“Thai Royal” จากธุรกิจครอบครัว สู่ธุรกิจไอศกรีมพรีเมียมสไตล์ไทยสายพันธุ์ใหม่
“Thai Royal” จากธุรกิจครอบครัว สู่ธุรกิจไอศกรีมพรีเมียมสไตล์ไทยสายพันธุ์ใหม่
จากจุดเริ่มต้นธุรกิจครอบครัวตั้งแต่สมัยคุณพ่อได้ถูกถ่ายทอด DNA จากรุ่นสู่รุ่นมาถึงทายาทรุ่นที่ 2 อย่าง นายภัทรพงษ์พันธ์ แม้นเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยรอยัลไอศกรีม จำกัด ได้เข้ามาสานต่อธุรกิจของครอบครัวที่คุณพ่อสร้างมาไว้อย่างแข็งแรงและพัฒนาให้จนเกิดเป็นธุรกิจไอศกรีมสายพันธุ์ใหม่ภายใต้ชื่อแบรนด์ “Thai Royal” ทุกวันนี้
ภัทรพงษ์พันธ์ แม้นเจริญ กล่าวว่า แรงบันดาลใจที่ทำให้เข้ามาสานต่อธุรกิจไอศกรีมเพราะเป็นธุรกิจที่คุณพ่อเป็นผู้สร้างธุรกิจขึ้นมาตั้งแต่เริ่มนับหนึ่ง ทำให้ผมได้มีความใกล้ชิดและเห็นแนวทางการทำงานของท่านมาโดยตลอด ผมเองในฐานะที่เป็นรุ่นต่อไป ผมจึงอยากจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ธุรกิจของครอบครัวเติบโดยยังคงรักษาสิ่งที่ท่านสร้างไว้ โดยเฉพาะสูตรไอศกรีมรสชาติแบบไทยโบราณ เพื่อให้คนรุ่นหลังได้รู้ว่าไอศกรีมผลไม้แบบไทยแท้นั้นก็อร่อยไม่แพ้ชาติใดในโลกเหมือนกัน
กว่า 3 ปี ที่ปลุกปั้นแบรนด์ “Thai Royal” ให้ตลาดและสามารถก้าวสู่ธุรกิจไอศกรีมระดับพรีเมี่ยมที่ทำจากผลไม้ไทย ด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์สไตล์ไทยขนานแท้ จนได้รับความนิยมขายดิบ ขายดีไปทั่วพื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานคร นับเป็นความสำเร็จก้าวแรกในเวลาอันรวดเร็วของแบรนด์ Thai Royal ซึ่งเป้าหมายต่อไป คือการเจาะตลาดไอศกรีมในประเทศมากขึ้น โดยมองว่าตลาดไอศกรีมของไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากสภาพอากาศที่ร้อนเกือบตลอดทั้งปี ทำให้ผู้บริโภคคนไทยนิยมรับประทานไอศกรีมเพื่อดับร้อนและทำให้รู้สึกสดชื่น นอกจากนี้ ด้วยรสชาติของไอศกรีมที่มีความหวานเย็นอร่อย ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย จึงเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจไอศกรีมยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และคาดว่าปีนี้ธุรกิจจะเติบโตขึ้นถึง 20%
อย่างไรก็ตาม จากการเติบโตของตลาดธุรกิจไอศกรีม โดยเฉพาะธุรกิจไอศครีมโฮมเมด และกระแสการดูแลสุขภาพที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผู้บริโภคคำนึงถึงการเลือกทานอาหารมากขึ้น ซึ่งส่งผลในเชิงลบต่อยอดจำหน่ายไอศกรีม เพราะไอศกรีมมักถูกมองว่าเป็นของหวานที่อุดมไปด้วยน้ำตาลและไขมัน ซึ่งไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนั้น จึงเป็นความท้าทายในการคิดกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคหันกลับมาบริโภคไอศกรีมและหลงใหลในรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์สไตล์ไทยให้ได้ โดยกลยุทธ์ของเราคือ การสร้างความแตกต่างให้กับไอศกรีม Thai Royal ซึ่งเรามองว่าเรื่องราคาไม่ได้เป็นผลในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคในกลุ่มตลาดพรีเมียมแมส เราจึงเน้นจุดเด่นและความพิเศษ ด้านการคัดสรรวัตถุดิบผลไม้สดที่ดีที่สุด เน้นเฉพาะประเภทผลไม้เมืองร้อนเท่านั้น ใช้เนื้อผลไม้แท้ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับรสความอร่อยแบบธรรมชาติจากผลไม้สดแท้ๆ 100% จากกระบวนการผลิต ที่ได้มาตรฐาน นอกจากนี้เรามีแหล่งวัตถุดิบคุณภาพ เช่น มะม่วงน้ำดอกไม้ มะพร้าวน้ำหอม อยู่ที่ สมุทรสาคร และในปีนี้จะเพิ่ม มะม่วงมหาชนก เป็นมะม่วงพันธุ์ที่คนไทยนิยมกินผลสุก และสวนผลไม้ประเภทอื่นๆ เพื่อพัฒนารสชาติใหม่ๆ เพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ให้มากยิ่งขึ้น รองรับการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ สนองตอบรสชาติความอร่อยของไอศกรีมแบบไทยขนานแท้ให้ผู้คนได้กว้างขึ้นในอนาคต
ปัจจุบันไอศกรีม Thai Royal มีทั้งหมด 10 รสชาติ มีจุดเด่น และรสชาติที่แตกต่างกัน อาทิ รสถั่วดำ ทุเรียน รวมมิตร กะทิ ลอดช่อง กาแฟ เผือก ข้าวโพด และไอติมแบบแซนวิช 2 รสให้เลือกระหว่างรสช็อกโกแลต และวนิลลา ในราคา 20 บาท
สำหรับช่องทางการจัดจำหน่ายเราเน้นวางจำหน่ายในซุปเปอร์มาร์เก็ตและห้างสรรพสินค้าชั้นนำไม่ว่าจะเป็น Max Value,Paragon,The Mall และ Emquartier ซึ่งปัจจุบันมีช่องทางการจำหน่ายร่วมกว่า 500 จุด เฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เนื่องจากมองว่าเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อและชื่นชอบผลไม้ไทย
ส่วนแผนธุรกิจปีนี้ เราได้มีการเพิ่มในส่วนของบริการ Delivery โดยผู้บริโภคสามารถสั่งซื้อไอศกรีม Thai Royal ผ่านช่องทาง Line : @thairoyalicecrean และ Delivery รวมถึงการขยายตลาดใหม่ไปยังหัวเมืองต่างๆ ในต่างจังหวัด เช่น พัทยา ขอนแก่น เชียงใหม่ ภูเก็ต หัวหิน เป็นต้น เพื่อรองรับความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภคในยุคดิจิตัลมากขึ้น นอกจากนี้ จะเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ให้มากยิ่งขึ้น โดยยังคงจุดยืนใช้วัตถุดิบหลักเป็นผลไม้ไทย ในแพ็คเกจสวยหรู บรรจุในกล่องอย่างดี พร้อมซองพลาสติกด้านในอีกชั้น ซึ่งจะช่วยคงความเย็นได้นานกว่าและแตกต่างจากแพ็คเกจไอศกรีมทั่วไป ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของแบรนด์ Thai Royal เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม การทำธุรกิจยอมมีปัจจัยเสี่ยง ซึ่งธุรกิจของเราหลักๆ อยู่ที่วัตถุดิบผลไม้ต่างๆ เพราะผลไม้บางชนิดขึ้นอยู่กับฤดูกาล รวมถึงสภาพอากาศในแต่ละปีว่าจะมีผลผลิตผลไม้ออกมากน้อยเพียงใด รวมถึง ดังนั้นจำเป็นต้องวางแผนจัดการสต็อกสินค้าที่ดี รวมถึงบริหารต้นทุนให้รอบคอบ ในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ นายภัทรพงษ์พันธ์ กล่าวปิดท้าย