายโจรกับผู้ป่วยโรคโควิดได้
 
ดิฉันได้กระจายยาผงฟ้าทะลายโจรแคปซูล ตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 เป็นต้นมา นับถึงเวลานี้(4มิย.2564)
ได้กระจายยาสู่ประชาชนผ่านไปยังกลุ่มต่างๆทั้งอาสาสมัครสาธารณสุขกทม.(อสส.กทม.) ทั้ง50 เขต 65ศูนย์ (จาก 69 ศูนย์) อาสาสมัครชุมชน (อสช.) พระภิกษุสงฆ์ทั้งในวัดกทม.และวัดต่างจังหวัด ชุมชนต่างๆ เรือนจำ แรงงานต่างชาติ รวมแล้วเป็นจำนวน 1,060,900 แคปซูล และจากการเก็บข้อมูลเบื้องต้น พบว่าประชาชนที่ใช้ผงฟ้าทะลายโจรบรรจุแคปซูลในหลากหลายยี่ห้อ ก็ใช้ได้ผลดี ไม่มีรายงานว่าเมื่อใช้ยาสมุนไพรตัวนี้แล้ว มีคนไข้อาการรุนแรงขึ้นถึงขั้นเชื้อลงปอด อย่างที่มีการกล่าวหาว่าการใช้ผงฟ้าทะลายโจรจะมีความลุ่มๆดอนๆ และทำให้เชื้อลงปอด !!ใช่หรือไม่
 
อีกประการหนึ่งในการดูแลผู้ป่วยติดเชื้อโควิด ก็เป็นการใช้ยาตามอาการทั้งสิ้น ยาฟ้าทะลายโจรก็สามารถใช้เป็นยารักษาตามอาการซึ่งไม่มีความจำเป็นต้องใช้ในขนาดสูงถึง3เท่าตัวจากขนาดที่ประชาชนเคยใช้ตามปกติที่60มก./วัน
 
ที่สำคัญคือยาฟ้าทะลายโจรเหมาะที่จะใช้ตัดโควิดในยามต้นไข้ อุปมาเหมือนการตัดไฟแต่ต้นลม การปล่อยให้โรคฟักตัวหลายวัน เหมือนปล่อยไฟลุกลามเป็นไฟกองใหญ่แล้ว มีน้ำน้อยก็ดับไม่ได้ ฉันใดก็ฉันนั้น ดังคัมภีร์โรคระบาดในตักศิลาก็ระบุว่า ถ้าไข้ตัวร้อน(กำเดา)ลุกลามเกิน4วัน ต้องใช้ยาขนานอื่นต่อไป
การใช้ฟ้าทะลายโจรจึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้ในขนาดสูง3เท่าตัวตั้งแต่แรกและจากการเก็บข้อมูลหลายๆกรณีของดิฉัน พบว่ากรณีหนึ่ง มีคนไข้ติดเชื้อ
โควิดที่ถูกกักตัวในhospitel รวมกันในห้องเดียวกัน 3 ราย และทั้ง3รายจะได้รับยาแผนปัจจุบันตามอาการ เช่นยาแก้ไข้ ยาลดเสมหะ ยาแก้ไอเป็นต้น และกรณีนี้พบว่าผู้ป่วย2ราย ได้กินยาฟ้าทะลายโจรที่เอาติดตัวไปด้วย แม้ผู้ป่วยมีอาการหนักพอสมควรคือมีไข้ ไอมาก มีเสมหะ ได้กินฟ้าทะลายโจร 5วัน หยุด2วัน 2รอบ แต่เชื้อก็ไม่ลงปอด เมื่อเทียบกับผู้ป่วยอีกรายที่เป็นไข้มาถึง5วัน ไม่ได้กินยาฟ้าทะลายโจร กินแค่ยาลดไข้แผนปัจจุบันอย่างเดียว กลับมีอาการรุนแรงขึ้น และเชื้อลงปอด ถูกแยกตัวออกไปเพื่อใช้ยาแผนปัจจุบันต้านไวรัส
 
นอกจากนี้ ยังมีอีก2 กรณี ที่พบว่าสมาชิกในครอบครัวติดโควิด สมาชิกคนอื่นก็เป็นผู้เสี่ยงติดโควิดด้วย กรณีแรกพบว่าในครอบครัวหนึ่งที่เป็นชาวบางบอน ลูกชายคนโตติดเชื้อโควิด ดิฉันได้ส่งยาฟ้าทะลายโจรไปให้ ซึ่งพ่อ แม่ ของผู้ติดเชื้อได้กินฟ้าทะลายโจร เป็นเวลา 5วัน ๆละ 3ครั้ง ครั้งละ 2แคปซูล ตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน ถึง 3 พฤษภาคม 2564 และไปตรวจเชื้อโควิดที่ศูนย์อนามัย65 เมื่อวันที่5 พฤษาคม 2564 พบว่าพ่อแม่ที่ได้กินฟ้าทะลายโจรไม่ติดเชื้อโควิด ทั้งที่กินน้อยกว่าที่ระบุในฉลากยาที่ให้กินครั้งละ 2-4 แคปซูล วันละ4ครั้ง แต่พ่อแม่ของผู้ติดเชื้อก็ไม่ติด แต่ปรากฎว่าลูกชายคนเล็กอีกคนหนึ่ง ไม่ได้กินฟ้าทะลายโจร เพราะไม่คิดว่าจะติดเชื้อโควิดจากพี่ชาย เมื่อไปตรวจเชื้อในวันที่ 5 พฤษภาคมพร้อมพ่อแม่ ก็พบว่าติดโควิด และต้องไปกักตัว 14วัน
 
กรณีที่2 เป็นครอบครัวของเด็กชายอายุ4ขวบไปศูนย์ซ่อมรถยนต์กับแม่ และมีพนักงานในศูนย์ติดโควิด พ่อแม่เด็กกินฟ้าทะลายโจรวันที่21 เมษายน 2564 และไปตรวจเชื้อวันที่25 เมษายนผลปรากฎว่าไม่ติดโควิด แต่ลูกชายอายุ4ขวบตรวจวันที่28 เมษายน พบว่าติดโควิด และไปพักรักษาตัวที่รพ.เด็ก ในวันที่ 30 เมษายน แม่ต้องไปอยู่กับลูกที่รพ.เด็ก ดิฉันได้ส่งยาผงฟ้าทะลายโจรไปให้ ทั้งแม่และพ่อเด็ก ได้เริ่มกินฟ้าทะลายโจรอีกครั้ง ในวันที่30เมษายน ถึงวันที่4 พฤษภาคม โดยกินวันละ 3ครั้ง ๆละ 3แคปซูล ซึ่งน้อยกว่าที่ระบุในฉลากยาที่ให้กิน 4ครั้งๆละ 2-4 แคปซูล แต่ก็พบว่าการตรวจเชื้อโควิดหลังจากนั้น พ่อ แม่ ทั้งคู่ไม่ติดโควิด
 
นี่เป็นเพียงกรณีตัวอย่างการใช้จริงของประชาชน ยังมีอีกหลายกรณีทีไม่ได้เอ่ยถึง ที่ได้พบว่าคนที่ได้กินผงยาฟ้าทะลายโจรบรรจุแคปซูล แม้ไม่ถึงขนาดยาตามที่กำหนดไว้ 180 มก./วันในการรักษา
โควิด ที่มีอาการน้อย ก็ยังปรากฎว่าได้ผลดี ทั้งเชื้อไม่ลงปอด และคนที่เสี่ยงติดเชื้อก็ไม่ติดเชื้ออีกด้วย
 
ดิฉันจึงหวังว่าจะมีการเก็บข้อมูลจากการใช้จริงของประชาชนเพื่อปรับปรุงขนาดการใช้ยาที่ลดลง เพื่อความปลอดภัย เพื่อประสิทธิภาพ และเพื่อความประหยัด อีกทั้งทำให้อุตสาหกรรมยาในประเทศมีความหลากหลาย ไม่ถูกผูกขาด และประชาชนสามารถเข้าถึงยาฟ้าทะลายโจรได้ง่าย และมีราคาย่อมเยา เพื่อให้เกิดการพึ่งตนเองด้านยา อันเป็นความมั่นคงทั้งด้านยา และเศรษฐกิจของประเทศในยามวิกฤตโควิด-19
รสนา โตสิตระกูล
4 มิถุนายน 2564
 
หมายเหตุ มีเพื่อนมิตรถามว่าจะคำนวณการกินยาผงฟ้าทะลายโจรอย่างไร ขอตอบว่า ยาฟ้าทะลายโจรที่ผ่านมาเขาไม่ได้ให้ระบุว่าต้องมีสารสำคัญคือแอนโดรกราโฟไลด์เท่าไหร่ แต่ฟ้าทะลายโจรในไทยมีสารแอนโดรกราโฟไลด์มากกว่า 1% อยู่แล้ว ประมาณว่า 1-1.5% ดังนั้น แคปซูล400 มิลลิกรัม มีสารแอนโดรกราโฟไลด์ 1% แปลว่า 400 มก. จะมีแอนโดรกราโฟไลด์ 4มก.กินครั้งละ4แคปซูล จะได้สารแอนโดรฯ 4x4=16 มก. กินวันละ4ครั้ง =16x4=64 มก./วัน อาจมีบางมื้อเหลือ 3แคปซูล จะได้สารแอนโดรกราโฟไลด์ 60 มก./วัน ถ้าจะให้ได้สารแอนโดรกราโฟไลด์ 180 มก./วัน คือสูงกว่าขนาดปกติ 3เท่า ต้องกิน 15x3 =45แคปซูล คนก็จะไม่กินผงฟ้าทะลายโจร เพราะเยอะมาก เขาก็จะหันไปกินสารสกัดแทน หรือผงฟ้าทะลายโจรต้องทำให้มีสารแอนโดรกราโฟไลด์เปอร์เซนต์สูงมาก เพื่อกินจำนวนน้อยลง ดิฉันคิดว่า ถ้าต้องกินผงฟ้าทะลายโจรมากขนาดนี้ บรรพบุรุษคงไม่เลือกฟ้าทะลายโจรมาทำยาเป็นแน่