“บิ๊กตู่” รับรู้ปมภาษี “3 พันล้าน เชฟรอน” แล้ว
CHANGE The World รสนา โตสิตระกูล
“บิ๊กตู่” รับรู้ปมภาษี “3 พันล้าน เชฟรอน” แล้ว
“นายกฯ ประยุทธ์” รับทราบปัญหาภาษี 3 พันล้าน “เชฟรอน” แล้ว หวั่นเสียโง่ หลัง ก.คลังตีความ ด้าน “สมคิด” จี้ รมว.คลังชี้แจงเรื่องข้อเท็จจริง ยันข้อเท็จจริงต้องมีอันเดียว เป็นผลประโยชน์ต่อรัฐด้วย ประเทศต้องมาก่อน เผยรอกฤษฎีกาตีความ หลังศุลกากรส่งหนังสือถามความชัดเจนทางกฎหมาย
มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า หลังจากปัญหาภาษีอากรสำหรับการส่งน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันไปใช้ในเขตพื้นที่สัมปทานปิโตรเลียมของ บริษัท เชฟรอน (ประเทศไทย) จำกัด ที่อยู่นอกอาณาเขต 12 ไมล์ทะเล ซึ่งกรมศุลกากรถือว่าเป็นการส่งของออกไปนอกราชอาณาจักรตาม พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ศุลกากร พ.ศ. 2469 และได้ให้บริษัทปฏิบัติพิธีการศุลกากรส่งออก ส่งผลให้ บริษัทได้รับยกเว้นหรือคืนภาษีสรรพสามิต และไม่ต้องส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมัน
มีรายงานว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ได้หารือกับนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เกี่ยวกับข้อพิพาทกรณีบริษัท เชฟรอน (ไทย) แล้ว นายสมคิดบอกว่า ได้ข้อสรุปว่าคงต้องมีการชี้แจงเรื่องข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร และว่าไปตามขั้นตอน ซึ่งเรื่องนายกรัฐมนตรีเองก็ทราบ ดังนั้นจึงไม่ต้องเป็นห่วง
“ข้อเท็จจริงก็ต้องมีอันเดียว ก็ต้องเป็นหน้าที่ รมว.คลังต้องชี้ออกมาว่า อะไรคือข้อเท็จจริง จะมีสองอย่างไม่ได้อยู่แล้ว และต้องเป็นผลประโยชน์ต่อรัฐด้วย ประเทศต้องมาก่อน” นายสมคิดกล่าว
ทั้งนี้ ข้อพิพาทดังกล่าวสืบเนื่องจากเดิมกรมศุลกากรมีการตีความว่า การส่งน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันไปใช้ในเขตพื้นที่สัมปทานปิโตรเลียมของบริษัท เชฟรอน (ไทย) นอกอาณาเขต 12 ไมล์ทะเล ถือเป็นการส่งออกไปนอกราชอาณาจักรตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 ทำให้เชฟรอนสามารถขอคืนภาษีสรรพสามิตได้ แต่ต่อมามีการร้องเรียนกันว่า พื้นที่สัมปทานดังกล่าวเป็นราชอาณาจักรไทย จึงไม่น่าจะเป็นการส่งออก
โดยล่าสุด นายประภาส คงเอียด รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายได้ ระบุว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้กรมศุลกากรทำหนังสือหารือไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อให้สรุปข้อเท็จจริงกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยให้ประสานงานส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้อง และเพื่อ ไม่ให้เกิดความเสียหายต่อการบริหารและจัดเก็บภาษีของรัฐ และการประกอบธุรกิจของบุคคลที่เกี่ยวข้อง กระทรวงการคลังได้แจ้งให้ระงับการยกเว้นหรือคืนภาษีสรรพสามิตไว้แล้ว
ก่อนหน้านั้น น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กรุงเทพมหานคร และ อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ด้านพลังงาน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Rosana Tositrakul หัวข้อ “ค่าโง่ภาษีน้ำมันที่ต้องเรียกคืน” จากกรณีบริษัท เชฟรอน ขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงไปขายที่แท่นเจาะ แล้วกรมศุลกากรตีความว่าเป็นการส่งน้ำมันออกนอกราชอาณาจักร ทำให้บริษัท เชฟรอนฯ มาขอคืนภาษีมูลค่า 3,000 ล้านบาท
“กรณีการขอคืนภาษีสรรพสามิต และภาษีมูลค่าเพิ่มน้ำมันสำเร็จรูปที่ส่งไปใช้ยังแท่นขุดเจาะของบริษัทเชฟรอนในพื้นที่ไหล่ทวีป ถูกสำนักกฎหมายกรมศุลกากรตีความว่าพื้นที่นอกเขต 12 ไมล์ทะเล ถือเป็นการส่งน้ำมันออกนอกราชอาณาจักร จึงทำให้บริษัท เชฟรอน มาขอคืนภาษี รวมแล้วมีมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยสิ่งที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน
1) หากการส่งน้ำมันไปใช้บนแท่นขุดเจาะที่อยู่ในดินแดนไทยคือการค้าชายฝั่ง บริษัทเชฟรอนก็ไม่มีสิทธิได้คืนภาษี ส่วนภาษีที่ขอคืนไปแล้ว สตง.สมควรต้องเรียกคืนย้อนหลังทั้งหมด
2) นอกจากบริษัท เชฟรอน ที่มีการขอคืนภาษีน้ำมันแล้ว ยังมีบริษัทอื่นอีกหรือไม่ที่ขอคืนภาษีแบบเดียวกัน หากมีต้องเรียกคืนเช่นกัน
3) การที่บริษัท เชฟรอน นำน้ำมันส่งออกที่ได้คืนภาษีกลับเข้ามาที่สงขลาอีกครั้ง ต้องมีการตรวจสอบว่า มีการนำน้ำมันกลับมาขายในประเทศหรือไม่? และทำมาแล้วกี่ครั้ง?
4) ต้องสอบสวนและลงโทษข้าราชการที่มีการเตะถ่วงเรื่องที่ทำให้รัฐเสียหาย โดยเฉพาะหากพบว่ามีขบวนการทุจริตเพื่อเอื้อประโยชน์ให้เอกชนในกรณีนี้”
ต่อมา น.ส.รสนา ยังโพสต์กรณีปลัดกระทรวงการคลังตีความกรณีพื้นที่ไหล่ทวีปไม่ใช่ราชอาณาจักรไทยว่า นอกจากจะเสียค่าโง่ 3,000 ล้านบาท แล้วยังจะลามไปถึงการเสียดินแดนได้ด้วย หากยังแกล้งโง่ไม่เร่งรัดเรียกค่าโง่ภาษีน้ำมันคืนโดยเร็วเพื่อรักษาประโยชน์ของแผ่นดิน โดยตอนหนึ่งระบุว่า “ก็ควรที่รัฐบาลจะต้องเร่งเอาผิด ให้เห็นทันตาสมดังพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”