บ้านปูฯ และมหิดลจัด “ค่ายเพาเวอร์กรีน ปีที่ 10”
บ้านปูฯ และมหิดลจัด “ค่ายเพาเวอร์กรีน ปีที่ 10”
สร้างเยาวชนคนรุ่นใหม่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เรียนรู้ “ความหลากหลายทางชีวภาพ”
พร้อมประกาศผลโครงงานชนะเลิศ ก่อนส่งเยาวชนผลงานดีเด่นไปทัศนศึกษา ณ ประเทศอินโดนีเซีย
นางอุดมลักษณ์ โอฬาร ผู้อำนวยการสายอาวุโส-องค์กรสัมพันธ์ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) (แถวหน้า ที่ 2 จากขวา)
และ รศ.ดร.รัตนวัฒน์ ไชยรัตน์ ประธานโครงการค่ายเพาเวอร์กรีน 10 (แถวหน้า ขวาสุด) กับทีมเยาวชนที่ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1
กับโครงงาน “หญ้าคาพาร่มเย็น” ซึ่งมีแนวคิดพัฒนาเส้นใยธรรมชาติจากหญ้าคาและยางพาราเป็นฉนวนกันความร้อนแทนใยแก้ว
โดยใช้เกล็ดมุกที่ได้จากเปลือกหอยแมลงภู่มาเคลือบเพื่อสะท้อนความร้อน เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับวัสดุเหลือใช้และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
ในขณะที่ทั่วโลกกำลังเผชิญกับวิกฤติการณ์ด้านสิ่งแวดล้อม ประเทศไทยนับเป็นหนึ่งใน 20 อันดับแรกของโลกที่ยังคงมีผืนป่าที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสมบูรณ์ที่สุด ซึ่งเป็นทรัพยากรที่เกื้อหนุนการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยมีเยาวชนเป็นฟันเฟืองสำคัญที่จะผลักดันการพัฒนาประเทศต่อไปได้อย่างยั่งยืน ดังนั้น บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ร่วมกับคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จึงร่วมกันจัดโครงการค่ายเยาวชนวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม หรือ “ค่ายเพาเวอร์กรีน” ปีที่ 10 ภายใต้หัวข้อ “ความหลากหลายทางชีวภาพ กับการพัฒนาสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน” (Biodiversity for Environmental Development and Sustainability) เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และ 5 สายวิทยาศาสตร์ รวม 70 คนจากทั่วประเทศ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพ ผ่านการ “เรียนรู้สู่การปฏิบัติ” พร้อมไฮไลต์กิจกรรมการเดินป่าและสำรวจความหลากหลายของพืชและสัตว์จากภูเขาถึงทะเล ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาเขียว-เขาชมภู่ และศูนย์ศึกษาธรรมชาติและอนุรักษ์ป่าชายเลนเพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ จังหวัดชลบุรี
นางอุดมลักษณ์ โอฬาร ผู้อำนวยการสายอาวุโส-องค์กรสัมพันธ์ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บ้านปูฯ เชื่อว่าการเรียนรู้เป็นพลังสำคัญแห่งการเปลี่ยนแปลงและพัฒนา ดังนั้น การให้โอกาสเยาวชนซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต ได้เรียนรู้และพัฒนาตนเองในหลากหลายรูปแบบจะเป็นการขับเคลื่อนชุมชนและสังคมให้พัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในหัวข้อเกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งสอดคล้องกับปณิธานการดำเนินธุรกิจของเราที่ว่า “อุตสาหกรรมที่ดีจะต้องพัฒนาควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม” ดังจะเห็นได้จากโครงการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพที่เหมืองบารินโตและเหมืองอินโดมินโค ภายใต้การดูแลของ บริษัท PT.Indo Tambangraya Megah (ITM) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบ้านปูฯ ในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีการสำรวจความหลากหลายทางชีวภาพของพื้นที่ตั้งแต่การเริ่มทำแผนการทำเหมือง เพื่อนำข้อมูลมาใช้วางแผนการฟื้นฟูสภาพพื้นที่ระหว่างและหลังการทำเหมือง และสร้างสมดุลในการดำเนินธุรกิจและการรักษาสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไป”
รศ.ดร.รัตนวัฒน์ ไชยรัตน์ ประธานโครงการค่ายเพาเวอร์กรีน 10 อธิบายว่า “โครงการค่ายเพาเวอร์กรีน 10 ส่งเสริมการเรียนรู้รอบด้านที่ไม่จำกัดอยู่เพียงทฤษฎีในห้องเรียนเท่านั้น แต่มุ่งให้เยาวชนสามารถวิเคราะห์ แก้ปัญหา และนำมาปฏิบัติจริง ด้วยการลงพื้นที่เดินป่าและสำรวจความหลากหลายของพืชและสัตว์จากภูเขาถึงทะเล ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาเขียว-เขาชมภู่ และศูนย์ศึกษาธรรมชาติและอนุรักษ์ป่าชายเลนเพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ จังหวัดชลบุรี ที่เป็นส่วนสำคัญในการสร้างความหลากหลายทางชีวภาพให้กับไทยซึ่งเป็นหนึ่งใน 20 ประเทศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพอุดมสมบูรณ์มากที่สุดในโลก”
หลังจากได้ร่วมเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติมาตลอดระยะเวลา 8 วันในค่าย เยาวชนทั้ง 70 คน ซึ่งแบ่งออกเป็น 7 กลุ่ม ก็ได้จัดแสดงนิทรรศการโครงงานกลุ่มวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมต่อคณะกรรมการโครงการและประชาชนทั่วไป โดยได้รับทุนการศึกษารวมกว่า 30,000 บาท ซึ่งหลังจากนี้ คณะกรรมการจะทำการคัดเลือกเยาวชนที่มีผลงานดีเด่นไปทัศนศึกษาเพื่อเจาะลึกเกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศอินโดนีเซีย ในปี 2559 เพื่อเป็นการต่อยอดประสบการณ์การเรียนรู้ของเยาวชนไทยให้กว้างขึ้นต่อไป
สำหรับโครงงานกลุ่มที่ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ในปีนี้ ได้รับทุนการศึกษามูลค่า 10,000 บาท คือ โครงงานวิทยาศาสตร์ “หญ้าคาพาร่มเย็น” ซึ่งมีแนวคิดในการพัฒนาเส้นใยธรรมชาติจากหญ้าคาและยางพาราเป็นฉนวนกันความร้อนแทนใยแก้ว โดยใช้เกล็ดมุกที่ได้จากเปลือกหอยแมลงภู่มาเคลือบเพื่อสะท้อนความร้อน เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับวัสดุเหลือใช้และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยโครงงานดังกล่าวมีความโดดเด่นในการประยุกต์ใช้ความรู้เรื่องความหลากหลายทางชีวภาพมาช่วยแก้ปัญหาให้กับประเทศในเชิงอนุรักษ์ ด้วยการหยิบยกประเด็นด้านภูมิอากาศของประเทศมาเป็นโจทย์ และนำวัชพืชและสิ่งที่กำลังจะกลายเป็นขยะมาใช้แก้ไขปัญหาได้อย่างชาญฉลาด
นางสาวธิรดา นิลพนาพรรณ หรือ กีกี้ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนสายน้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ฯ กรุงเทพมหานคร ในฐานะตัวแทนโครงงานกลุ่มที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ กล่าวถึงแรงบันดาลใจของโครงงานว่า “เนื่องจากพวกเราอาศัยอยู่ในภูมิประเทศที่มีอากาศร้อน บ้านทุกหลังจึงจำเป็นต้องมีฉนวนกันความร้อน หลังจากที่เราได้ศึกษาด้านความหลากหลายทางชีวภาพโดยเฉพาะในประเทศไทย จึงเกิดความคิดนำหญ้าคาซึ่งเป็นวัชพืชที่มีคุณสมบัติทนต่อความร้อนและแสงแดดได้ดีและหาพบได้ทั่วไปตามที่รกร้าง มาพัฒนาต่อยอดร่วมกับวัสดุที่หาได้ง่ายในภูมิภาคนี้และมีราคาถูกอย่างยางพารา กรดน้ำส้มยาง และสารสกัดสีเกล็ดมุกจากเปลือกหอยแมลงภู่ที่เหลือจากการบริโภค ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยสะท้อนความร้อนได้ดี จึงเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับวัสดุเหลือใช้ สร้างสรรค์ขึ้นเป็นผลิตภัณฑ์ฉนวนกันความร้อนเพื่อทดแทนใยแก้วที่ใช้กันอยู่ เพิ่มทางเลือกใหม่ให้กับผู้บริโภคและช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไปพร้อมกันอีกด้วย”
“จนถึงวันนี้ นับเป็นปีที่ 10 ที่ค่ายเพาเวอร์กรีนได้สร้างเครือข่ายเยาวชนที่ใส่ใจด้านวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมไปแล้วกว่า 700 คน ทั่วประเทศ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในปีที่ 10 นี้เราจะได้เห็นผลงานคุณภาพของเยาวชนที่จะสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงสร้างสรรค์และการพัฒนาที่ยั่งยืนของคนไทยและสังคมไทยในอนาคต” นางอุดมลักษณ์ กล่าวปิดท้าย
###
ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทิจีส์ |
ฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) |
วลัยสมร ผึ้งน้อย 02.627.3501 ต่อ 222 This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. |
รินทร์ลิตา ศรีโรจนภิญโญ 02.694.6892 กัญขจี มี้เจริญ 02.694.6786 This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. |