ระวัง!ประชาชนจะทิ้งรัฐบาลไว้ข้างหลัง หากไม่ลดราคาน้ำมัน CHANGE The World รสนา โตสิตระกูล

ระวัง!ประชาชนจะทิ้งรัฐบาลไว้ข้างหลัง หากไม่ลดราคาน้ำมัน CHANGE The World รสนา โตสิตระกูล

 

 

 

 

 

 

 

CHANGE The World รสนา โตสิตระกูล

 

ระวัง!ประชาชนจะทิ้งรัฐบาลไว้ข้างหลัง หากไม่ลดราคาน้ำมัน
 
 
วันนี้สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยออกมาแสดงพลังในนาม Truck Power ให้รัฐบาลได้รับทราบถึงความเดือดร้อนของผู้ประกอบการรถบรรทุกจากทั่วประเทศ โดยนำรถบรรทุกจำนวนกว่า200คันติดป้ายเรียกร้องรัฐบาลแก้ไขราคาน้ำมันแพงเคลื่อนไหวเชิงสัญญลักษณ์โดยเดินทางจากทั่วประเทศจาก 6เส้นทางเข้าล้อมกรุงเทพฯ เรียกร้องให้รัฐบาลลดภาษีสรรพสามิต 5บาทและตรึงราคาดีเซลที่25บาทเป็นเวลา 1 ปี
 
ธุรกิจขนส่งรถบรรทุกเป็นหนึ่งในเส้นเลือดใหญ่ของระบบเศรษฐกิจไทยที่ได้กลั้นหายใจมานานจนทนไม่ไหวต้องออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาน้ำมันแพงหลังจากประชาชนกลั้นหายใจจนทนไม่ไหวออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลลดภาษีสรรพสามิต 5 บาทมาก่อนแล้ว แต่รัฐบาลไม่สนใจ และรมว.คลังกล่าวชัดเจนว่าจะไม่ยอมลดภาษีสรรพสามิตแต่จะยืนหยัดล้วงกระเป๋าประชาชนผ่านกองทุนน้ำมันมาชดเชยราคาน้ำมันต่อไป ใช่หรือไม่
 
 
 
 
เมื่อคาราวานรถบรรทุกประกาศเคลื่อนไหวในวันที่19 ตุลาคม 2564 และได้เข้าพบรมว.พลังงานหารือเรื่องลดราคาน้ำมันเมื่อวันที่18 ตุลาคมที่ผ่านมา วันเดียวกันปรากฎข่าวที่สื่อมวลชนรายงานว่าผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง รีบออกมายืนยันไม่ลดภาษีสรรพสามิตอ้างว่าภาษีสรรพสามิต ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาระดับราคาพลังงาน แต่มีวัตถุประสงค์ด้านสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก และอ้างว่าราคาดีเซลในขณะนี้อยู่ในระดับราคาใกล้เคียงกับประเทศเพื่อนบ้านอยู่แล้ว
 
นั่นคือข้ออ้างและเป็นอาการของรัฐบาลที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับความเดือดร้อนของประชาชนและของผู้ประกอบการ ที่ต้องแบกรับภาระค่าครองชีพสูงมากขึ้นในขณะที่มีรายได้น้อยลงจากการล็อคดาวน์เพราะวิกฤตโควิด และมาถูกซ้ำเติมด้วยวิกฤตน้ำท่วมในช่วงนี้
 
ขอถามว่า จริงหรือ?ที่ภาษีสรรพสามิตมีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ด้านสิ่งแวดล้อม เพราะเท่าที่ปรากฏมา ยังไม่เคยมีการลดภาษีสรรพสามิตเพื่อทำให้ราคาน้ำมันผสม(ที่รักษาสิ่งแวดล้อม)มีราคาถูกลงตามนโยบายรัฐบาล มีแต่ล้วงกระเป๋าตังค์ประชาชนผ่านกองทุนน้ำมันมาชดเชยเท่านั้น!!
 
 
 
 
 
ข้อมูลโครงสร้างราคาน้ำมันวันที่18 ตุลาคม 2564
1)ดีเซลบี 7 บี10 ที่รัฐบาลรีดภาษีสรรพสามิต 5.99 บาท/ลิตร และล้วงเงินกองทุนน้ำมันมาชดเชย 1.99 บาท ก็ชดเชยให้ถูกลงได้แค่ภาษีที่รัฐบาลไม่ยอมลด ใช่หรือไม่
 
2)ดีเซลบี20 รัฐบาลรีดภาษีสรรพสามิต 5.15บาท/ลิตร รัฐบาลล้วงกองทุนฯมาชดเชย 4.15 บาท ก็ชดเชยได้แค่ภาษีสรรพสามิตที่รัฐบาลไม่ยอมลด ใช่หรือไม่
 
แค่รัฐบาลลดภาษีลงลิตรละ5บาท ราคาน้ำมันดีเซลก็ลดลงได้ทันที แต่เพราะรัฐบาลไม่มีปัญญาหาเงินทางอื่นแล้วใช่ไหม จึงต้องเล่นกลเอากองทุนน้ำมันที่เป็นเงินของคนใช้เบนซินมาอุ้มภาษีน้ำมันของรัฐบาล ใช่หรือไม่
 
แสดงว่ารัฐบาลนี้เคยชินกับการได้เงินง่ายๆ จนหารายได้จากแหล่งอื่นๆไม่เป็น ต้องใช้วิธีรีดเงินจากประชาชนแบบมัดมือชกทั้งที่ประชาชนลำบากแสนสาหัส ใช่หรือไม่
 
พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชาเข้ามาบริหารบ้านเมืองตั้งแต่ปี2557 ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาน้ำมันตลาดโลกลดต่ำลง แทนที่รัฐบาลจะลดราคาน้ำมัน รัฐบาลก็เก็บภาษีน้ำมันมากขึ้นทำให้รัฐบาลนี้ได้รายได้ง่ายๆจำนวนมากจากภาษีสรรพสามิตน้ำมันมานาน เมื่อเทียบกับทุกรัฐบาลที่ผ่านมา รายได้จากภาษีสรรพสามิตที่รัฐบาลนี้เก็บได้ปีละกว่าสองแสนล้านบาท และเก็บได้สูงสุด เมื่อปี2562 จำนวนถึง232,763 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลชุดนี้เคยตัวกับการรีดภาษีเป็นรายได้ง่ายๆจากผู้ใช้น้ำมัน จนหารายได้แบบอื่นไม่เป็น ใช่หรือไม่
 
มาวันนี้ประชาชนเดือดร้อนแสนสาหัส แต่รัฐบาลก็ไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย จนผู้ประกอบการรถบรรทุกออกมาเรียกร้อง ก็ยังไม่รู้ร้อนรู้หนาวอีก ขออย่าให้การบรรทุกภาษีน้ำมันบนหลังประชาชนแบบนี้ กลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายบนหลังอูฐ
 
อีกไม่นาน วาทะ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”ของรัฐบาล จะกลายเป็นวาทะที่ว่างเปล่า เพราะจะไม่มีใครเดินตามหลังท่านอีกต่อไป ระวัง!เมื่อประชาชนหันหลังกลับ รัฐบาลจะเป็นผู้ถูกทิ้งไว้ข้างหลังเสียเอง !
รสนา โตสิตระกูล
19 ตุลาคม 2564