ขอท้ารัฐบาลเปิดดีเบตเรื่อง บรรษัทวิสาหกิจว่า "ที่รัฐบาลยืนยันไม่ขายหุ้นบรรษัทฯ แต่ยืนยันได้หรือไม่ว่า จะไม่ขายรัฐวิสาหกิจ"ด้วย!??

ขอท้ารัฐบาลเปิดดีเบตเรื่อง บรรษัทวิสาหกิจว่า "ที่รัฐบาลยืนยันไม่ขายหุ้นบรรษัทฯ แต่ยืนยันได้หรือไม่ว่า จะไม่ขายรัฐวิสาหกิจ"ด้วย!??

 

 

 

 

ขอท้ารัฐบาลเปิดดีเบตเรื่อง บรรษัทวิสาหกิจว่า "ที่รัฐบาลยืนยันไม่ขายหุ้นบรรษัทฯ แต่ยืนยันได้หรือไม่ว่า จะไม่ขายรัฐวิสาหกิจ"ด้วย!??

 


เพิ่งรู้ข่าวจากนสพ.หัวเขียวฉบับหนึ่งว่าได้ตั้งสมญานามใครก็ไม่รู้ ยกให้เป็น "ขุ่นแม่เอ็นจีโอ"(สำนวนนักข่าวในบทความข้างท้าย) ที่เป็นคนขัดขวาง กฎหมายจัดตั้งบรรษัทวิสาหกิจ ซูเปอร์โฮลดิ้ง (ร่างพระราชบัญญัติ การพัฒนากำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.......... )และตั้งคำถามที่ทำให้รัฐบาลคสช.ก้นร้อนว่า "ยุคคสช.จะแปรรูปรัฐวิสาหกิจแบบเหมาเข่งหนักข้อกว่ายุคทักษิณหรือไม่" ดิฉันก็ขอสนับสนุน"คุณแม่เอ็นจีโอ"คนนั้นให้เดินหน้าทำในสิ่งที่ถูกต้องต่อไป


ส่วนตัวดิฉันขอต่อสู้ต่อไปในนามพลเมืองไทยคนหนึ่งใน70ล้านคนที่เป็นเจ้าของทรัพย์สินรัฐวิสาหกิจ ซึ่งไม่ได้เป็นสมบัติของคสช.หรือสนช.สคร.คนร.หรือกขคง...เพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสใช้อำนาจเบ็ดเสร็จออกกฎหมายเตรียมล้วงลูกแปรรูปรัฐวิสาหกิจยกเข่งแบบอำพราง ในช่วงสูญญากาศประชาธิปไตย โดยใช้ข้ออ้างว่าเพื่อป้องกันนักการเมืองเข้ามาล้วงลูกรัฐวิสาหกิจในภายหลัง ทั้งที่คนออกแบบการแปรรูปอำพรางก็เป็นทีมเศรษฐกิจเดียวกับอดีตรัฐบาลที่ทำให้คนไทยกลัวทุนการเมืองเข้ามากินรวบประเทศไทยส่งผลให้สังคมเข้าสู่โหมดความขัดแย้งใหญ่จนคสช.ฉวยจังหวะเข้ามาบริหารประเทศเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้ง !?และความเหลื่อมล้ำ !?


เมื่อรัฐบาลก้นร้อนเลยต้องรีบสั่งการทำ IO (information operation) ผ่านสื่อต่างๆ เพื่อตอบเรื่องบรรษัทวิสาหกิจ แบบยืนยัน นั่งยัน นอนยันว่ากฎหมายฉบับนี้ไม่เกี่ยวข้องการแปรรูปอย่างเด็ดขาด


ดิฉันขอถามว่าที่รัฐบาลจะไม่แปรรูปเด็ดขาดหมายถึงเฉพาะ "บรรษัท" เท่านั้นใช่ไหม แต่ยืนยันได้หรือไม่ว่า จะไม่ซื้อขายแลกเปลี่ยน หรือลดสัดส่วนหุ้นของ11 รัฐวิสาหกิจในบรรษัทด้วย


ถ้ามีการอนุมัติให้ลดสัดส่วนหุ้นของรัฐวิสาหกิจ ตั้งแต่บริษัทแม่ลงไปถึงบริษัทลูก และหลานที่ทำให้กรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของของรัฐในรัฐวิสาหกิจทั้ง11แห่งตลอดจนบริษัทลูก หลาน เหลนของรัฐวิสาหกิจเหล่านี้ลดลงในตลาดหลักทรัพย์ได้ ถ้าเป็นแบบนี้ แถวบ้านดิฉันเขาเรียกว่า "การแปรรูป"


ดิฉันเปรียบเทียบบรรษัทเป็น"คอกม้า" ที่รัฐบาลควักกระเป๋ามาตั้งคอกม้าในมูลค่า1พันล้าน (โดยทำเป็นหุ้น หุ้นละ10บาท 100ล้านหุ้น) และที่รัฐบาลประกาศจะไม่แปรรูป และรัฐจะถือไว้เอง100%ตลอดไปนั้นหมายความเพียงว่าจะไม่ขายหุ้น "คอกม้า"เท่านั้นใช่หรือไม่


แต่ว่า11รัฐวิสาหกิจ ที่ดิฉันเปรียบเป็น "ม้า11ตัว" ที่มีมูลค่า 6ล้านล้านบาท และต่อไปยังสามารถออกลูกออกหลานอีกด้วยนั้น กฎหมายฉบับนี้สั่งให้กระทรวงการคลังต้องโอนหุ้นทั้งหมดมาให้บรรษัทฯ ซึ่งคือโอนม้าทั้ง11ตัวมาเข้าคอกคำถามคือร่างพ.ร.บฉบับนี้อนุญาตให้สามารถขายม้า11ตัว และลูกหลานของม้าเหล่านี้ด้วยใช่หรือไม่
เป็นคำถามหัวใจ ที่คนของรัฐบาลนี้ยังไม่มีใครออกมาตอบ!!


อันที่จริงที่ดิฉันเป็นห่วง ก็คือห่วงว่าประเทศจะเหลือแต่กรรมสิทธิ์ "คอกม้า" แต่ไม่มีม้า โดยที่รัฐบาลยังต้องจ่ายเงินค่าดูแลคอก รวมทั้งค่าจ้างคนบริหารคอกม้าด้วย แต่เราอาจจะมีกรรมสิทธิ์ในม้าลดลง จนไม่ใช่เจ้าของม้าอีกต่อไปก็ได้ ใช่หรือไม่


นอกจากนี้ก็ยังมีข้อสังเกตที่น่าห่วงใยอีกประการหนึ่งว่า รายได้จากรัฐวิสาหกิจ สมัยก่อนก็ส่งเงินตรงให้กระทรวงคลังเลย แต่เมื่อมาอยู่ภายใต้บรรษัทแล้ว บรรดาเงินรายรับของรัฐวิสาหกิจ11แห่งต้องส่งให้บรรษัทฯเสียก่อน และกำไรทั้งหมดของรัฐวิสาหกิจ บรรษัทฯสามารถหักเงินกำไรไว้เป็นเงินสำรองการลงทุน หรือนำไปซื้อสัมปทานในต่างประเทศด้วยก็ได้ หลังจากนั้นจึงจะส่งส่วนแบ่งกำไรมาให้กระทรวงคลัง

แล้วจะเหลือเท่าไหร่???

กรณีการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.)ที่ปีสุดท้ายก่อนการแปรรูปในปี2544 เคยทำกำไรให้ประเทศ 2หมื่นล้านบาท ปัจจุบันมีรายได้ปีละกว่าแสนล้านบาท แต่ส่งรายได้ให้รัฐเหลือปีละหมื่นกว่าล้านบาท น้อยกว่ารายได้ที่กองสลากฯส่งเข้ารัฐปีละ2หมื่นกว่าล้านบาทเสียอีก ใช่หรือไม่

ที่เป็นห่วงคือรายได้ และกำไรของรัฐวิสาหกิจ 11แห่งและบริษัทลูก หลานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จะถูกนำไปเล่นแร่แปรธาตุในตลาดหลักทรัพย์ทำให้เอกชนบางกลุ่มในตลาดหุ้นร่ำรวยอู้ฟู่เท่านั้น เพื่อดันจีดีพีประเทศให้โต???เพื่อให้ประเทศพ้นกับดักรายได้ปานกลาง ??? แต่เป็นการลงทุนที่ใช้ทรัพย์สินของคนไทยทั้งประเทศมาสร้างความร่ำรวยให้กับคนบางกลุ่มเท่านั้น โดยไม่มีการกระจายรายได้

การใช้ทรัพย์สินของคนทั้งประเทศมาผลักดันตลาดหุ้นให้โตนั้น ประชาชนต้องเป็นผู้เสียสละแบกรับให้คนแข็งแรงโตต่อไป ซึ่งเป็นวิธีที่จะยิ่งสร้างความเหลื่อมล้ำของประเทศไทยที่ติดอันดับ3ของโลกให้สูงขึ้น ไปอีก ช่องว่างคนรวย คนจนจะยิ่งถ่างกว้างมากขึ้น

นอกจากรัฐบาลไม่ชี้แจงประเด็นหัวใจในเรื่องนี้แล้ว เมื่อคืนนี้(10ก.ย) รัฐบาลถึงกับต้องขนอาวุธหนักระดับอดีตซีอีโอแบงค์พาณิชย์ใหญ่แห่งหนึ่งออกมาตอบคำถามคุณแม่เอ็นจีโอท่านนั้นทางสื่อวิทยุ โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ แต่ก็ยังไม่ตอบคำถามที่คาใจคนไทยทั้งประเทศอีกนั่นแหละ

คนที่ออกมาตอบว่าไม่เกี่ยวกับการแปรรูป ทั้งที่ก.ม ก็เขียนไว้ทนโท่

เอาอย่างนี้ดีไหมคะ เปิดเวทีดีเบต สุนทรียสนทนา ระหว่างภาครัฐ กับภาคพลเมืองที่ยังมีความสงสัยข้องใจในเรื่องนี้ ให้ได้ถาม และท่านตอบให้หายข้องใจ จะได้ไม่ใช่เป็นการใช้สื่อของรัฐมัดมือ(ประชาชน)
ชกข้างเดียว
แบบแผ่นเสียงตกร่องอย่างที่เป็นอยู่

ก็หวังว่ารัฐบาลจะกล้ารับผ้าที่ดิฉันโยนท้าทายนี้

รสนา โตสิตระกูล
11 กันยายน 2560

ไขคำตอบ "ซ่อนเงื่อนแปรรูป" คลี่ พ.ร.บ.ซูเปอร์โฮลดิ้ง ตีกัน "การเมือง" ล้วงลูก

อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/1065319

https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1430912543651971&id=236945323048705