ฉลองครบรอบ 70 ปี เฟอร์รารี่ในประเทศไทย

ฉลองครบรอบ 70 ปี เฟอร์รารี่ในประเทศไทย

 

 

 

 

ฉลองครบรอบ 70 ปี เฟอร์รารี่ในประเทศไทย

พบความน่าประทับใจของสุดยอดม้าลำพอง LaFerrari Aperta

ในงาน Ferrari 70th Anniversary Celebration in Thailand

 

 

 

คาวาลลิโน มอเตอร์ เตรียมจัดงานสุดยิ่งใหญ่ฉลองครบรอบ 70 ปี “Ferrari 70th Anniversary Celebration in Thailand” พร้อมเปิดตัว “LaFerrari Aperta” (ลา เฟอร์รารี่ อะเพอร์ตา) รุ่นลิมิเต็ด เอ็ดดิชั่น เพียง 209 คันทั่วโลก เผยภาพรวม 2 ปีที่ผ่านมาโตพุ่ง 60% กางแผนปี 60 เน้นพัฒนาศูนย์บริการอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่เปิดบริการบูรณะรถคลาสสิค และสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายผ่านทุกช่องทาง เผยภาพรวมตลาดรถหรูสุดคึกคัก

วรวุฒิ ภิรมย์ภักดี รองประธานบริษัท กรรมการบริหาร บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายและซ่อมบำรุงรถยนต์เฟอร์รารี่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย  เปิดเผยว่า ขณะนี้เตรียมจัดงานครั้งยิ่งใหญ่เพื่อฉลองครบรอบ 70 ปี ภายใต้ชื่อ “Ferrari 70th Anniversary Celebration in Thailand” โดยเป็นการรวมสุดยอดม้าลำพองมากถึง 70 คัน ซึ่งจะร่วมขบวนบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์ จ.พระนครศรีอยุธยา ”  ในวันเสาร์ที่ 25 มีนาคม 2560

 

 

 

สำหรับปัจจัยที่เลือกจัดกิจกรรมที่อุทยานประวัติศาสตร์แห่งนี้ เพราะเล็งเห็นถึงความงดงามรวมถึงความทรงคุณค่าแห่งตำนานในงานศิลปะที่คงทน และผ่านกาลเวลามาจนถึงปัจจุบันจนเป็นที่ประจักษ์และได้รับการยกย่องขึ้นเป็นมรดกโลก เฉกเช่นเดียวกับ “เฟอร์รารี่” ที่นับเป็นสุดยอดซูเปอร์คาร์ม้าลำพอง รถสปอร์ตสุดหรูจากประเทศอิตาลี ที่เปี่ยมด้วยความหรูหรา สมรรถนะ และสุดยอดการดีไซน์ของยนตรกรรมอันเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก

ในการจัดงาน “Ferrari 70th Anniversary Celebration in Thailand” ครั้งนี้ บริษัทเตรียมเผยโฉมสุดยอดซูเปอร์คาร์ “ลา เฟอร์รารี่ อะเพอร์ตา” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ครบรอบ 70 ปี โดยรถรุ่นนี้ได้ผสมผสานคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมเข้ากับประสบการณ์ของการขับรถเปิดประทุน เป็นรถพลังงานไฮบริดชนิดเดียวกับรุ่นคูเป้ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำเลิศ ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม สไตล์ และความพิเศษ คือหัวใจของเฟอร์รารี่ และทั้งหมดนี้เป็นคุณสมบัติที่สะท้อนผ่านรถยนต์รุ่นพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อเฉลิมฉลองวาระพิเศษดังกล่าว

“ลา เฟอร์รารี่ อะเพอร์ตา” ถือเป็นรถรุ่นลิมิเต็ด เอ็ดดิชั่น ที่ผลิตมาเพื่อลูกค้าคนพิเศษเพียง 209 คันทั่วโลก และสำหรับในประเทศไทยผู้ที่ได้มีโอกาสจับจองเป็นเจ้าของมีเพียง 1 คันเท่านั้น

ทั้งนี้เจ้าของรถเฟอร์รารี่ทั่วประเทศไทย 70 คัน จะมาร่วมกิจกรรมขับเคลื่อนขบวนคาราวานรถเฟอร์รารี่จากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่อุทยานประวัติศาสตร์ จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อร่วมงานเปิดตัวสุดยอดยนตรกรรมในบรรยากาศสุดอลังการ โดยกิจกรรมคาราวานรถเฟอร์รารี่ดังกล่าวถือเป็นการรวมสุดยอดซูเปอร์คาร์ระดับตำนานสัญชาติอิตาลีมากถึง 70 คัน ร่วมขับเคลื่อนขบวนสุดยิ่งใหญ่ครั้งแรกในประเทศไทย และในภูมิภาคอาเซียนอีกด้วย

ส่วนภาพรวมการดำเนินธุรกิจเมื่อช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตของยอดขาย 60% เนื่องจากมีการพัฒนาศูนย์บริการให้มีประสิทธิภาพอยู่เสมอ เพราะบริษัทเป็นผู้ดำเนินธุรกิจนำเข้า

 

 

และตัวแทนจำหน่าย จึงต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาศูนย์บริการ โดยแผนในปี 2560 บริษัทยังคงให้ความสำคัญเรื่องศูนย์บริการเป็นหลัก ทั้งขยายศูนย์บริการให้มากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าและปริมาณรถที่เพิ่มขึ้น ซึ่งต้องการผลักดันให้กลายมาเป็นศูนย์บริการเต็มรูปแบบกว่าที่ผ่านมา

นันทมาลี ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด กล่าวว่าทั้งนี้ การเติบโตของบริษัทในแต่ละปีจะขึ้นอยู่กับรุ่นของรถที่แฟนคลับติดตามว่าจะมากหรือน้อย รวมทั้งเรื่องของราคา หากรุ่นใดราคาอยู่ในเทียร์สูง จำนวนคนจองก็อาจจะน้อยลงตามกำลังซื้อ และคิวผลิตแต่รายได้ต่อคันสูงขึ้น แต่บริษัทเองก็มีรถเฟอร์รารี่ที่หลากหลายเหมาะสำหรับทุกไลฟ์สไตล์ เช่น รถที่สามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวัน อย่าง 8 สูบอาทิ California T (แคลิฟอร์เนีย ที) 488 GTB และ Spider และ 12 สูบอาทิ GTC4Lusso และรุ่นใหม่ล่าสุด 812 Superfast และมีงบเท่าไหร่บริษัทก็สามารถจำหน่ายรถให้ได้ เนื่องจากปีนี้มีแนวทางในการจะขยายยอดรถเฟอร์รารี่มือสองให้เปลี่ยนมือกันเป็นอัตราที่เติบโตขึ้นกว่าเดิม หลังจากทำมาโดยตลอด แต่จะปรับปรุงให้เป็นระบบที่ดีมากขึ้น

ขณะเดียวกันยังเตรียมประชาสัมพันธ์ไปยังกลุ่มเป้าหมาย เกี่ยวกับการบริการเพิ่มเติมในเรื่องของรถคลาสสิค เพราะรถเฟอร์รารี่ที่บริษัทฯ ดูแลล้วนมีมูลค่าในตัวเอง รวมทั้งจะมีคลาสสิคโปรแกรม ซึ่งเป็นการซ่อมบำรุงรถคลาสสิคโดยเฉพาะ โดยรถที่มีอายุครบ 20 ปี จะสามารถนำมาบูรณะให้กลับคืนสู่สภาพเดิมเหมือนตอนที่ออกมาจากโรงงาน ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้ดำเนินการไปแล้วจำนวนหนึ่ง และมีการมอบประกาศนียบัตรจากโรงงานเป็นเล่มเหมือนใบรับรองออกจากโรงงาน เพื่อยืนยันว่าผ่านการบูรณะจากดีลเลอร์และทำให้มูลค่าของรถเพิ่มขึ้น

นันทมาลี กล่าวถึงเรื่องช่องทางการสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายว่า บริษัทเลือกให้ครอบคลุมทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น ดิจิทัลผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น  เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม รวมถึงสื่อหนังสือพิมพ์ และแมกกาซีนเฉพาะกลุ่ม รวมถึงปรับวิธีการจากไดเร็คเมลส่งให้ลูกค้าถึงที่บ้าน มา

 

เป็นในสื่ออิเลคทรอนิกส์ เช่น อีเมล และข้อความทางโทรศัพท์มือถือ แต่ต้องพิจารณาความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหลักว่าต้องการรับสื่อผ่านช่องทางไหน รวมทั้งยังต้องคำนึงถึงกลุ่มอายุของลูกค้าด้วย เพราะลูกค้าที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ก็ยังเลือกอ่านแมกกาซีนที่ตีพิมพ์ แต่กลุ่มคนที่อายุน้อยลงมาก็จะปรับเปลี่ยนตามรูปแบบความต้องการ

พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังมองว่าการที่จะประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจ ไม่ใช่เพียงแค่ยอดขายที่เติบโตขึ้น แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือความไว้วางใจของลูกค้า ซึ่งที่ผ่านมามีลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ ทั้งยังทำการแนะนำปากต่อปาก พาเพื่อนและครอบครัวเข้ามาซื้อรถเฟอร์รารี่เพิ่มอีกด้วย ปัจจุบันประมาณ 60% ของยอดขายมาจากลูกค้าเก่าที่แนะนำลูกค้าใหม่ นับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้บริษัทเติบโต และเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างบริษัทกับลูกค้าเปรียบเสมือนเป็นครอบครัวเดียวกันอีกด้วย

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันภาพรวมตลาดรถหรูในเมืองไทยมีความคึกคักขึ้น เมื่อเทียบกับในช่วงที่บริษัทเริ่มดำเนินธุรกิจเมื่อราว 7 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่มีผู้นำเข้าอิสระค่อนข้างมาก และมีผู้นำเข้าอย่างเป็นทางการน้อยอยู่ แต่ปัจจุบันมีผู้ประกอบการที่นำเข้าแบรนด์ซูเปอร์คาร์ ลักชัวรี่แบรนด์ มากขึ้น ซึ่งบริษัทฯ มองว่าเป็นเรื่องที่ดี เพื่อเป็นทางเลือกแก่ลูกค้า ซึ่งเฟอร์รารี่ก็ถือว่าเป็นแบรนด์ที่เป็นความฝันของหลาย ๆ คน ทั้งนี้ คาวาลลิโน มอเตอร์มีความมั่นใจที่ได้นำเฟอร์รารี่มาสู่เมืองไทยอย่างเต็มรูปแบบและดีที่สุดและได้รับรางวัลมากมายอาทิ Southeast Asian Dealer of the Year (2014, 2015) Top Showroom (2015) Top SEA Sales Award (2016)   เพื่อนำพาความฝันของลูกค้าที่ได้ครอบครองแบรนด์ลักชัวรี่ ซุปเปอร์คาร์มี่ดีที่สุดให้เป็นจริง

ในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปี เฟอร์รารี่ นอกจากกิจกรรมงานเฉลิมฉลองที่จะจัดขึ้นที่อุทยานประวัติศาสตร์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แล้ว คาวาลลิโน มอเตอร์ ขอเชิญชวนแฟนพันธุ์แท้เฟอร์รารี่และคนรักรถซูเปอร์คาร์ทั้งหลาย ร่วมยลโฉม LaFerrari Aperta สัญลักษณ์ครบรอบ 70 ปี สุดยอดการดีไซน์ของยนตรกรรมที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกของม้าลำพอง “เฟอร์รารี่” รถ

 

สปอร์ตสุดหรูจากอิตาลีที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน ที่ศูนย์การค้าพารากอน ชั้น Crystal Court M ระหว่างวันที่ 26-29 มีนาคม ศกนี้ และร่วมพิสูจน์ความล้ำสมัยของเฟอร์รารี่ได้แล้ววันนี้ที่ บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด ตัวแทนจำหน่าย และซ่อมบำรุงรถยนต์ เฟอร์รารี่แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-319-6109 หรืออีเมล This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. หรือเว็บไซต์ www.bangkok.ferraridealers.com

 

     # # # #

LaFerrari Aperta

สุดยอดแห่งการขับขี่แบบเปิดประทุน

 

ความล้ำหน้าทางด้านเทคโนโลยี สมรรถนะอันเหนือชั้น สไตล์อันโดนเด่น และ ความเป็นเอกลักษณ์ สิ่งเหล่านี้คือนิยามของความเป็นเฟอร์รารี่ ซึ่งได้ถูกสะท้อนขึ้นอย่างชัดเจนในรถรุ่นใหม่ที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบ 70 ปีของบริษัท ด้วยการออกแบบที่มุ่งเน้นไปที่แฟนพันธ์แท้ของเฟอร์รารี่ รถ LaFerrari Aperta ซึ่งก็คือรุ่นเปิดประทุนของซูเปอร์คาร์ LaFerrari ที่ผลิตออกมาในรุ่นพิเศษจำนวนจำกัด

หลังคามีทั้งแบบ carbon fiber (ออปชั่น) และผ้าใบ โดยที่ LaFerrari Aperta นั้นมีข้อมูลจำเพาะและลักษณะเช่นเดียวกับ LaFerrari ด้วยการรวบรวมสมรรถนะอันเหนือชั้นเข้ากับความสุนทรีย์แห่งการขับขี่แบบเปิดประทุน รถได้ถูกติดตั้งระบบ hybrid เดียวกันกับรุ่นคูเป้ ประกอบไปด้วย เครื่องยนต์ V12 ขนาดความจุ 6,262 ซีซี ผลิตกำลังได้ถึง 800แรงม้า (128แรงม้า/ลิตร และอัตราส่วนกำลังอัดที13.5:1) และ มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด120kW  ที่ทำให้รถมีกำลังรวมถึง 963แรงม้า ซอฟท์แวร์ควบคุมระบบเครื่องยนต์ได้ถูกปรับปรุงใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวม โดยใช้ประสบการณ์ที่วิศวกรของมาราเนลโลได้จาก LaFerrari ในส่วนของระบบ dynamic control ต่างๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบ active aerodynamics ของรถนั้นมิได้ถูกเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด

ความท้าทายในการออกแบบรถ LaFerrari Aperta ที่ใหญ่หลวงที่สุดก็คือการทำให้รถเปิดประทุนนั้นสามารถไปให้ถึงขีดสุดได้เท่ากับรุ่นคูเป้ คำสั่งที่ Styling Centre ได้รับคือต้องเก็บความเป็น LaFerrari ของรถรุ่นแรกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เส้นสายที่แบ่งส่วนของห้องโดยสารจากตัวรถนั้นมิได้ถูกเปลี่ยนแปลง โดยที่บริเวนด้านบนมีการปรับเพียงเล็กน้อย

ทีมพัฒนาได้มุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงระบบ  chassis และ aerodynamic โดยได้ผลที่น่าทึ่ง La Ferrari Aperta นั้นมีความเร็วสูงสุดที่ 350กม/ชม เหมือนกัน และสามารถเร่งความเร็วจาก 0-100กม/ชม ในเวลาต่ำกว่า 3 วินาที 0-200กม/ชม ใน 7.1 วินาที ตัวรถและเสาต่างๆนั้นมีความแข็งแกร่งเทียบเท่าเช่นกัน รวมไปถึงเรื่อง aerodynamic ด้วย การปรับค่า aerodynamic setup นั้นช่วยให้มั่นใจได้ว่าเมื่อขับขี่โดยเปิดหลังคาและยกกระจกขึ้น จะไม่มีผลของอาการต้านลมเกิดขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นคูเป้

 

 

 

มีการให้ความสำคัญกับการขับขี่แบบเปิดประทุน ความแรงของรถรุ่นคูเป้นั้น จะถูกทำให้รู้สึกว่าแรงยิ่งขึ้นไปอีกด้วยการขับแบบเปิดประทุนใน LaFerrari Aperta การไม่มีหลังคานั้นมอบประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นเร้าใจในขณะที่ระบบเครื่องยนต์ hybrid นั้นแผดเสียงอันน่าเร้าใจ ในขณะเดียวกัน ระบบ wind-stop นั้นก็จะช่วยในเรื่องของ aerodynamic และความเงียบในห้องโดยสาร ทำให้ผู้ขับและผู้โดยสารสามารถพูดคุยกันได้รู้เรื่องเมื่อใช้ความเร็วสูง

ระบบเครื่องยนต์ไฮบริด

ระบบเครื่องยนต์ของ LaFerrari Aperta นั่นเป็นชุดเดียวกันกับ LaFerrari และใช้เทคโนโลยี hybrid โดยจับคู่เครื่อง V12 ความจุ 6,262 ซีซี 800 แรงม้า เข้ากับ มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 120kW (163 แรงม้า) รวมเป็น 963 แรงม้า และด้วยระบบ HY-KERS นี้เป็นรถเฟอร์รารี่ที่มีสมรรถนะสูงสุดและมีประสิทธิภาพสูงสุดที่ถูกสร้างขึ้นมา

ประสบการณ์จากสนามแข่ง F1 ช่วยให้เฟอร์รารี่นำระบบ KERS มาใช้ในรถโปรดักชั่น เครื่องยนต์ V12 ทำงานควบคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างกลมกลืนและรวบรวมข้อดีของแต่ละแหล่งกำลังเข้าไว้ด้วยกัน แรงบิดมหาศาลของมอเตอร์ไฟฟ้าที่ได้จากรอบต่ำ ช่วยทำให้วิศวกรมุ่งเน้นไปที่การรีดสมรรถนะจากเครื่องV12 ที่รอบการทำงานสูงๆได้ เป็นผลให้สามารถสร้างกำลังได้ตลอดย่านการทำงานด้วยแรงบิดสูงถึง 900Nm

มอเตอร์นั้นถูกพ่วงเข้ากับเกียร์ F1 DCT และได้ถูกออกแบบมาโดยการใช้เทคโนโลยี High Specific Power Density ซึ่งทำให้วิศวกรสามารถลดน้ำหนักและขนาดของมันได้อย่างมากเมื่อเทียบกับแรงบิดที่ผลิตได้ ผลที่ได้รับก็คือสมรรถนะเทียบเท่ารถ F1 ด้วย torque density ที่ใกล้เคียงกัน (94%) หรือในอีกความหมายก็คือมีการสูญเสียกำลังที่น้อยมาก

แบตเตอร์รี่นั้นเป็นแบบ 120 cell แบ่งเป็น 8 โมดูล มีกำลังรวมเทียบเท่าแบตเตอร์รี่ 40 ก้อน แต่มีน้ำหนักเพียง 60 กก การชาร์จแบตเตอร์รี่ทำได้สองทาง อย่างแรกคือด้วยการเบรก ไม่ว่าจะเบรกอย่างรุนแรงจนระบบ  ABS ทำงาน เหมือนเวลาขับอยู่ในสนามแข่ง และขณะที่เครื่องยนต์ V12นั้นผลิตแรงบิดมากกว่าที่ต้องการ เช่นขณะเข้าโค้ง ระบบ Hybrid Power Unit นั้นแท้จริงแล้วก็คือสมองของระบบ HY-KERS และคอยควบคุมการส่งกำลังจากทั้งเครื่องV12และ

 

 

 

 

 

มอเตอร์ไฟฟ้า ผ่าน inverter สองตัว และ หม้อแปลง DC-DC อีกสองตัว ระบบ Variable-frequency control ทำให้การส่งแรงบิดนั้นรวดเร็วและแม่นยำ

มีการนำกำลังจากเครื่องยนต์สำรองมาใช้แทนไดชาร์จ ทำให้ช่วยลดน้ำหนักและขนาดโดยรวม

เครื่องยนต์ V12

ขุมพลัง V12 6,262 ซีซี บล็อกนี้ เป็นเครื่องยนต์ที่ทรงพลังที่สุดที่เคยมีมาในรถเฟอร์รารี่ที่ผลิตออกขาย ด้วยกำลังสูงสุด 800แรงม้าแระรอบการทำงานสูงสุดที่ 9,250 rpm ที่สร้างประสบการณ์แห่งการขับขี่ที่ยากจะลืมเลือน โดยเฉพาะเสียงของเฟอร์รารี่ที่เร้าใจ ผลพวงของสิ่งต่างๆเหล่านี้มาจากการเค้นเอาประสิทธิภาพสูงสุดจากเครื่องยนต์

เพื่อที่จะเพิ่มประสิทธิภาพ  volumetric efficiency เครื่องยนต์ V12 มีระบบท่าไอดีแบบปรับความยาวอัตโนมัติ ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำคัญในการแข่งขัน F1 ก่อนที่จะมีการห้ามใช้ในเวลาต่อมา โดยระบบจะช่วยให้มีกำลังสูงสุดในทุกย่านความเร็ว เช่นเดียวกัน การส่งกำลังและแรงบิดก็ได้ถูกปรับปรุงในทุกย่านความเร็ว ระบบ hybrid นี้สามารถผลิตแรงบิดได้มากถึง 900 Nm โดยแรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้าจะถูกใช้ในรอบการทำงานต่ำ ในขณะที่กำลังและแรงบิดของเครื่อง V12 นั้นได้ถูกกำหนดให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในรอบสูง โดยแรงบิดสูงสุด 700 Nm ของเครื่อง V12 นั้นมาที่ 6,750 rpm

ระบบไอดีทั้งหมด เริ่มจากช่อง dynamic air intake บนซุ้มล้อ ไปจนถึงช่องไอดี ได้ถูกออกแบบมาเพื่อการระบายความร้อนสูงสุด ตัวเครื่องยนต์นั้นมีอัตราส่วนกำลังอัดที่สูงถึง 13.5:1 เพื่อการเผาไหม้ที่หมดจด

เสียงของเครื่องยนต์นั้นมีผลมหาศาลต่ออารมณ์การขับขี่ การจูนอย่างละเอียดส่งผลให้เสียงเครื่องยนต์นั้นหนักแน่นและมีความไพเราะน่าหลงใหลกว่าเดิม ระบบท่อไอเสียแบบ equal length 6-1 ผลิตด้วยกรรมวิธี hydroform โดยการใช้ Inconel เช่นเดียวกับใน F1 เพื่อที่จะลดน้ำหนักในขณะที่ทนความร้อนได้สูงเป็นพิเศษ

 

 

 

 

 

 

ระบบช่วงล่าง

เพื่อที่จะสามารถใช้อุปกรณ์ร่วมกันกับ LaFerrari คูเป้และมีสมรรถนะที่เหมือนกัน วิศวกรของ Ferrari ได้เน้นไปที่สองจุด นั่นก็คือระบบช่วงล่าง และ aerodynamics

ในส่วนของช่วงล่าง มีการปรับในส่วน lower section ที่จำเป็นต้องมีการเสริมความแข็งแรง เนื่องจากแรงกดต่างๆซึ่งในรถคูเป้จะไปเกิดที่ upper part

การถอดหลังคาออกทำให้จำเป็นต้องรื้อระบบประตูใหม่ Aperta นั้นมีประตูแบบ butterfly แบบเดียวกับ LaFerrari แต่เมื่อเปิดจนสุดแล้ว ประตูจะมีองศาที่ต่างกันเล็กน้อย เพื่อความปลอดภัยของรถเปิดประทุนคันนี้ ซึ่งมันก็ทำให้สัดส่วนของซุ้มล้อและด้านข้างของตัวรถนั้นถูกออกแบบใหม่ด้วยเช่นกัน แผ่น carbon fiber ที่มีช่อง aerodynamic vent ได้ถูกติดตั้งไว้ที่ประตู และมันได้กลายมาเป็นองค์ประกอบพิเศษของ  Aperta ชิ้นหนึ่ง ที่มีเอกลักษณ์และไม่ทำให้ดีไซน์หลักของ LaFerrari เสียไปแม้แต่น้อย

อากาศพลศาสตร์

ความท้าทายเชิง aerodynamic ที่วิศวกรจากมาราเนลโลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ก็คือการรักษาสมรรถนะอันร้อนแรงของรถรุ่นคูเป้เอาไว้ให้ได้ เป้าหมายของทีมพัฒนา LaFerrari Aperta นั้นก็คือการมีค่าสัมประสิทธิ์เสียดทาน ที่เท่ากับ LaFerrari ถึงแม้ว่าจะขับโดยเปิดหลังคาก็ตาม

เพื่อที่จะบริหารลมร้อนจากหม้อน้ำอย่างมีประสิทธิภาพผ่านฝากระโปรงหน้า องศาของการติดตั้งหม้อน้ำได้ถูกปรับเปลี่ยน ในรุ่นคูเป้นั้น หม้อน้ำนั้นถูกวางแบบเอียงไปด้านหน้าเพื่อให้แน่ใจว่าทางเดินของลมนั้นผ่านไปกับฝากระโปรง แต่ใน LaFerrari Aperta นั้น หม้อน้ำจะเอียงไปด้านหลัง เพื่อที่จะขับลมร้อนออกไปทางด้านใต้ตัวรถ ผลก็คือสามารถที่จะแยกอากาศร้อนไม่ให้เข้ามาในห้องโดยสารได้ทำให้ผู้โดยสารรู้สึกสบาย

การออกแบบหม้อน้ำใหม่ทำให้ต้องมีท่อลมจากด้านบนของกระจังหน้าผ่านฝากระโปรง โดยท่อจะช่วยเพิ่มแรงกดขึ้นอยู่กับลักษณะของลมที่ปะทะกับรถ

 

 

 

 

มากไปกว่านั้น การส่งอากาศร้อนไปที่ใต้ท้องรถนั้นหมายความว่าจำเป็นต้องออกแบบอุปกรณ์  vortex generator ของรถใหม่ด้วย ช่องดักอากาศด้านหน้ากว้างขึ้นในขณะที่พื้นที่ใต้ท้องรถช่วง  vortex generator นั้นถูกทำให้ต่ำลง เพื่อเสริม ground effect และทำให้รถนั้นสามารถสร้าง downforce ได้พอเพียง

แพ็คเกจ aerodynamic นั้นจบที่แผ่นรูปตัว L ทั้งสองบนมุมกระจกบังลมหน้า ซึ่งเมื่อรถเปิดหลังคา จะช่วงสร้าง vortex ที่ทำงานร่วมกับลมที่ถูกจัดสรรไปยังแผง rear header rail ทำให้ลมพุ่งขึ้นเพื่อลดแรงเสียดทานอากาศบนด้านท้ายของรถ โดยระบบจะควบคุมให้แรงเสียดทานนี้ของรุ่นเปิดประทุนนั้นเท่ากับของคูเป้

ในส่วนของความสะดวกสบาย มีการคิดค้นนวัตกรรมชิ้นใหม่ โดยอากาศที่ผ่านเข้ามาในห้องโดยสารปกติด้วยความเร็วสูง จะถูกดักไว้โดยตัวดักลมที่ติดตั้งไว้ ตัวดักลมนี้จะปรับทิศทางลมไปยังตำแหน่งต่างๆภายในรถ ก่อนที่จะถูกขับออกด้วยความเร็วที่ช้ากว่า ในพื้นที่หลังผู้โดยสาร ทำให้มีความสะดวกสบายเทียบเท่ารถเปิดประทุนรุ่นอื่นๆของเฟอ์รารี่ โดยไม่ต้องเพิ่มแรงเสียดทานอากาศ

การออกแบบ

LaFerrari Aperta ยังคงการออกแบบชนิด avant-garde ของรุ่นคูเป้ ซึ่งเปรียบเสมือนจุดสุดยอดระหว่างแผนกวิศวกรรมและพัฒนารถยนต์ และ Ferrari Styling Center รูปทรงนั้นดูเหมือนการแกะสลักและมีความเป็น aerodynamic สูง บวกเข้ากับภาษากายที่ล้ำสมัย มิติที่ลื่นไหลนั้นสื่อให้เห็นถึงพละกำลังอันมหาศาล ในขณะที่ด้านหน้าทรง F1 และด้านท้ายที่บึกบึนแสดงให้เห็นถึงความสปอร์ตดุดันของรถคันนี้

เมื่อมองจากด้านข้าง LaFerrari APerta มีจมูกที่แหลมและลาดลง รวมไปถึงฝากระโปรงหน้าที่ต่ำมาก ทำให้ซุ้มหน้านั้นเด่นออกมา ดีไซน์ของรถทำให้นึกย้อนกลับไปนึกถึงรถ sports prototype ในปลายยุค1960s อันเฟื่องฟูของเฟอร์รี่ อย่างเช่นรถ 330 P4 ซึ่งก็ได้ทำการผลิตทั้งรุ่นคูเป้หลังคาเปิดและหลังคาปิด รูปทรงของด้านหน้ารถกับซุ้มล้อก็ได้สัดส่วนในอุดมคติของเฟอร์รารี่เช่นกัน

องค์ประกอบการออกแบบที่สำคัญอีกอย่างก็คือวัสดุภายในที่เรียบง่าย มีการ highlight เพียงเล็กน้อย โดยเลือกใช้สีที่ตัดกันกับสีภายในหลัก อุปกรณ์ภายในได้ถูกออกแบบมาเพื่อเข้ากับวัสดุต่างๆ รวมไปถึงวัสดุหุ้มเบาะชนิดใหม่ประกอบไปด้วยหนังแท้และ Starlite Alcantara

 

 

 

LaFerrari Aperta

ข้อมูลจำเพาะ

 

HY-KERS system

แรงม้ารวมสูงสุด 963 แรงม้า

แรงบิดรวมสูงสุด >900 นิวตันเมตร

V12 แรงม้าสูงสุด* 800 แรงม้า @ 9000 รตน

รอบเครื่องสูงสุด 9250 รตน

V12 แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร @ 6750 รตน

มอเตอร์ไฟฟ้า 120 กิโลวัตต์ (163 แรงม้า)

ค่าไอเสีย CO2 340 กรัม/กม

สมรรถนะ

ความเร็วสูงสุดมากกว่า 350 กม/ชม

0-100 กม/ชม <3 วินาที

0-200 กม/ชม <7 วินาที

0-300 กม/ชม 15 วินาที

 

 

 

 

 

เครื่องยนต์สันดาปภายใน

แบบ 65-องศา V12

ช่วงชัก และ กระบอกสูบ 94 x 75.2มม

ความจุ 6262ซีซี

อัตราส่วนกำลังอัด 13.5:1

แรงม้าต่อลิตร 128แรงม้า/ลิตร

มิติ

ยาว 4702 มม

กว้าง 1992 มม

สูง 1116 มม

ฐานหล้อ 2650 มม

กระจายน้ำหนัก 41% หน้า, 59% หลัง

ระบบส่งกำลัง

DCT 7 จังหวะ

ช่วงล่าง

หน้า ปีกนกคู่

หลัง มัลติลิงค์

 

 

 

 

ยาง (Pirelli P-Zero)

หน้า 265/30 - 19

หลัง 345/30 – 20

เบรก Carbon ceramic (Brembo)

หน้า 398 x 223 x 36 มม

หลัง 380 x 253 x 34 มม

ระบบควบคุมอีเล็คโทรนิค

ESC     ระบบควบคุมเสถียรภาพ

High perf ABS/EBD     ระบบป้องกันล้อล๊อคประสิทธิภาพสูง/electronic brake balance

EF1-Trac         ระบบป้องกันลื่นไถล F1 electronic traction control ใช้ร่วมกับระบบhybrid

E-Diff 3                        เฟืองท้ายอีเล็คโทรนิครุ่นที่3

SCM-E Frs       กันสะเทือนชนิด Magnetorheological damping with twin solenoids (Al-Ni tube)

Aerodynamics             Active