วัดสะพานสถานที่พักคอย… “ฟ้าทะลายโจรและการดูแลของรัฐ” CHANGE The World รสนา โตสิตระกูล
CHANGE The World รสนา โตสิตระกูล
วัดสะพานสถานที่พักคอย… “ฟ้าทะลายโจรและการดูแลของรัฐ”
วัดสะพานในเขตคลองเตย -พระโขนง เป็นสถานที่พักคอยผู้ติดเชื้อโควิดเพื่อรอการส่งต่อไปรพ.และรพ.สนามซึ่งเคยระบุว่าให้ผู้ป่วยอยู่ได้ภายใน24 ชั่วโมง ไม่เกิน48 ชั่วโมง แต่เมื่อมีการระบาดเพิ่มมากขึ้น จนรพ.และรพ.สนามไม่สามารถรองรับคนไข้เพิ่ม ทำให้วัดสะพานกลายเป็นสถานที่พักประจำของผู้ติดเชื้อไปโดยปริยาย
ท่านเจ้าคุณพระพิศาลธรรมานุสิฐ หลวงพ่อแห่งวัดสะพานได้ส่งยอดรวมผู้ติดเชื้อมาให้ดิฉันได้ติดตามผลทุกวัน ณ วันที่ 19 กค. 64 ผู้ติดเชื้อที่พักยังศูนย์พักคอยวัดสะพานรวม 444 คน พักรักษาตัวที่บ้าน 82 คน รวมผู้ติดเชื้อ 526 คน ที่อยู่ในระบบรอเตียง
หลวงพ่อโทรมาปรึกษาเรื่องขาดแคลนยาฟ้าทะลายโจร คนติดเชื้อไวรัสท่านจ่ายยาฟ้าทะลายโจรวันละ 9 แคปซูลต่อคน ซึ่งถือว่าน้อยมาก การจ่ายยาในปริมาณที่มีสารสำคัญน้อยกว่า180 มิลลิกรัม/วัน ก็ยังต้องใช้ยาถึงวันละ 4,734 แคปซูล อาทิตย์ก่อน ดิฉันส่งยามาให้ท่าน 6,000 แคปซูล และวันนี้ดิฉันนำฟ้าทะลายโจรมาถวายหลวงพ่ออีก 10,000แคปซูล จำนวนแค่นี้ จ่ายยาคนไข้ 2วันก็หมดแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้เคยให้คนจัดส่งไปถวายท่านเป็นระยะๆ รวมแล้วกว่าหนึ่งแสนแคปซูล ไม่นับที่ประสานจัดส่งให้กลุ่มต่างๆในพื้นที่คลองเตยกว่า 6 แสนแคปซูล ส่วนคุณปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ วันนี้ก็ได้นำยาฟ้าทะลายโจรไปถวายท่านเช่นกัน 700 กระปุกก็พอจะช่วยปะทะปะทังคนไข้ไปได้สักระยะหนึ่ง
ที่น่าสนใจคือหลวงพ่อได้เล่าว่าตั้งแต่ปลายเมษายน 2564ที่เริ่มทำศูนย์พักคอยในวัด มีคนติดเชื้อจากชุมชนคลองเตยมาอยู่ในศูนย์พักคอยมากกว่า 4,000ราย ในจำนวนนี้มีคนตายเพียง 1คนเท่านั้น หากเทียบอัตราส่วนการตายต่อ1หมื่นคน จะมีคนตายไม่ถึง3 คน ในขณะที่อัตราการตายต่อหมื่นคนในขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 80 คน แสดงชัดเจนว่าการดูแลโดยจ่ายยาซึ่งมีฟ้าทะลายโจรรวมด้วย มีส่วนช่วยผู้ป่วยไม่ให้มีอาการทรุดหนักจนเชื้อลงปอด และเสียชีวิตเช่นเดียวกับปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นในเรือนจำ ซึ่งมีการตายที่ต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับที่อื่นๆ
ดิฉันแปลกใจว่าเหตุใด กทม.จึงไม่จัดระบบให้วัดสะพานเป็นศูนย์กักตัวชุมชนในลักษณะ Community
Isolation แทนที่จะเป็นแค่ศูนย์พักคอย ที่ไม่สามารถเบิกจ่ายจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพ(สปสช.)หาก กทม.จัดให้มีโรงพยาบาลของรัฐหรือรพ.เอกชนรับผู้ป่วยเป็นคนไข้ของตน แต่แทนที่จะอยู่รพ.หรือรพ.สนาม ก็ให้คนไข้สีเขียว หรือคนไข้ที่มีอาการน้อยกักตัวในชุมชน หรือในบ้าน และรพ.ที่เป็นเจ้าของไข้ สามารถเบิกจ่ายยาฟ้าทะลายโจร ชุดตรวจวัดสัญญาณชีพ อุปกรณ์จำเป็นอื่น และมีพยาบาลคอยดูแลคนไข้ผ่านระบบทางไกล และส่งอาหาร 3มื้อให้คนป่วย ซึ่งค่าใช้จ่าย ค่าเบี้ยเลี้ยงพยาบาลดูแลผ่านระบบทางไกลสามารถเบิกจ่ายจาก สปสช.ได้ เพราะระบบของสปสช.ต้องจ่ายผ่านหน่วยงานสาธารณสุขที่เป็นทางการเท่านั้น
การเป็นศูนย์พักคอย อาจจะไม่ถูกตีความเป็นระบบที่จะสามารถเบิกจ่ายความช่วยเหลือจากสปสช.เหมือน home isolation และ community isolation ที่กำลังจัดระบบกันอยู่ แต่ค่อนข้างล่าช้า ไม่ทันต่อสถานการณ์วิกฤตตรงหน้า ที่ประชาชนจำนวนมากติดเชื้อ และขาดการได้รับความช่วยเหลือจากทางการ ผู้ติดเชื้อถูกทอดทิ้งให้ต้องต่อสู้กับวิกฤตการณ์โรคระบาดกันตามลำพังโดยอาศัยเพียงประชาชนชนช่วยเหลือกันเอง และวัดสะพานมาช่วยรองรับผู้ป่วยเหล่านั้น โดยอาศัยศรัทธาญาติโยมที่บริจาคให้กับวัด
การอาศัยการบริจาคโดยขาดระบบทางการ อย่างสปสช.มารองรับอาจจะทำให้ระบบการดูแลผู้ป่วยขาดความมั่นคง ดิฉันห็นว่า กทม.และรัฐบาลต้องออกมาเป็นเจ้าภาพหลักตามหน้าที่ที่ต้องกระทำ โดยรีบประสานการออกระเบียบร่วมกับสปสช.วางระบบ home isolation การกักตัวที่บ้านในกรณีที่บ้านอยู่อาศัยมีสัดส่วนให้กักตัวได้ ส่วนกรณีบ้านที่ไม่มีพื้นที่ให้กักตัวได้ ควรใช้ community isolation เป็นศูนย์กักตัวระดับชุมชน ที่มีระบบเชื่อมโยงสู่เครือข่ายโรงพยาบาลของรัฐ และรพ.เอกชนในการดูแลผู้ติดเชื้อที่ยังมีอาการน้อย ที่สามารถกักตัวที่บ้าน และกักตัวในชุมชน และมีระบบส่งต่อเมื่อมีอาการรุนแรงขึ้น และสิ่งที่รัฐบาลต้องรีบดำเนินการคือกันผู้ติดเชื้อกลุ่มสีเขียว อาการน้อยให้หายโดยเร็ว ไม่ให้มีอาการทรุดหนักจนต้องเข้าสู่การรักษาที่ซับซ้อนขึ้น ซึ่งเวลานี้ควรใช้ฟ้าทะลายโจรเป็นตัวช่วย เพื่อไม่ให้ประชาชนที่ป่วยดิ้นรนไปตามยถากรรม
อย่างไรก็ตามข้อเสนอของดิฉันยังไม่แน่นอนว่ารัฐบาล และกทม.จะรับฟัง ระหว่างนี้ที่รัฐบาลไม่มีนโยบายลงมาสนับสนุนจริงจัง ประชาชนยังต้องช่วยเหลือกันเองไปก่อน
ดิฉันก็ขอช่วยหลวงพ่อบอกบุญให้ประชาชนที่ยินดีบริจาคยาฟ้าทะลายโจรให้วัด หรือบริจาคเงินให้วัด สามารถบริจาคได้ที่ บัญชีกรุงไทย ชื่อวัดสะพาน เลขบัญชี 192-0-03646-6 หรือโทรหาหลวงพ่อพระพิศาลธรรมานุสิฐ ได้ที่เบอร์ 089-887-0069
รสนา โตสิตระกูล
20 ก.ค 2564