"ตระกูลโสภา เลี้ยงกุมารทอง" คำยืนยันของ...ส.ส.ศิริโชค โสภา

"ตระกูลโสภา เลี้ยงกุมารทอง" คำยืนยันของ...ส.ส.ศิริโชค โสภา

 

 

 

 

เรื่อง  : สุทธิคุณ    กองทอง   ภาพ :  วันชัย ไกรศรขจิต

 

"ตระกูลโสภา เลี้ยงกุมารทอง" คำยืนยันของ...ส.ส.ศิริโชค โสภา

 

"สมัยก่อนแม่ผมนอนอยู่ในบ้านหลังเก่า มีความรู้สึกว่ากุมารทองวิ่งไปรอบบ้าน พยายามเคาะประตู พอแม่ (เสาวรส โสภา) ตื่นขึ้นมาปรากฏว่า ไฟกำลังลุกไหม้บ้าน" 

 

นี่เป็นอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ของกุมารทองที่ตระกูล โสภา บูชาไว้ในบ้าน ของ นายศิริโชค โสภา ส.ส.เขต ๗ จ.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ อดีตดาวสภา ฝีปากกล้า ผู้เปิดซักฟอกธุรกิจในเครือนายกฯ 



อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์กุมารทองที่เกิดขึ้นนั้น ส.ส.ศิริโชค เล่าว่า ครั้งหนึ่งได้เชิญลูกค้าชาวสิงคโปร์ และฮ่องกงมาติดต่อธุรกิจกับทางบริษัท แล้วได้มาพักที่บ้านหลังเก่า ซึ่งพวกเขาไม่เคยเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์ หรือสิ่งเร้นลับใดๆ เลย จนกระทั่งในคืนนั้น เขาได้นอนด้านล่างของบ้าน สิ่งที่ได้รับการบอกเล่าจากลูกค้าระหว่างที่นอนค่ำคืนนั้น พวกได้เขาเจอกับอิทธิฤทธิ์กุมารทองว่า มีเด็กมาดึงขา เล่นศีรษะ ดึงผ้าปูที่นอน ทำให้พวกเขานอนไม่หลับทั้งคืน 



"ส่วนตัวผมยังไม่เคยเห็นว่ากุมารทองมาแสดงอิทธิฤทธิ์อะไรให้ผมเห็น แต่มีคนจำนวนมากที่เห็นกุมารทองในอิริยาบถต่างๆ คนรับใช้บ้านผมเขาก็จะเห็นเด็กผูกผมจุกวิ่งเล่นอยู่ในบ้าน พอถึงตอนกลางคืนทุกคนหลับหมดแล้ว ก็จะมีเสียงคนเดิน ผมก็ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้น ผมบอกไม่ได้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ผมอยากบอกว่า ใครไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ เพราะสิ่งเหล่านี้ความเป็นวิทยาศาสตร์ยังพิสูจน์ไม่ได้" เขาเล่าถึงกุมารทองด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น พร้อมกับบอกด้วยว่า 


ที่ผ่านมายังใช้หลักวิทยาศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง กับเรื่องคนเราตายแล้วไปไหน มีวิญญาณหรือไม่ โดยมีพระอาจารย์รูปหนึ่งแสดงให้ดูว่า วันนั้นท่านให้นั่งลงแล้วจะทำให้ดูปรากฏว่า เราก็เห็นเป็นดวงไฟแล้วค่อยๆลอยมา พระอาจารย์ก็บอกให้เดินไปกับท่าน พอเดินไปถึงครึ่งทางวัด แล้วท่านให้คอยดูว่า พอดวงไฟที่เห็นมาถึงไฟจะดับ แสงสว่างของดวงตะเกียงจะมีแสงสว่างเพิ่มขึ้น ไฟภายในวัดจะดับลง และก็เป็นไปตามคำบอกเล่าจากพระอาจารย์ท่านนี้ ความรู้สึกตรงนั้นมองว่าเป็นเรื่องที่บอกไม่ได้เกิดอะไรขึ้น 



ส.ส.ศิริโชค เล่าถึงเหตุการณ์เฉียดตายด้วยว่า เคยเกิดขึ้นมาหลายครั้งเหมือนกัน เช่น ตั้งแต่ลงพื้นที่หาเสียงที่ จ.สงขลา เกิดอุบัติเหตุรถคว่ำไปแล้วถึงสองครั้ง รถยนต์แต่ละครั้งที่เกิดเหตุก็ทำให้รถมีสภาพที่พังยับเยิน แต่คนไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ จำได้ว่ารถพลิกคว่ำในตอนเช้า พอช่วงเย็นเดินทางไปยังสนามบินหาดใหญ่ พอขึ้นเครื่องได้ไม่กี่สิบนาทีทางสนามบินก็เกิดระเบิด ทำให้เฉียดฉิวเฉียดตายมาหลายครั้ง การรอดตายมาหลายครั้งไม่ได้แขวนพระเครื่องอะไรติดตัว แต่ยึดมั่นในคุณงามความดีที่ทำ เชื่อมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้า 



ก่อนหน้านี้เป็นคนที่ชอบศึกษาการนั่งสมาธิ จึงได้บวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ที่วัดปากน้ำภาษีเจริญ ก็ได้ศึกษาการนั่งสมาธิ ศึกษาการสวดมนต์ต่างๆ คนอื่นท่องอิติปิโสตามปกติ แต่ตัวเองจะสวดมนต์อิติปิโสถอยหลัง การสวดมนต์จะว่าไปแล้วก็ทำให้เรามีสมาธิ ทำอะไรก็จะรอบครอบไม่ผิดพลาด 



สำหรับเรื่องการเข้าวัดทำบุญนั้น ส.ส.ศิริโชคมักทำบุญร่วมกับครอบครัวเป็นประจำ เนื่องจากบ้านเดิมอยู่ใกล้กับ วัดนาทวี จ.สงขลา มีความเคารพเจ้าอาวาสรูปนี้อย่างมาก ได้เคยไปช่วยท่านสร้างโบสถ์ แล้วก็ได้ให้ความช่วยเหลือวัดมาอย่างต่อเนื่อง บางครั้งการทำบุญเมื่อลงพื้นที่ก็จะได้ร่วมทำบุญกับชาวบ้านเป็นประจำทุกปี ถ้าเป็นช่วงวันเกิดก็จะซื้อโลงศพ สาเหตุที่ชอบทำบุญก็เพราะตั้งแต่เป็นเด็กก็จะเห็นความไม่เท่าเทียมทางสังคม มีความรู้สึกว่าคนจนคนรวยมีโอกาสไม่เท่าเทียมกัน และวันนี้เรามีจึงอยากแบ่งปันให้กับคนที่ด้อยโอกาสกว่า ไม่ควรเอาเปรียบเพื่อนร่วมโลกด้วยกัน 


อย่างไรก็ตามแม้ว่า ส.ส.ศิริโชค จะถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินถึง ๑๑,๒๑๐ ล้านบาท จากการอภิปรายซักฟอกธุรกิจในเครือชินคอร์ป มีทั้งหมด ๔ คดี เป็นอาญา ๓ คดี และเป็นคดีแพ่ง ๑ คดี ในคดีอาญาทั้ง ๓ คดี ชนะไปแล้ว ๑ คดี แต่เขากลับไม่ท้อแท้อะไรกับชีวิต ในทางกลับกันคิดว่าเป็นการฝึกฝนตัวเราได้ก้าวไปข้างหน้า เพราะอุปสรรคที่เกิดกับเรา ก็เชื่อว่าจะนำพาไปสู่ความสำเร็จ วันนี้พบอุปสรรคมามากแล้ว 


"หนังสือธรรมะที่อ่านก็จะเป็นของท่านพุทธทาส ที่ท่านสอนว่า คนเราอย่าไปยึดติดว่าตัวกูของกู ตำแหน่งยศฐาบรรดาศักดิ์ เงินทองทั้งหลายมันเป็นของนอกกายทั้งนั้น พอเราตายไปแล้วเนี่ยจริงๆ ก็เอาอะไรไปไม่ได้ ทำให้ทุกวันนี้ไปงานศพไม่ได้ไปอย่างเดียว แต่จะไปนั่งฟังพระเทศน์ว่าท่านสอนอะไร หลายๆ ครั้งท่านก็สอนเปรียบเปรยให้เรากลัวการกระทำที่ผิด" ส.ส.ศิริโชค กล่าวทิ้งท้าย