"ตามรอยน้ำ ตามรอยธรรม"

"ตามรอยน้ำ ตามรอยธรรม"

 

 

"ตามรอยน้ำ ตามรอยธรรม"


วันที่1-3 ธ.ค 2559 ได้ไปร่วมเดินธรรมยาตราลุ่มน้ำลำปะทาว ซึ่งเป็นการจัดเดินธรรมยาตราครั้งที่17 โครงการปีนี้ชื่อ "ตามรอยน้ำ ตามรอยธรรม" ระยะเวลาเดิน 1-8 ธ.ค 2559 ระยะทาง 118 กิโลเมตร นำโดยพระอาจารย์ไพศาล วิสาโล 

ดิฉันเข้าร่วมเดินธรรมยาตราครั้งนี้เป็นครั้งแรก ด้านหนึ่งเป็นการระลึกคุณของครูบาอาจารย์คือหลวงพ่อคำเขียน ซึ่งเส้นทางเหล่านี้ท่านได้เดินผ่านมาแล้วทั้งสิ้น นอกจากตามรอยน้ำ ตามรอยธรรมแล้ว ก็เป็นการเดินตามรอยของครูบาอาจารย์ 

ปีสุดท้ายที่เคยไปปฏิบัติธรรมเป็นเวลา3เดือน คือพรรษาปี2529 ปีนี้ครบรอบ30ปี การได้กลับไปปฏิบัติธรรมอีกครั้งด้วยการเดินธรรมยาตราจึงเหมือนการกลับ "บ้าน" อีกครั้งหลังจากห่าง"บ้านทางใจ" ไปนาน บางครั้งเราหลงลืมไปในระหว่างทางของการเคลื่อนไหวทางสังคม30ปีที่ผ่านมา จิตใจอาจทุกข์ อาจว้าวุ่น อาจมีความไม่พึงพอใจ อาจมีความโกรธ ซึ่งล้วนเป็นการบั่นทอนพลัง ใจที่ขาดธรรมคุ้มครองก็เหมือนร่างกายที่ขาดบ้านที่คุ้มครองอันตรายจากสัตว์ร้าย และความหนาวเย็น หรือความร้อนของอากาศ

นึกเสียใจที่หลายปีที่ผ่านมาไม่ได้กลับไปหา"บ้านทางใจ" ไม่ได้พบหลวงพ่อก่อนท่านละสังขาร คงได้แต่รำลึกถึงถ้อยคำของท่านในปีสุดท้ายก่อนท่านละสังขารว่า "ธาตุขันธ์คงอยู่ได้ไม่นาน แต่ความเป็นกัลยาณมิตรจะคงอยู่ตลอดไป" 

เป็นถ้อยคำที่ซาบซึ้ง ทำให้อบอุ่นใจ เชื่อว่าความเป็นกัลยาณมิตรของท่านจะอยู่กับศิษย์ตลอดไปเพื่อช่วยให้เราแต่ละคนได้เดินทางจนกว่าพบบ้านที่แท้จริงของตนเอง

ในการเดินธรรมยาตรา 3วัน ระยะทาง 53 กิโลเมตร อาจจะง่ายสำหรับคนหนุ่มสาว และคนออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่ไม่ง่ายสำหรับตัวเองที่ไม่ได้เดินนาน เดินไกลแบบนี้มานานแล้ว 

เป็นการเดินทางไกลที่พบกับการบาดเจ็บตั้งแต่วันแรก มีทั้งความเหนื่อยหอบหายใจไม่ทัน ความเมื่อย ความปวด ซึ่งเป็นเวทนาที่แรงจนหมดสิ้นความคิดในขณะเดิน มีแต่คำของหลวงพ่อว่าให้ "รู้ซื่อๆ" รู้เวทนาที่เกิดขึ้น ให้เป็น "ผู้เห็น"เวทนาความปวด ความเมื่อยนั้น แต่อย่าเป็น "ผู้เป็น" คืออย่าเป็นผู้ปวด ผู้เมื่อย เมื่อแยกได้จิตก็ไม่ทุกข์ ไม่หงุดหงิด ด้วยคำของหลวงพ่อทำให้เดินมาจนถึงจุดหมายได้ในที่สุด

ประสบการณ์เดิมได้รับการย้ำเตือนใหม่ว่าไม่ต้องกังวลเส้นทางแม้ยาวไกลแค่ไหน แต่ให้สนใจในแต่ละก้าวที่เดินไป ชื่นชมดอกไม้และภูมิประเทศข้างทางซึ่งมีทั้งสวยงามและแห้งแล้ง เสื่อมโทรม

การเดินธรรมยาตราเพียง3วัน ก็ช่วยย้ำเตือนด้วยประสบการณ์จริงว่าในชีวิตนั้น มีสิ่งที่จำเป็นน้อยมาก ถ้าต้องแบกสัมภาระเอง ทำให้นึกถึงคำพูดของลีโอ ตอลสตอยที่ว่า "หากอยากนั่งเก้าอี้ จงต่อเก้าอี้ด้วยตัวเอง แล้วจะพบว่า นั่งพื้นก็ได้" 

การเดินธรรมยาตราให้ประสบการณ์ว่าความสุขสามารถหาได้ง่าย เพียงได้นั่งพัก ได้รับลมเย็นๆ การได้ดื่มน้ำก็รู้สึกเป็นสุขได้แล้ว

การเดินธรรมยาตราครั้งนี้นอกจากเป็นการเดินตามรอยครูบาอาจารย์ แล้ว ก็ยังเป็นการฉีดวัคซินให้กับจิตใจให้ทนทานกับความทุกข์ได้มากขึ้นตามที่พระไพศาล วิสาโล ได้เทศน์ให้ชาวธรรมยาตราฟัง สำหรับตัวเองในฐานะผู้ปฏิบัตการทางสังคม เมื่อมั่นใจในเส้นทางแล้ว ก็เดินไปทีละก้าว ความสำเร็จเกิดจากแต่ละก้าว แม้เหนื่อยก็ไม่หยุดเดิน

ขอถือโอกาสเชิญชวนให้เพื่อนมิตรหาเวลาไปเดินธรรมยาตราในปีหน้ากัน ท่านจะได้รับกำลังใจ มุมมองใหม่สำหรับชีวิตอย่างที่คาดไม่ถึง

รสนา โตสิตระกูล
6 ธ.ค 2559