กบง.เปลี่ยนน้ำมันผสมบี7และบี10 เหลือบี6 ควรใช้โอกาสนี้ถอดน้ำมันชีวภาพออกจากโครงสร้างราคาน้ำมัน

กบง.เปลี่ยนน้ำมันผสมบี7และบี10 เหลือบี6 ควรใช้โอกาสนี้ถอดน้ำมันชีวภาพออกจากโครงสร้างราคาน้ำมัน

 

 

 

 

 

 

 

CHANGE The World รสนา โตสิตระกูล

 

กบง.เปลี่ยนน้ำมันผสมบี7และบี10 เหลือบี6 ควรใช้โอกาสนี้ถอดน้ำมันชีวภาพออกจากโครงสร้างราคาน้ำมัน

 
 
วันนี้สื่อมวลชนรายงานว่าคณะกรรมการนโยบายพลังงาน(กบง) มีมติจะลดประเภทน้ำมันบี7 และ บี10 เหลือบี6 ลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน1บาท และเก็บค่าการตลาดเหลือ 1.40บาท (จากราคาอ้างอิง1.50บาทต่อลิตร) ราคาดีเซลบี6 จะมีราคา 28.29 บาท/ลิตร แต่สิ่งที่กบง.ประกาศแก้ไขน้ำมันดีเซลราคาแพงขณะนี้ ก็เป็นเพียงลดกระแสความไม่พอใจของสังคม และเป็นการปะผุโครงสร้างราคาน้ำมันไปชั่วคราวเท่านั้นเอง
 
ในข่าวไม่ได้ระบุชัดเจนว่า จะยกเลิกบี20ไปด้วยหรือไม่ เพราะบี20ที่ผสมไบโอดีเซล(บี 100)ในสัดส่วน 20% ในขณะที่ราคา บี100 มีราคาสูงถึง41.66 บาท/ลิตร แพงกว่าน้ำมันดีเซลปกติเกินเท่าตัว (ราคา 4 ตุลาคม 2564) ถ้าไม่ยกเลิก ก็แสดงว่ายังต้องล้วงเงินจากกองทุนน้ำมันมาชดเชยซึ่งปัจจุบันชดเชยอยู่ 4.16 บาท/ลิตร ก็จะกลายเป็นว่าน้ำมันผสมบี 20 จะเอาเงินกองทุนน้ำมันจากผู้ใช้เบนซินมาชดเชยดีเซล เพราะมติวันนี้กบง.ลดการเก็บเงินบี7 เข้ากองทุนจาก1บาทเหลือ 0.01 บาท
ต้องถามรัฐบาลและกระทรวงพลังงานว่าผสมน้ำมันชีวภาพไบโอดีเซลและเอทานอลเพื่ออะไร!?
 
1)ในอดีตในหลวงรัชกาลที่9 ทรงมีพระดำรัสว่าเอาเอทานอล 10% มาเติมในน้ำมันเบนซินทำให้น้ำมันถูกลงลิตรละ 50สตางค์ ถือว่าเพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชน แต่ผ่านมา20กว่าปี ทุกอย่างกลับตาลปัตร สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เอทานอลผลิตจากกากน้ำตาล หรือมันสำปะหลัง มีราคาแพงกว่าน้ำมันฟอสซิล ทั้งที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่า30% และแพงกว่าเอทานอลตลาดโลก ดังนั้นยิ่งเติมเอทานอลในเบนซิน ราคาก็ยิ่งสูง เพื่อบังคับให้ประชาชนใช้ รัฐบาลจึงใช้อำนาจกำหนดโครงสร้างราคาน้ำมันหลอกว่าราคาน้ำมันผสมราคาถูกกว่า แต่ราคาถูกด้วยการเอาเงินของประชาชนผู้ใช้น้ำมันอีกประเภทมาชดเชย ใช่หรือไม่ ตามหลักธุรกิจต้องถือว่าเอทานอลและบี100 เป็นธุรกิจที่ไม่มีอนาคต แต่ที่อยู่ได้เพราะรัฐบาลใช้อำนาจบังคับขายสินค้าแพงโดยรีดเงินจากประชาชนมาชดเชยให้ราคาน้ำมันถูกลง ซึ่งเป็นการอุ้มโรงกลั่นน้ำมันให้ร่ำรวยจากการขายน้ำมันชีวภาพราคาแพงใช่หรือไม่
 
2)ไบโอดีเซล (บี100)ที่นำมาเติมในน้ำมันดีเซลก็แบบเดียวกัน เพื่อเป็นทางเลือกได้ใช้น้ำมันถูกลง รักษาสิ่งแวดล้อม อุ้มเกษตรกรปาล์มน้ำมัน แต่เมื่อไบโอดีเซลแพงว่าน้ำมันดีเซลปกติถึง 2 เท่ากว่า กบง.ยังควรทู่ซี้เอาบี100มาเติมดีเซลให้แพงขึ้นต่อไปหรือไม่ พรบ.กองทุนน้ำมัน 2562 ให้ลดการสนับสนุนน้ำมันชีวภาพลงทุกปีในช่วงเปลี่ยนผ่าน และให้เลิกชดเชยน้ำมันชีวภาพภายใน3ปี คือปี2565 กบง.ไม่ควรต่ออายุการชดเชยน้ำมันชีวภาพหลังปี2565
 
ดังนั้นกบง.จึงควรใช้โอกาสนี้ยกเลิกบี20 ไปเลย และภายในสิ้นปี2564 ก็ควรยกเลิกการเติมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลทุกชนิด ถ้าราคา บี100สูงเกิน 20%ของน้ำมันดีเซล และเพื่อความเป็นธรรมในการคิดราคาน้ำมัน กบง. ควรยกเลิกต้นทุนเทียมที่ใช้ในสูตรราคาเนื้อน้ำมันนำเข้าจากสิงคโปร์ เพราะไม่มีการนำเข้าจริงเป็นน้ำมันที่กลั่นในประเทศ ก็จะสามารถลดราคาเนื้อน้ำมันทั้งเบนซินและดีเซลได้อีก 70 สตางค์-1 บาท/ลิตร
 
3)กบง.ควรพิจารณายกเลิกน้ำมัน อี85 และอี20 เพื่อลดการใช้กองทุนน้ำมันมาชดเชย อี85 อี20 ในอัตรา7.13 บาท และ 2.28 บาท/ลิตร และถ้าเอทานอลราคาแพงกว่าเบนซินเกิน20% ก็ควรยกเลิกน้ำมันสูตรผสมไปเสีย เพื่อไม่เป็นภาระต่อเงินกองทุนน้ำมันที่ควรใช้เมื่อน้ำมันตลาดโลกเกิดความผันผวน ราคาแพงจนกระทบค่าครองชีพ
 
4)กบง.ควรกำกับไม่ให้มีการขึ้นราคาน้ำมันเกินเดือนละ1ครั้ง หากราคาตลาดโลกน้ำมันปรับขึ้นมากเกินไปควรเอากองทุนน้ำมันมาชดเชยที่เนื้อน้ำมัน เพื่อให้ราคาน้ำมันไม่ปรับตัวมากเกินไปจนกระทบราคาสินค้าและค่าครองชีพ
 
5)รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานควรหารือรัฐมนตรีกระทรวงการคลังในการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันลงไปในระยะนี้ที่ประชาชนลำบากจากวิกฤตโควิด และน้ำท่วม สินค้าอุปโภค บริโภค แพงขึ้นมากจากราคาน้ำมัน การลดการเก็บภาษีน้ำมันลงชั่วคราวลิตรละ5บาท จะเป็นการช่วยประชาชนในยามลำบากได้บ้าง เพราะราคาพลังงานบ้านเรานับว่าแพงที่สุดประเทศหนึ่งเมื่อเทียบกับค่าแรงงานขั้นต่ำ!!!
 
กบง.หยุดอุ้มโรงกลั่นน้ำมันและดูแลประชาชนให้สมกับที่กินเงินเดือนจากภาษีประชาชน
รสนา โตสิตระกูล
4 ตุลาคม 2564