รสนาตั้งข้อสังเกต 7ประเด็นการทำสัญญาจัดซื้อ ATK ของ อภ.ผิดก.มจัดซื้อจัดจ้าง หากมีการรับของและจ่ายเงิน
CHANGE The World รสนา โตสิตระกูล
รสนาตั้งข้อสังเกต 7ประเด็นการทำสัญญาจัดซื้อ ATK ของ อภ.ผิดก.มจัดซื้อจัดจ้าง หากมีการรับของและจ่ายเงิน ทั้งอภ.และสปสช.จะมีความผิดทางอาญาและทางแพ่ง
ข่าวสื่อมวลชนวันที่ 3ก.ย 2564 ที่บริษัทเวิลด์ เมดิคอล อัลไลแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ออกมาชี้แจงข้อกล่าวหา เซ็นสัญญาจัดซื้อ ATK ส่อทุจริตนั้น
ดิฉันมีข้อพิจารณาต่อข้อมูลที่ปรากฎในข่าวดังนี้
1.เอกสารที่เวิลด์ เมดิคอลฯนำมาแสดงเป็นเพียงหนังสือรับรองว่าเวิลด์ เมดิคอลฯเป็นผู้แทนจำหน่าย ATKของ ออสแลนด์ แคปปิตอล จำกัด ทำให้เวิลด์ เมดิคอลฯมีสิทธิที่จะขาย ATK ได้
แต่การขายให้อภ.ต้องปฏิบัติตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เมื่อตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ บริษัทที่ได้รับหนังสือเชิญเสนอราคาเท่านั้นที่มีสิทธิยื่นซองเสนอราคา ออสแลนด์ฯเป็นบริษัทที่ได้รับหนังสือเชิญเสนอราคา ดังนั้นออสแลนด์ฯเท่านั้นที่มีสิทธิยื่นซองเสนอราคา ซึ่ง ออสแลนด์ฯก็ได้ยื่นซองเสนอราคาและชนะการคัดเลือกตามภาพถ่ายการนับคะแนน
เมื่อออสแลนด์ฯชนะการคัดเลือก อภ.ต้องทำสัญญากับออสแลนด์ฯ การทำสัญญากับเวิลด์ เมดิคอลฯถือเป็นการทำสัญญากับบริษัทที่ไม่มีสิทธิเข้ารับการคัดเลือก และไม่ได้รับการคัดเลือก เป็นการทำสัญญาผิดตัวซึ่งไม่มีผลให้เกิดสัญญาระหว่าง อภ.กับเวิลด์ เมดิคอลฯ อภ.จะรับมอบ ATK และสปสช.จะจ่ายเงินไม่ได้ ขืนจ่ายไปน่าจะมีความผิดทางอาญาและต้องรับผิดทางแพ่ง ใช่หรือไม่
2. การที่เวิลด์ เมดิคอลฯอ้างว่าได้รับมอบอำนาจจากออสแลนด์ฯให้ยื่นซองเสนอราคาและนำหนังสือมอบอำนาจลงวันที่6 ส.ค.64มาแสดงนั้น หนังสือมอบอำนาจที่นำมาแสดงนั้นเป็นหนังสือที่เวิลด์ เมดิคอลฯ มอบอำนาจให้ผู้แทนบริษัท มีอำนาจเสนอราคา ไม่ใช่หนังสือแสดงว่าออสแลนด์มอบอำนาจให้เวิลด์ เมดิคอล ยื่นซองเสนอราคาแทนตน
3.แต่ถ้าออสแลนด์ฯได้มอบอำนาจให้เวิลด์ เมดิคอลฯยื่นซองเสนอราคาแทนตนจริงตามคำแถลงข่าวของเวิลด์ เมดิคอลฯ ก็ยิ่งเป็นพยานหลักฐานแสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่าผู้ยื่นซองเสนอราคาที่แท้จริงคือออสแลนด์ฯโดยมอบอำนาจให้เวิลด์ เมดิคอลฯ เป็นตัวแทน เมื่อเป็นเช่นนี้อภ.ต้องทำสัญญากับออสแลนด์ฯ ซึ่งเป็นตัวการตามหลักกฎหมายตัวการตัวแทนในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้เป็นคู่สัญญาต้องเป็นออสแลนด์ฯ มิใช่เวิลด์ เมดิคอลฯ
การให้เวิลด์ เมดิคอลฯเป็นคู่สัญญาจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการทำสัญญาผิดตัวเช่นเดียวกัน ซึ่งไม่มีผลให้เวิลด์ เมดิคอลฯ เป็นคู่สัญญา อภ.จะรับมอบ ATK และสปสช.จะจ่ายเงินไม่ได้ ขืนจ่ายไปน่าจะมีความผิดอาญาและต้องรับผิดทางแพ่งใช่หรือไม่
4.ที่เวิลด์ เมดิคอลฯ อ้างว่าเป็นJoint Ventureกับ ออสแลนด์ฯนั้น ถ้าเป็นความจริงเหตุใดจึงไม่นำ Joint Venture Agreement และบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีที่ออกให้โดยกรมสรรพากรในฐานะกิจการร่วมค้า (Joint Venture)มาแสดง และเหตุใด อภ.จึงไม่ทำหนังสือเชิญเข้ารับการคัดเลือกในการจัดซื้อ ATK ส่งถึงJoint Venture
ออสแลนด์ฯและเวิลด์ เมดิคอลฯ ซึ่งเป็นกิจการร่วมค้า เหตุใดมีหนังสือเชิญเข้ารับการคัดเลือกส่งถึงออสแลนด์ฯ ซึ่งเป็นคนละหน่วยภาษี (Tax Entity) แยกต่างหากจากกันกับกิจการร่วมค้า ดังนั้น ที่ เวิลด์ เมดิคอลฯอ้างว่าเป็นJoint Venture กับ ออสแลนด์ฯจึงไม่น่าจะเป็นความจริง และขัดกับ Certification of Autourized Distributor ที่ระบุว่าเวิลด์ เมดิคอลฯเป็นเพียงผู้แทนจำหน่าย (Distributor) ของออสแลนด์ฯเท่านั้น มิได้มีฐานะเป็นJoint Venture กับออสแลนด์ฯแต่อย่างใด
5.สรุปแล้วความจริงน่าจะเป็นกรณีออสแลนด์ฯได้รับหนังสือเชิญให้เข้ารับคัดเลือกเพื่อเสนอขาย ATK ให้แก่องค์การเภสัชกรรม และออสแลนด์ฯได้ยื่นซองเสนอราคาตามหนังสือเชิญและเป็นผู้ได้รับการคัดเลือก แต่องค์การเภสัชกรรมทำสัญญากับเวิลด์ เมดิคอลฯ ซึ่งเป็นการทำสัญญาผิดตัว ไม่มีผลตามกฎหมาย ไม่อาจรับมอบสินค้าและจ่ายเงินค่าสินค้าได้
6.องค์การเภสัชกรรมและเวิลด์ เมดิคอลฯยิ่งแก้ตัว ยิ่งมีหลักฐานมัดตัวเอง ยิ่งแสดงให้เห็นว่าความจริงบริษัทที่ได้รับหนังสือเชิญจากองค์การเภสัชกรรมเข้าเสนอราคาขายATK คือออสแลนด์ฯ และบริษัทที่ยื่นซองเสนอราคาคือออสแลนด์ฯและบริษัทที่ได้รับการคัดเลือกโดยมีคะแนนสูงสุดก็คือออสแลนด์ฯเช่นเดียวกัน มิใช่เวิลด์เมดิคอลฯ
แต่มีการทำสัญญากับเวิลด์ เมดิคอลฯ ซึ่งมิได้เป็นบริษัทที่ได้รับหนังสือเชิญ และมิได้เป็นบริษัทที่ยื่นซองเสนอราคา ทั้งมิได้เป็นบริษัทที่ปรากฎชื่อในการการเปิดซองและตรวจนับคะแนนของคณะกรรมการคัดเลือกการซื้อ ATK ขององค์การเภสัชกรรม
เวิลด์ เมดิคอลฯจึงไม่อาจเป็นคู่สัญญากับองค์การเภสัชกรรมได้ การเป็นคู่สัญญาระหว่างองค์การเภสัชกรรมกับเวิลด์ เมดิคอลฯ จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีผลให้องค์การเภสัชกรรมต้องรับมอบ ATK จากเวิลด์เมดิคอลฯและไม่อาจจ่ายเงินให้เวิลด์ เมดิคอลฯหรือออสแลนด์ฯ ได้ ขืนจ่ายไปน่าจะมีความผิดทางอาญาและต้องรับผิดทางแพ่งใช่หรือไม่
7.กรณีที่เกิดขึ้นไม่ต้องเป็นห่วงว่าเวิลด์ เมดิคอลฯหรือออสแลนด์ฯจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากองค์การเภสัชกรรมและรัฐต้องเสียค่าโง่เหมือนกรณีอื่นๆ เพราะตามข้อเท็จจริงมีการกระทำที่ไม่สุจริตเกิดขึ้น โดยเจ้าหน้าที่สมรู้ร่วมคิดด้วย เป็นกรณีทำนองเดียวกับคดีค่าโง่คลองด่านที่ในที่สุด รัฐไม่ต้องจ่ายเงินค่าโง่ประมาณ 10,000 ล้านบาทและผู้บริหารของคู่สัญญากับกรมควบคุมมลพิษต้องติดคุกเช่นเดียวกับอธิบดีกรมควบคุมมลพิษและพวก
จึงขอเรียกร้องให้หน่วยงานตรวจสอบภายในกรมบัญชีกลาง และสตง.ซึ่งเป็นองค์กรตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญได้ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนเพื่อป้องกันความเสียหายต่อเงินแผ่นดิน และทำความชัดเจนต่อสาธารณชนด้วย
รสนา โตสิตระกูล
4 กันยายน 2564