สิ่งที่น่าสงสัยคือการรับนักศึกษาผ่านระบบเอเยนซี่ จะมีปัญหาเรื่องคอมมิชชั่น และเงินทอนตามมาด้วยหรือไม่?
CHANGE The World รสนา โตสิตระกูล
สิ่งที่น่าสงสัยคือการรับนักศึกษาผ่านระบบเอเยนซี่ จะมีปัญหาเรื่องคอมมิชชั่น และเงินทอนตามมาด้วยหรือไม่?
ดิฉันเคยทำหนังสือถึงคณะกรรมการสภามหาวิทยาลัยมหิดลรายบุคคล เมื่อ17 ก.ค 2561 ในฐานะที่เป็นผู้ปกครองที่มีบุตรหลานเรียนและเคยเรียนในวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ขอให้ทางสภามหาวิทยาลัยมหิดลตรวจสอบว่าเหตุใดจึงมีการปลดทีมงานของดร.สุกรี เจริญสุข ออกจากการเป็นทีมบริหารวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ก่อนเวลาที่ดร.สุกรีจะหมดวาระแค่2-3เดือน โดยไม่แจ้งล่วงหน้าทำให้การเปลี่ยนผ่านไม่ราบรื่น เสมือนมีสาเหตุอะไรที่เป็นความขัดแย้งรุนแรง
และในหนังสือร้องเรียนดังกล่าวได้ขอให้มีการตรวจสอบเรื่องข่าวโจษจันการรับนักศึกษาจีนตอนหนึ่งว่า
“คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์พูดในที่ประชุมพนักงานว่าจะรับนักเรียนจากจีนเข้ามาเรียนโดยผ่านเอเยนซี่จำนวน200 คน ซึ่งหากเป็นจริงจะทำให้ทิศทางของวิทยาลัยเน้นไปในทางหารายได้มากเกินไปจนไม่สนใจมาตรฐานคุณภาพในการสร้างนักดนตรีที่มีฝีมือในอนาคตหรือไม่
ที่ผ่านมาวิทยาลัยเคยมี
นโยบายในการรับนักศึกษาดนตรีในแต่ละปีสูงสุดไม่เกิน 180 คน ซึ่งเป็นการจัดสัดส่วนที่คำนึงถึงขนาดและปริมาณด้านสถานที่เรียน ห้องซ้อม และครูสอนดนตรีแบบไปรเวทที่ให้ความสำคัญด้านคุณภาพ
การรับนักศึกษาต่างชาติไม่ควรมีสัดส่วนมากเกินไป จนเข้ามาเบียดบังพื้นที่ของนักศึกษาไทย และไม่ควรมีน.ศ ชาติใดมากจนกลายเป็นการครอบงำวัฒนธรรมในวิทยาลัย เพราะปัจจุบันก็มีน.ศ จีนมาเรียนที่วิทยาลัยเป็นจำนวนมากพอสมควรอยู่แล้ว
ที่สำคัญการรับน.ศ ต่างชาตินอกจากจะต้องไม่ให้มีสัดส่วนมากกว่า น.ศ ไทย และไม่ควรมีสัดส่วนมากกว่าน.ศ ชาติอื่นๆแล้ว ยังต้องคำนึงถึงปริมาณที่ต้องไม่มากเกินจากสิ่งอำนวยความสะดวก อุปกรณ์ต่างๆ (facilities)ที่มีอยู่ เพราะจะเป็นการทำลายคุณภาพและมาตรฐานของวิทยาลัยดนตรีแห่งนี้อันอาจจะส่งผลต่อการยอมรับวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ในวงวิชาการด้านดนตรีจากสถาบันดนตรีที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศในอนาคตอีกด้วย
เรื่องที่โจษจันกันว่าจะมีการเปิดรับนักศึกษาจากจีนเป็นจำนวนมากควรมีการตรวจสอบว่าจริงหรือไม่ และมีเรื่องค่าหัวคิวเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ หากมีประเด็นการรับหัวคิวด้วยนั้น ก็อาจจะเป็นการเข้าข่ายการทุจริตประพฤติมิชอบอย่างร้ายแรงหรือไม่
จึงใคร่ขอให้ผู้บริหารมหาวิทยาลัยและสภามหาวิทยาลัยมหิดลเข้าไปตรวจสอบข้อมูลว่าเป็นดังที่ดิฉันได้เขียนมาหรือไม่ และขอให้แจ้งเหตุผลดังที่สอบถามมาให้ทราบ เพื่อให้ผู้ปกครองที่มีลูกเรียนอยู่ที่วิทยาลัยแห่งนี้ เกิดความมั่นใจและความสบายใจถึงทิศทางในอนาคตของวิทยาลัยแห่งนี้”
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ไม่มีคำตอบใดใดจากสภามหาวิทยาลัย จนดิฉันได้เห็นข้อความประชาสัมพันธ์ที่ทางวิทยาลัยดุริยางคศิลป์กำลังจะส่งทีมไปเดินสายประชาสัมพันธ์และรับสมัครนักศึกษาจีนที่ปักกิ่ง หลานโจว และเซี่ยงไฮ้ ในวันที่26,27 มีนาคม และ2เมษายน 2562 นี้ โดยผ่านเอเยนซี่ Artzoo ในประเทศจีน
การที่คณะกรรมการสภามหาวิทยาลัยไม่ตอบคำถามและในที่สุดก็ปรากฎข่าวเป็นจริงว่าวิทยาลัยดุริยางคศิลป์เดินสายหานักศึกษาต่างชาติมาเรียนเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ใด เพื่อมุ่งเน้นหาเงินเป็นหลัก กระนั้นหรือ?
วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาการดนตรี และพัฒนานักดนตรีที่เป็นเยาวชนไทยเป็นหลัก เพราะงบประมาณที่สร้างวิทยาลัยดุริยางคศิลป์มาจากงบประมาณแผ่นดิน และค่าเล่าเรียนที่เก็บจากผู้ปกครองที่ส่งบุตรหลานมาเรียนที่นี่
น่าเสียดายที่ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์เพียงเท่านี้ ซึ่งทิศทางในการเปิดรับนักศึกษาจากจีนเป็นหลัก แสดงถึงการมุ่งหาเงินเป็นหลัก ซึ่งนอกจากจะเป็นการเบียดบังพื้นที่ทางการศึกษาของเยาวชนไทยแล้ว ยังทำให้มีนักศึกษาจีนที่มากเกินไปจนอาจจะมีผลเป็นการครอบงำทางวัฒนธรรมในอนาคต การมีนักศึกษาที่มากเกินสิ่งอำนวยการทางด้านการศึกษาย่อมกระทบต่อคุณภาพของนักศึกษาอีกด้วย
สิ่งที่น่าสงสัยคือการรับนักศึกษาผ่านระบบเอเยนซี่ จะมีปัญหาเรื่องคอมมิชชั่น และเงินทอนตามมาด้วยหรือไม่
ในเมื่อคณะกรรมการสภามหาวิทยาลัยไม่ตอบหนังสือสอบถามของดิฉันที่ส่งไป7เดือนแล้ว ดิฉันขอเรียกร้องผ่านพื้นที่สาธารณะให้ผู้บริหารและคณะกรรมการสภามหาวิทยาลัยโปรดชี้แจงกรณีดังกล่าวให้ทราบด้วย มิเช่นนั้นแล้วย่อมแสดงให้เห็นถึงความตกต่ำด้านธรรมาภิบาลในการบริหารของคณะกรรมการสภามหาวิทยาลัยชุดนี้
รสนา โตสิตระกูล
7 ก.พ 2562