"นายกฯแก้ปัญหานายทุนรวดเร็วทันใจ แต่เรื่องผลประโยชน์ชาติ เชื่องช้าเสมอ ใช่หรือไม่"
CHANGE The World รสนา โตสิตระกูล
"นายกฯแก้ปัญหานายทุนรวดเร็วทันใจ แต่เรื่องผลประโยชน์ชาติ เชื่องช้าเสมอ ใช่หรือไม่"
นายกฯเคยให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 11 พ.ย 2559 วันนี้ครบ1ปีแล้วว่า "เมื่อมีการตั้งคณะกรรมการสอบ(กรณีเชฟรอนหลบเลี่ยงภาษีน้ำมัน) ก็ต้องมีการชี้แจง เมื่อทักท้วงมาแล้ว ชี้แจงไปว่าตามขั้นตอนกฎหมาย ไม่ใช่อยู่ดีๆใครมาตรวจสอบเองไม่ได้ จะมาร้องเรียนแล้วสอบเองไม่ได้ประเทศวุ่นวายตาย"
ผ่านมาแล้ว 1ปี ผลสอบชัดเจน คำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกาก็ระบุว่า การส่งน้ำมันไปใช้ที่แท่นขุดเจาะเป็นการค้าชายฝั่ง คือต้องเสียภาษีสรรพสามิต ภาษีมูลค่าเพิ่ม เพราะไม่ใช่การส่งออกที่จะได้รับการยกเว้นภาษี แต่จนป่านนี้กรมศุลกากร กระทรวงการคลังก็ยังไม่ได้จัดการปรับบริษัทเชฟรอน ที่สำแดงการส่งออกอันเป็นเท็จ จึงจะสามารถยกเลิกเอกสารเก่า เพื่อเก็บภาษีน้ำมันจากเชฟรอน ที่ไม่ได้จ่ายก่อนหน้านั้น นอกจากภาษีจำนวนประมาณ3พันล้านบาท ตามกฎหมายศุลกากรต้องปรับ4เท่าของมูลค่าสินค้า และยังมีค่าปรับตามกฎหมายสรรพากรอีกด้วย หากมีการเก็บตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมาจะมีมูลค่าเหยียบหมื่นล้านบาท รัฐบาลจะได้ไม่ต้องไปรีดภาษีแวตจากคนหาเช้ากินค่ำ
ท่านนายกฯเห็นว่าสมควรแก่เวลาหรือยัง ที่จะสั่งการให้ปลัดกระทรวงการคลังเร่งรัดหน่วยงานในบังคับบัญชาคือกรมศุลกากรให้จัดการปรับและเรียกเก็บภาษีที่หลบเลี่ยงจากบริษัทเชฟรอนให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในสิ้นปีนี้
หากรั้งรอไปนานกว่านี้ จะทำให้สังคมหมดศรัทธา และตั้งข้อสงสัยกับท่านนายกฯได้ว่า เวลากลุ่มทุนใหญ่มีปัญหา นายกฯจะรีบแก้ปัญหาให้ทันที แม้ต้องใช้คำสั่งมาตรา44 ลัดขั้นตอนกฎหมายปกติให้ แต่การเรียกเก็บภาษีที่บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่หลบเลี่ยง รวมทั้งต้องเก็บค่าปรับตามกฎหมายศุลกากร 4เท่า ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย และเป็นผลประโยชน์ชาติ รัฐบาลกลับเชื่องช้าเป็นเรือเกลือ เพราะเหตุใด?!?
รสนา โตสิตระกูล
11 พ.ย 2560
..............