สูตรความสำเร็จ “นักบริหารมืออาชีพ” ดร.ปพนธ์ รัตนชัยกานนท์ “ดูพลุเพื่อตั้งเป้าหมายของชีวิต”
เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง ภาพ : ชวกรณ์ สะอาดเอี่ยม
CHANGE Inspiration เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง ภาพ : ชวกรณ์ สะอาดเอี่ยม
สูตรความสำเร็จ “นักบริหารมืออาชีพ”
ดร.ปพนธ์ รัตนชัยกานนท์ “ดูพลุเพื่อตั้งเป้าหมายของชีวิต”
จากลูกเจ้าของโรงพิมพ์ก้าวสู่ผู้บริหารมือการตลาดมืออาชีพ “ดร.ปพนธ์ รัตนชัยกานนท์” เนื่องจากมีครอบครัวช่วยเปิดโลกทัศน์ พร้อมสูตรความสำเร็จ การดำเนินชีวิตต้องมีเป้าหมาย “ดูพลุปีใหม่เพื่อตั้งเป้าหมายของชีวิต”
หากเอ่ยชื่อนักบริหารมืออาชีพในเมืองไทยจะต้องมีชื่อ “ดร.ปพนธ์ รัตนชัยกานนท์” ผู้ช่วยบริหารงานประธานคณะผู้บริหารด้านแบรนด์และการสื่อสาร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ที่ล่าสุดมีการเปิดตัว “ทรูสเฟียร์” โค-เวิร์คกิ้ง สเปซ ระดับเฟิร์สคลาสแนวใหม่แห่งแรกในประเทศไทยในวันนี้เป็นอีกหนึ่งความตั้งใจของกลุ่มทรูที่จะสานต่อพันธกิจในการสร้างสรรค์บริการสู่ First Class Experience มอบประสบการณ์เหนือระดับด้วยบริการจากใจถึงใจ พร้อมเล่าเส้นทางชีวิตกว่าจะมาถึงวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย
// “แม่” ผู้เปิดวิสัยทัศน์
“ดร.ปพนธ์” เกิดในครอบครัวคนจีนทำธุรกิจโรงพิมพ์ มีพี่น้อง 6 คน เป็นลูกชายคนโต เริ่มเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนอัสสัมชัญ “จริงๆบ้านผมเป็นโรงพิมพ์เล็กๆทำพวก packaging คลุกคลีมากับวงการโฆษณา การทำ creativity โตมาในแบบที่เห็นแม่ผมทำงานหนักมาก เพราะว่าแกเลี้ยงเรามา และพยายามจะให้เราไปเห็นอะไรมากๆ ไม่ได้บอกเจาะจงว่าต้องทำงานแทนแม่ ปกติครอบครัวคนจีนก็ต้องบอกว่า ผมเป็นลูกชายคนโต ต้องกลับมาทำงานให้ที่บ้าน แต่แม่ผมไม่ได้สอน ตั้งแต่เด็กๆ เลย จำได้ว่าอายุประมาณ 10 ขวบ พอปิดเทอมคุณแม่จะส่งให้ไปต่างประเทศ เผื่อเปิดหูเปิดตาให้กว้างขึ้น ผมเองก็ชอบด้วยเพราะมันทำให้เราเห็นโลกกว้างขึ้น
“พอจบมัธยมต้นแทนที่จะต่อมัธยมปลาย เราก็ตัดสินใจเข้าเรียน commerce เพราะรู้ว่าต่อไปเราต้องทำธุรกิจ แล้วไปต่อมหาวิทยาลัยที่เกี่ยวกับธุรกิจโดยเฉพาะ จึงไปเรียนปริญญาตรี Management มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เรียนค่อนข้างเร็ว จนจบ แม่ผมก็บอกว่าต้องไปเรียนต่อ บอกเลยว่าต้องไปต่อปริญญาโท ผมก็บอกได้ แล้วก็ไปเลย อยากบอกว่าการให้โอกาสคือการให้ที่ประเสริฐที่สุด ดังนั้นโอกาสที่แม่หยิบยื่นให้เขาไปใช้ชีวิตในต่างแดนจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ส่งผลให้ได้พบผู้คนหลากหลาย และเรียนรู้ที่จะนำสิ่งที่ได้พบเจอมาประยุกต์ใช้กับชีวิต
“การที่เราคิดได้เพราะแม่เราให้โอกาสไปเจอคนเยอะๆ แล้วในที่สุดก็มีโอกาสที่จะไปเจอคนที่เก่งมากๆของระดับแนวหน้า เยอะแยะเลยไม่ใช่คน สองคน เขาก็สอนเราเหมือนลูก บอกเราแม้กระทั่งวิธีคิด ต้องขอบคุณแม่ผมอย่างเดียวเลย คือว่าถ้าไม่ให้ไปก็คงไม่มีปัญญา สุดท้ายก็กลับมาคิดว่าคนที่ทำงานหนักที่สุดมักจะเป็นแม่เรา เพราะเขาเองเป็นคนสอนให้เราไปดูโน่นดูนี่ คำสอนของคุณแม่ให้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง และทำอย่างดีที่สุด แล้วก็วันนี้ผมก็ไม่ได้ทำงานให้คุณพ่อคุณแม่ กลับได้ทำงานในสิ่งที่ผมรักจริงๆ เพราะว่าผมเลือกแล้วที่จะทำงานในสิ่งที่ผมถนัดและผมรักที่จะทำ”
//ฝันอยากเป็นนักการตลาดมืออาชีพ
ต่อมาเรียนจบปริญญาโท ด้านสื่อสารโฆษณา และประชาสัมพันธ์ จาก Emerson College เมืองบอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา มุ่งมั่นจะใช้ความรู้ที่ได้ร่ำเรียนให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุด มีทางเลือก 2 ทาง คือ ช่วยธุรกิจครอบครัว หรือหาประสบการณ์ด้วยตัวเอง “ช่วงปี 34-35 ผมหอบปริญญาโทที่อัดแน่นจากอเมริกา อย่างคนหนุ่มวัยไฟแรงทั่วไป ที่มีฝันอยากเป็นมืออาชีพด้านการตลาด แต่ด้วยวัย 28-29 ที่ต้องหาความมั่นคงให้ชีวิต และมีโอกาสพลาดน้อยมาก เลยต้องคิดมากขึ้น กับการเลือกระหว่างการช่วยธุรกิจครอบครัว ที่มีชีวิตเรียบง่าย และไม่ลำบาก แต่ผมเลือกออกไปเดินสมัครงานเอง”
จากนั้น “ดร.ปพนธ์” มุ่งหน้าสู่เส้นทางมือปืนรับจ้าง เริ่มต้นงานโฆษณา งานด้าน IMC ตรงกับความรู้ที่ได้เรียนมา และสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ในชีวิตที่เป็นคนสนุกสนาน ไม่หยุดนิ่ง แต่หาประสบการณ์ทำงานอยู่ได้เกือบ 2 ปี ก็ถูกเรียกตัวให้กับมาดูแลธุรกิจครอบครัวที่ทำธุรกิจด้านพรินต์ และอาร์ต ดีไซน์อยู่เกือบ 6 ปี ตัดสินใจก้าวสู่เส้นทางโฆษณาอีกครั้งที่บริษัทเอเยนซี่แห่งหนึ่ง ก่อนไปตามฝันทำงานด้านเพลงดังใจรักที่ บริษัท เบเกอรี่ มิวสิก กรุ๊ป ในตำแหน่ง COO อยู่ได้ปีเศษๆ ก็ได้โอกาสเข้ามาทำงานด้านการตลาดที่ มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด และฝ่ายขาย ซึ่งได้ตอบโจทย์ชีวิตและพัฒนาให้เขาสามารถก้าวขึ้นไปสู่ความเป็นมืออาชีพด้านการตลาดได้ ตลอดระยะเวลาเกือบ 5 ปี
เรียกว่าได้พลิกฟื้นสถานการณ์ ธุรกิจรถยนต์ค่าย “มาสด้า” ให้กลับขึ้นมาผงาดอีกครั้งหนึ่ง ด้วยการใช้กลยุทธ์เน้นความสนุกสนาน มีสีสัน สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ โดยใช้พรีเซ็นเตอร์คนไทย “ตั๊ก บงกช” และ “พลอย ไลลา” ส่งผลให้แบรนด์ “มาสด้า” มีความเป็นวัยรุ่นมากขึ้น และสอดคล้องกับ theme การตลาด “ซูม-ซูม” ที่ถูกกำหนดมาจากมาสด้า ประเทศญี่ปุ่น เพื่อตอกย้ำรถยนต์ที่มีคุณภาพดี
“ผมสร้างมาสด้ามากับมือ เริ่มตั้งแต่แบรนด์มาสด้ายังเป็นโนเนม และเด็กมากในตลาดไทย สร้างกันมาจนกระทั่งวันนี้มาสด้าโตเป็นผู้ใหญ่ และสามารถดูแลตัวเองได้แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องมีผมอยู่ก็ได้ แม้ผมจะรักมาสด้า เหมือนเป็นลูกหลาน แต่ผมก็อยากหาประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ท้าทายมากกว่า ตอนแรกก็ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนงานอีกนะ จังหวะนั้นทรูอยากให้มาช่วย เพราะเคยคุยกันมาหลายครั้งแล้ว จึงเป็นจังหวะให้ตัดสินใจลาออกจากมาสด้า”
//”พลุปีใหม่” วัดความสำเร็จ
ในที่สุดตัดสินใจครั้งสำคัญอีกครั้ง เพื่อเริ่มงานที่ทรู คอร์ปอเรชั่น โดยดูแลตลาดและสร้างผลิตภัณฑ์ เน้นเรื่องของการนำไลฟ์สไตล์มาใช้ให้เห็นถึงประโยชน์ใช้สอย ด้วยการเลือกผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง บรอดแบนด์ เกมออนไลน์ โทรศัพท์พื้นฐาน พีซีที และโทรศัพท์มือถือ เพื่อรวมเป็นสินค้าใหม่ๆ ที่เหมาะกับความต้องการใช้งานในปัจจุบันได้มากขึ้น กับตำแหน่ง ผู้ช่วยบริหารงานประธานคณะผู้บริหารด้านแบรนด์และการสื่อสาร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น
“ผมเป็นคนชอบวางแผนชีวิต ทุกปีตอนขึ้นปีใหม่ผมจะดูพลุเพื่อตั้งเป้าหมายของชีวิตว่า ปีที่ผ่านมาเราได้ทำอะไรไปบ้าง หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า ประสบความสำเร็จมั้ย และพลุที่จะเกิดขึ้นในปีถัดไป หนึ่ง สอง สาม สี่ห้า เราจะตั้งเป้าว่าจะทำอะไร ทั้งความสำเร็จ และสิ่งที่ต้องปรับปรุง เพื่อวางแผนชีวิตของปีต่อไป เพื่อให้ไม่หลงทาง และถือโอกาสเช็กความต้องการของตัวเองใหม่ว่าใช่หรือยัง”
“ความสำเร็จต้องผ่านอุปสรรค” นี่เป็นคำยืนยันจาก ดร.ปพนธ์ รัตนชัยกานนท์ ก่อนจบการสนทนาได้กล่าวเป็นข้อคิดที่น่าสนใจ “ระหว่างทางที่จะไปสู่ความสำเร็จก็ต้องมีอุปสรรค เราเรียกว่า เนวิเกเตอร์ ซึ่งเราจะไปยังเกาะๆหนึ่ง ที่เราจะพาเรือฝ่าคลื่นไปแบบตรงๆมันคงเป็นไปไม่ได้ มันต้องมีเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวาเพื่อที่จะไปให้ถึงเกาะนั้น มันอาจจะถึงช้า หรือเร็ว อุปสรรคระหว่างทางมีแน่นอน ผมมีความคิดอย่างหนึ่งว่า ที่ไหนก็มันไม่ดีหรือมันทำคุณมีทุกข์ ทางเลือกง่ายๆคือ เดินออกไปเลย ผมเป็นคนที่ไม่ยึดติดถ้าตรงนั้นเป็นปัญหา มีเรื่องเยอะผมก็จะเดินออกมาเพื่อไปหาที่ใหม่ที่สามารถทำอะไรต่อได้”