"กลไกน้ำมันตลาดโลก หรือตลาดโลภกันแน่?"

"กลไกน้ำมันตลาดโลก หรือตลาดโลภกันแน่?"

 

 

 "กลไกน้ำมันตลาดโลก หรือตลาดโลภกันแน่?"
 


ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกลดลง ทำให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศไทยวันที่ 5 มกราคม 2560 ควรลดราคาลง แต่หน่วยงานรัฐที่ควบคุมกลไกราคากลับปล่อยมีการขึ้นราคาน้ำมันทุกชนิดอีกลิตรละ 60สตางค์ ส่วน E85 ให้ปรับขึ้น 40สตางค์/ลิตร ซึ่งเป็นการเพิ่มกำไรให้บริษัทน้ำมันบนภาระของประชาชนผู้บริโภค

ดังนั้นรัฐบาลเลิกอ้างได้แล้วว่าราคาน้ำมันของประเทศไทยเป็นไปตามกลไกตลาดโลก เพราะมีข้อสงสัยว่าราคาน้ำมันของไทยเคยอิงกลไกตลาดโลกหรือกลไกการแข่งขันที่ทำให้เกิดราคาน้ำมันที่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค จริงๆหรือไม่

ราคาน้ำมันในขณะนี้ควรเรียกว่าเป็นไปตามกลลักไก่ในการสร้างกำไรตามที่กลุ่มทุนพลังงานต้องการโดยอาศัยอำนาจรัฐมากำหนดสูตรราคาตามอำเภอใจเป็นเกราะป้องกันให้บริษัทเอกชน ใช่หรือไม่?

เพื่อนมิตรเชิญดูตารางโครงสร้างราคาน้ำมันของวันที่ 5 ม.ค.เปรียบเทียบราคาของวันที่ 4ม.ค 2560 ดูก็ได้ และถ้ามีเวลาลองบวกลบตัวเลขดู ก็จะแจ่มชัดว่า ราคาน้ำมันที่พวกเราต้องจ่ายเป็นการคำนวณโดยนักมายากลที่ช่ำชองคณิตศาสตร์โดยแท้

ขอสรุปให้ฟังดังนี้ 

ราคาน้ำมันวันที่5 ม.ค เฉพาะตัวเนื้อน้ำมันของเบนซิน95 มีราคาลิตรละ 16.8977 ส่วนวันที่4 ม.ค เนื้อน้ำมันเบนซิน95 ราคา 17.0017บาท ราคาเนื้อน้ำมันเบนซินในวันที่5 ม.ค จึงลดลง 10สตางค์ แต่ผู้กำหนดกลไกราคาของภาครัฐ แทนที่จะลดราคาให้ผู้บริโภค กลับปรับโครงสร้างราคาเพิ่มขึ้น 60 สตางค์ต่อลิตร โดยให้บริษัทน้ำมันไปเพิ่มค่าการตลาดของเบนซิน95 อีก 66 สตางค์ (จาก1.4939 บาทเป็น 2.1587บาท/ลิตร )เมื่อหักค่าเนื้อน้ำมันที่ลดลง10สตางค์ จึงปรับขึ้นราคาน้ำมัน 60สตางค์

เช่นเดียวกับน้ำมัน E20 ก็ให้ขึ้นค่าการตลาดอีก 64สตางค์ (จาก 1.7784 เป็น 2.4228 บาท/ลิตร)

ส่วนE85 ก็ให้เพิ่มค่าการตลาดได้อีก39 สตางค์ (จาก 5.0634 เป็น 5.4632บาท/ลิตร) 

มีเหตุผลอะไรที่ยอมให้น้ำมัน E85 เก็บค่าการตลาดได้ถึงลิตรละ 5.46บาทลองเปรียบเทียบกับค่าการตลาดของเบนซิน95 ค่าการตลาดของE85 สูงกว่าเบนซิน95 เกิน100%ทีเดียว ไม่ทราบว่าใช้ฐานตัวเลขอะไรมาคำนวณค่าการตลาด

ในเมื่อต้องเอากองทุนน้ำมันมาชดเชย E85 ถึงลิตรละ9.35บาท ซึ่งไม่เป็นธรรมต่อคนใช้น้ำมันชนิดอื่นๆที่ต้องควักกระเป๋ามาอุดหนุนคนใช้E85 และE20 แล้ว การปล่อยให้บริษัทเอกชนสร้างตัวเลขต้นทุนที่ไร้เหตุผลแบบนี้ จะทำให้สังคมตั้งข้อสงสัยได้ว่ารัฐบาลต้องการอุ้มกลุ่มทุนพลังงานด้วยการปล่อยให้กลุ่มทุนล้วงกระเป๋าประชาชนมากที่สุดเท่าที่ต้องการ ใช่หรือไม่?

รัฐบาลปล่อยให้มีการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันอย่างผิดกฎหมาย ทั้งที่ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ทำหนังสือแจ้งผลการตรวจสอบมาตั้งแต่ปี2557 แล้ว ว่ากองทุนน้ำมันเก็บเงินจากประชาชนแบบเก็บภาษีโดยไม่มีกฎหมายรองรับ ซึ่งเป็นเรื่องไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่รัฐบาลก็ไม่ได้แก้ไข และหน่วยงานกำกับราคาพลังงานก็ยังเปิดช่องให้มีการยักย้ายเงินกองทุนน้ำมันที่มาจากกระเป๋าคนใช้น้ำมันไปสร้างกำไรให้บริษัทเอกชนอย่างไม่เป็นธรรม ใช่หรือไม่?

ในโครงสร้างราคาน้ำมัน เมื่อราคาน้ำมันดิบตลาดโลกลดลง เหตุใดไม่ลดราคาให้ผู้บริโภค เแต่กลับยอมให้บริษัทเอกชนขึ้นค่าการตลาดเพื่อจะขึ้นราคาน้ำมัน เท่ากับเพิ่มกำไรให้บริษัทเอกชน โดยไม่สนใจว่าเป็นการเพิ่มภาระให้ประชาชนตั้งแต่เริ่มเปิดศักราชใหม่กันเลยทีเดียว ใช่หรือไม่?

นอกจากใช้กองทุนน้ำมันล้วงกระเป๋าคนไทย สร้างกำไรให้โรงกลั่นน้ำมัน กับโรงงานน้ำตาลแล้ว ยังขอล้วงกระเป๋ากันตรงๆแบบไม่ต้องเกรงใจประชาชนเจ้าของภาษีที่เลี้ยงดูพวกท่านกันเลยกระนั้นหรือ?

ไหนลุงตู่อุตส่าห์แต่งเพลงปีใหม่ให้คนไทย ว่าจะทอดตัวเป็นสะพานให้คนไทยก้าวข้ามไปสู่ความร่มเย็นสดใสในเวลาอีกไม่นาน ก็ขอให้ลุงตู่ของคนไทยทำสิ่งที่เป็นรูปธรรมสักเรื่องเกี่ยวกับราคาพลังงานที่เป็นธรรม เพราะจะเป็นการแสดงเจตจำนงว่าท่านอยากเห็นคนไทยได้เข้าสู่สังคมร่มเย็นสดใสจริงๆ ไม่ใช่ปล่อยให้พ่อค้าน้ำมันมาล้วงกระเป๋าคนไทยทั้งประเทศแบบค้ากำไรเกินควรตั้งแต่ต้นปีไก่โห่กันเลยทีเดียว

รสนา โตสิตระกูล
6 มกราคม 2560

https://goo.gl/8c9K3G