กระทรวงพลังงานมีไว้เพื่อภารกิจอะไร!? CHANGE The World รสนา โตสิตระกูล

กระทรวงพลังงานมีไว้เพื่อภารกิจอะไร!? CHANGE The World รสนา โตสิตระกูล

 

 

 

 

 

 

 

CHANGE The World รสนา โตสิตระกูล

 

กระทรวงพลังงานมีไว้เพื่อภารกิจอะไร!?
 
 
กระทรวงพลังงานเป็นกระทรวงเดียวที่ไม่เคยรู้ร้อนรู้หนาวกับความเดือดร้อนของประชาชนในยามวิกฤตโควิดที่ประชาชนมีรายได้ลดน้อยลง มีหนี้สินครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้นมากมายในเวลาสั้น รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานไม่ได้ดูแลควบคุมราคาเลยปล่อยให้ราคาน้ำมันขึ้นทะลุทะลวงตามใจชอบของกลุ่มทุนพลังงาน ใช่หรือไม่
 
มีการล้วงเงินคนเติมน้ำมันมาไว้ในกองทุนน้ำมัน อ้างว่าเพื่อรักษาระดับราคาน้ำมันเพื่อช่วยเหลือประชาชน แต่กองทุนน้ำมันเคยทำหน้าที่นี้หรือไม่?
 
ขอถามว่ากองทุนน้ำมันมีไว้ชดเชยราคาเอทานอล และราคาไบโอดีเซลที่ตั้งราคาไว้สูงกว่าราคาน้ำมันน้ำมันฟอสซิล เท่านั้นหรือ เป็นการล้วงกระเป๋าคนทั้งประเทศไปอุ้มโรงกลั่นน้ำมันเท่านั้น ใช่หรือไม่!?
 
เหตุใดไม่ควักเงินกองทุนน้ำมันที่เป็นเงินของคนใช้น้ำมันมาชดเชยราคาน้ำมันขายปลีกในช่วงนี้บ้างเพื่อลดภาระประชาชนเจ้าของเงิน ไม่ควรมาปรับราคาน้ำมันถี่ๆแบบนี้ในช่วงที่ทุกคนยากลำบาก ราคาน้ำมันยังส่งผลกระทบราคาสินค้าอุปโภค บริโภคของประชาชน แต่รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานทำอะไรอยู่ !?
 
ขอให้มาดูราคาเนื้อน้ำมันเบนซิน 95 ราคาลิตรละ 17.88บาท(ทั้งที่ได้บวกต้นทุนเทียมไว้เต็มที่) เมื่อบวกภาษีและกองทุนน้ำมัน และค่าการตลาด รวมแล้วอีกกว่า19บาทมากกว่าเนื้อน้ำมัน ทำให้ราคาขายปลีกเบนซิน 95 สูงถึงลิตรละ 36.96บาท นี่เป็นวิธีถ่างราคาเอาไว้เต็มที่ เพื่อควบคุมราคาขายปลีกน้ำมันตัวอื่นทั้งหมด ใช่หรือไม่
 
จึงอดสงสัยไม่ได้ว่า กระทรวงพลังงานทำหน้าที่ล้วงกระเป๋าคนใช้น้ำมันเพื่อถ่ายเทให้โรงกลั่นในรูปของการชดเชยราคาเอทานอล และไบโอดีเซลที่ถูกตั้งไว้สูงแบบไร้การตรวจสอบ ใช่หรือไม่?
 
มาระยะหลัง กองทุนน้ำมันถูกล้วงเต็มเม็ดเต็มหน่วยมาจ่ายชดเชยทั้งเอทานอล ไบโอดีเซล ภาษี และค่าการตลาดด้วย
 
ดูการล้วงเงินจากกองทุนน้ำมัน 7.13 บาทมาชดเชยน้ำมันอี 85 ที่มีราคาเนื้อน้ำมันลิตรละ 23.55 บาท ชดเชยถึง7.13บาท แต่ราคาขายปลีกลดไปแค่ 96 สตางค์ แสดงว่าที่ล้วงไป 7.13 บาทเอาไปโปะให้ทั้งภาษี ค่าการตลาดที่อัพไว้สูงกว่าที่กำหนดมาตรฐานไว้ ใช่หรือไม่
 
นี่ยังไม่รวมการชดเชยอี20 ลิตรละ2.20 บาท ชดเชยดีเซล บี20 ลิตรละ 4.16บาท และชดเชยดีเซล บี7 ลิตร 2.50 บาท ทั้งหมดนี้คือการล้วงกระเป๋าประชาชนเสมือนการปล้นไปแบ่งสรรปันส่วนกันทั้งภาครัฐ และกลุ่มทุนพลังงานใช่หรือไม่
 
ทั้งที่ราคาขายน้ำมันแต่ละชนิด แต่ละลิตร ก็รีดประชาชนทั้งภาษีสรรพสามิต ภาษีท้องถิ่น ภาษีแวต และภาษีแวตยังเก็บเกินพิกัด เพราะไม่ควรเก็บแวตบนราคาที่บวกทั้งกองทุนน้ำมัน และกองทุนอนุรักษ์พลังงานเอาไว้ด้วย ใช่หรือไม่
 
ประชาชนตาดำๆไม่มีปากเสียงที่จะป้องกันตัวเองจากการถูกล้วงกระเป๋าโดยกลไกรัฐบวกกลุ่มทุน เหมือนถูกมัดมือมัดเท้าปล้นกันกลางวันแสกๆ ใช่หรือไม่
รสนา โตสิตระกูล
17 กันยายน 2564