"รสนา" เผย เลือกผู้ว่ากทม.หนนี้ ชี้ชะตาต่อสัมปทานรถไฟฟ้า65บาทไปอีก30ปี หรือ 20บาทตลอดสาย !?

"รสนา" เผย เลือกผู้ว่ากทม.หนนี้ ชี้ชะตาต่อสัมปทานรถไฟฟ้า65บาทไปอีก30ปี หรือ 20บาทตลอดสาย !?

 

 

 

"รสนา" เผย เลือกผู้ว่ากทม.หนนี้ ชี้ชะตาต่อสัมปทานรถไฟฟ้า65บาทไปอีก30ปี หรือ 20บาทตลอดสาย !?
 
 
 
ดิฉันประกาศนโยบายผู้ว่าไม่ต่อสัมปทานบีทีเอส ลดค่าตั๋วเหลือ20บาทตลอดสาย มีเสียงเยาวชนคนรุ่นใหม่บอกว่าแค่การหาเสียงหรือเปล่า!?
 
ขอตอบว่า แม้ตั๋วราคา20บาทจะไม่ได้เกิดวันนี้ วันพรุ่งนี้ แต่วันนี้เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อว่าจะได้ราคา20บาท หรือ 65บาทไปอีก30ปี ขึ้นอยู่กับการเลือกผู้ว่าฯในครั้งนี้
 
เมื่อปี2535 พลตรีจำลอง ศรีเมือง ผู้ว่ากทม.ในสมัยนั้นได้ริเริ่มโครงการรถไฟฟ้าสายแรกในกทม.และเจรจาสัมปทานให้ค่าตั๋วตลอดสายที่15บาทได้สำเร็จ แต่น่าเสียดายที่ตลอด 30ปีที่ผ่านมาไม่มีผู้ว่ากทม. คนไหนเลยแม้แต่คนเดียวที่จะสานต่อนโยบายรถไฟฟ้าราคาถูกของพลตรีจำลอง ศรีเมือง
 
จากข้อมูลรายงานประจำปีของ บริษัทบีทีเอสปี 2562/2563 พบว่าบีทีเอสมีรายจ่ายค่าเดินรถทั้งระบบ241 ล้านเที่ยวอยู่ที่3,777 ล้านบาท หรือเท่ากับเที่ยวละ 15.70บาทเท่านั้น และเมื่อดูงบดุลย้อนหลัง6-7 ปี พบว่าค่าใช้จ่ายเดินรถอยู่ระหว่าง10-16 บาทเท่านั้น ซึ่งไม่แพงเลย แต่ค่าตั๋วโดยสารบีทีเอสสูงสุดอยู่ที่65 บาท/เที่ยว เพราะอ้างว่าต้องเอาค่าลงทุนก่อสร้างระบบรางมารวมในค่าโดยสาร ดังนั้นเท่ากับว่าคนกทม.เป็นผู้จ่ายค่าโครงสร้างระบบรางตลอด30ปี
 
ข่าวดีคือรถไฟฟ้าบีทีเอสจะหมดสัมปทานในปี 2572 คืออีก7ปี กรรมสิทธิ์รถไฟฟ้าสายสีเขียวจะตกเป็นของกทม. ดังนั้นนับจากปี2572 ราคาค่าตั๋วโดยสารจะไม่มีต้นทุนค่าโครงสร้างอีก จะเหลือแต่ค่าใช้จ่ายการเดินรถและค่าบำรุงรักษา ค่าโดยสาร20บาทตลอดสายจึงเป็นไปได้แน่นอน
 
แต่ข่าวร้ายก็คือเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2565 พล.ต.อ อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่ากทม.ในขณะนั้นให้สัมภาษณ์ว่าคณะกรรมการที่รัฐบาลคสช.ตั้งขึ้นจะให้มีการต่อสัมปทานกับบริษัทบีทีเอสไปอีก 30ปีและคิดค่าโดยสารตลอดสายสูงสุดที่ 65บาท
 
แต่ถ้าเลือกรสนาเป็นผู้ว่ากทม. ดิฉันจะไม่ต่อสัมปทานรถไฟฟ้าบีทีเอส แต่จะเปิดประมูลให้บริษัทเอกชนมาแข่งราคาการเดินรถ ในราคาไม่เกิน 20บาทตลอดสาย
 
เมื่อตัดสินใจไม่ต่อสัมปทานก็จะมีคำถามตามมาว่า แล้วจะจ่ายหนี้อย่างไร
 
ปัจจุบันกทม.เป็นหนี้ส่วนต่อขยายและการเดินรถ 65,000 ล้านบาท เมื่อรถไฟฟ้าสายสีเขียวตกเป็นกรรมสิทธิ์ของ กทม. กทม.ก็จะสามารถหารายได้จากการให้เช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์ในสถานีรถไฟฟ้า การโฆษณา และการเชื่อมต่อสถานีกับพื้นที่ของเอกชน รายได้ทั้ง3ส่วนปีละไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งกทม.สามารถจ่ายหนี้ได้หมดในเวลา 13-15ปี โดยยังสามารถคุมค่าตั๋วราคาถูกให้ชาว กทม.20บาทตลอดสาย และยังสามารถเชื่อมต่อล้อ ราง เรือในราคา20บาทภายในระยะเวลาเดินทาง 1 ชั่วโมงอีกด้วย
 
ดิฉันสัญญาว่าจะสานต่อนโยบายรถไฟฟ้าราคาถูกของพลตรีจำลอง ศรีเมืองในสมัยนี้ให้จงได้หากได้รับฉันทานุมัติจากชาวกทม.เลือกรสนาเป็นตัวแทน
 
ถ้าพลาดการเลือกรสนาเป็นผู้ว่าฯกทม. อาจจะต้องรอรถไฟฟ้าหมดสัมปทานอีกรอบใน30-40ปี
รสนา โตสิตระกูล
10 เมษายน 2565