สักการะ..พระธาตุจอมไทย

สักการะ..พระธาตุจอมไทย

 

 

ท่องแดนธรรม  เรื่อง : ปราริชาติ ปลื้มจิตต์ตระกูล  ภาพ : ชวกรณ์  สะอาดเอี่ยม

 

สักการะ..พระธาตุจอมไทย

ไหว้ขอพรหลวงพ่อแช่ม..วัดฉลอง ไข่มุกอันดามัน

                                                                        

     คณะของเราเดินทางจากกรุงเทพฯ ตอนเช้า ๆ โดยเครื่องบินมุ่งหน้าสู่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งถูกขนานนามว่า เป็นเมืองไข่มุกแห่งอันดามัน จากนั้นโดยสารรถตู้ที่เช่าเหมาไว้เพื่อใช้ในการเดินทาง และสถานที่สำคัญที่จะต้องไปนั้น เพื่อให้สมกับที่คนถิ่นฐานในจังหวัดบอกกับเราว่า “การมาจังหวัดภูเก็ต หากไม่ได้ไป...วัดฉลอง...เขาบอกว่า เรามาไม่ถึงภูเก็ต”

จากตัวเมืองภูเก็ตสามารถนั่งรถสองแถวสาย ภูเก็ต- อ่าวฉลอง การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวนั้น จากเมืองภูเก็ตไปวัดฉลองนั้น มีระยะทางประมาณ  8 กิโลเมตร ขับรถไปตามถนนเส้นทางหลวงหมายเลข 4021 พอขับผ่านสามแยกสนามกีฬาสุรกุล เลี้ยวซ้ายไปทาง ห้าแยกฉลอง วัดจะถึงก่อนห้าแยกฉลองประมาณ 4 กม. เราก็จะถึงวัดพอดี

     วัดฉลอง หรือ นามอย่างเป็นทางการ คือ วัดไชยธาราราม ซึ่งเปรียบกันว่าเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดภูเก็ต ที่นี่มีผู้คนมากหน้าหลายตา ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ต่างเดินทางมาเพื่อกราบไหว้ ขอพร หลวงพ่อแช่ม ซึ่งแม้ท่านจะมรณภาพมากว่า 100 ปีแล้วก็ตาม แต่ความศรัทธาที่ผู้คนต่างเชื่อถือในความศักดิ์สิทธิ์ ตลอดจนกิตติศัพท์ชื่อเสียงที่เล่าต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น เรื่องการรักษาโรค บุญบารมีและเมตตาธรรมที่มีให้แก่ญาติโยมนั้น ทำให้วัดฉลอง เป็นที่รู้จักในชื่อเสียงมาจวบจนวันนี้

     ตามตำนานเล่ากันว่า หลวงพ่อแช่ม เกิดที่ตำบลบ่อแสน อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา ปีกุน พุทธศักราช 2370 ในสมัยรัชกาลที่ 3 ขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นั้น ผู้คนที่เคารพศรัทธา จะมาขอพรและบารมีจากท่านโดยต่างพากันปิดทองตามแขนขาของท่านจนดูเหลืองทองอร้าอร่ามไปจนทั่ว ราวกับการปิดทองพระพุทธรูปในสมัยนี้ และหนึ่งในคณะของเราเป็นชาวภูเก็ตเธอบอกให้พวกเรา กราบขอพรหลวงพ่อแช่ม เพื่อให้ร่างกายที่เจ็บปวดหรือป่วยไข้ใดๆ หายเป็นปกติตามความเชื่อความศรัทธาซึ่งพ่อแก่แม่เฒ่าบอกเล่ากันมาถึงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์นั้น ซึ่งในขณะที่เรามากราบขอพร และปิดทองรูปหล่อหลวงพ่อแช่มนั้น ก็จะได้ยินเสียงปะทัดเป็นระยะ ๆ  เพื่อแก้บนในสิ่งที่ผู้คนมาอธิษฐานขอพรแล้วได้ตามที่ประสงค์...

     “พระมหาธาตุเจดีย์ พระจอมไทยบารมีประกาศ” เป็นศาสนสถานอีกแห่งซึ่งตั้งอยู่ภายในวัดฉลอง เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่อัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา  ซึ่งมีความงดงามมากมาย พระธาตุจอมไทยหรือพระธาตุวัดฉลอง ตามประวัติความเป็นมา กำหนดการวางศิลาฤกษ์ ในวันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พุทธศักราช 2541 เวลา 09.39 น. มีความกว้าง 19 เมตร สูง 61 เมตร 39 เซนติเมตร ฐานสี่เหลี่ยม มีซุ้มโดยรอบ ยอดสุดมีฉัตรทองคำ ภายในพระธาตุ บริเวณชั้นล่างจะเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่างๆ ส่วนบริเวณผนังจะเป็นภาพวาดพระพุทธประวัติที่วิจิตรงดงาม ด้านบนสุดของพระธาตุวัดฉลอง เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารรีริกธาตุ บริเวณโดยรอบ ยังเป็นจุดชมวิวทัศน์ของผู้มาเยือนและสักการะองค์พระธาตุ

     พระบรมสารีริกธาตุทั้ง 4 องค์ เดิมบรรจุ ณ.เจดีย์โบราณในเมืองอนุราธปุระ เมืองหลวงเก่าของประเทศศรีลังกาเป็นเวลากว่า 2,200 ปี และเนื่องด้วยในวโรกาสที่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมีพระชนมายุ 72 พรรษา พระปิยตัททัสสิน นายกเถระซึ่งเป็นพระเถระชั้นสูงของประเทศศรีลังกา ได้กราบทูลเชิญ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก เสด็จไปเยือนเพื่อถวายพระบรมสารีริกธาตุแก่ประเทศไทย ซึ่งสมเด็จพระสังฆราชได้แต่งตั้งผู้แทนเพื่อไปอัญเชิญมาประดิษฐานเมื่อวันที่ 20 มีนาคม พุทธศักราช 2542 ณ. “พระมหาธาตุเจดีย์ พระจอมไทยบารมีประกาศ” ซึ่งสมเด็จพระสังฆราช ได้ประทานนามนี้ไว้เป็นทางการ โดยผู้เข้ากราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุนั้นต้องแต่งกายสุภาพ โดยเฉพาะสุภาพสตรีต้องไม่นุ่งสั้นเข้าไปภายในสถานที่ หากไม่ทราบจะมีเจ้าหน้าที่นำผ้าถุงให้สวมทับเพื่อความเรียบร้อย.

     ภายในวิหารหลังใหม่ที่วัดฉลอง จะมีรูปหล่อ 3 องค์ องค์แรกจากซ้ายมือเป็นหลวงพ่อแช่ม ถัดมาหลวงพ่อช่วง และหลวงพ่อเกลื้อมตามลำดับ ตั้งอยู่ให้ผู้คนผู้เลื่อมใสศรัทธากราบไหว้ขอพร และทำบุญกัน เพื่อให้ปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไปแล้ว และนำสิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต เป็นสิริมงคลให้กับทุกคนที่มาสักการะ ซึ่งในวันที่คณะของเราเดินทางไปนั้นแม้ไม่ใช่วันหยุดแต่เป็นวันธรรมดา ก็มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศเดินทางเข้ามาภายในวัดอย่างไม่ขาดสายเลย หลวงพ่อแช่มวัดฉลอง และพระธาตุจอมไทย พระธาตุแห่งเดียว ณ.ทะเลฝั่งอันดามัน จึงเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ที่ตั้งอยู่ควบคู่กับจังหวัดภูเก็ตไปตลอดกาล...