8 เคล็ดลับสู่อาชีพ “พีอาร์” เอิร์ธ สายสว่าง “เรียนรู้จากความผิดพลาด”

8 เคล็ดลับสู่อาชีพ “พีอาร์” เอิร์ธ สายสว่าง “เรียนรู้จากความผิดพลาด”

 

 

 

นิตยสาร เชนจ์ อินทู (CHANGE into Magazine) httpa//www.changeintomag.com/:::http://www.changeintomag.com/

CHANGE Inspiration เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง ภาพ : ชวกรณ์ สะอาดเอี่ยม แต่งหน้า : ภัทชา อินสุวรรโณ สถานที่ : โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค รัชดา
 
8 เคล็ดลับสู่อาชีพ “พีอาร์” เอิร์ธ สายสว่าง “เรียนรู้จากความผิดพลาด”
 
 
เจ้าแม่พีอาร์คนเก่ง “เอิร์ธ สายสว่าง” เผยเคล็ดลับ สู่นักประชาสัมพันธ์แบบมืออาชีพ กับ 7 วิธีคิดอย่างคนเก่ง(Thinking method to be genius) “เอิร์ธ สายสว่าง” นายกสมาคมประชาสัมพันธ์โรงแรมหลายสมัย ที่สั่งสมประสบการณ์และคร่ำหวอดอยู่ในวงการนี้มากกว่า 25 ปี จนกลายเป็น“ไอดอล” ของนักธุรกิจสาว “ภัททิยา พชรอัศวกาล” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เยสไอแคน คอเปอร์เรชั่น จำกัด ที่กลายเป็นแรงผลักดันให้ก้าวสู่เศรษฐีร้อยล้าน
 
 
//เส้นทาง “นักประชาสัมพันธ์”
 
คุณเอิร์ธ เริ่มเรียนหนังสือเหมือนเด็กปกติทั่วไป “ตอนนั้นเลือกเรียนคณะมนุษย์ศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ วิชาโท วรรณกรรม มหาวิทยาลัยรามคำแหง เพราะเมื่อก่อนไม่มีคณะนิเทศศาสตร์ ก็เรียนทางด้านภาษา วรรณกรรม มันไม่ใช่วิชาชีพเฉพาะ อย่างบัญชี พยาบาล หมอ ครู หรือทนายความ วิชาชีพมันยังไม่ชัดเจน จบคณะมนุษย์ศาสตร์แล้ว ก็เลยไปเรียนต่อที่วิทยาลัย YWCA เพิ่มเติมด้านเลขานุการ ซึ่งเป็นอาชีพที่เคยคิดไว้ตั้งแต่แรกว่าอยากทำ จบแล้วไปทำงานเลขาฝรั่งที่เอเจนซี่โฆษณา แล้วก็ไปทำงานที่ฟิลิปปินส์อยู่พักหนึ่ง เป็นงานบริษัททัวร์ พอกลับมาก็มาเป็นเลขานุการผู้จัดการใหญ่ที่โรงแรมวงศ์อมาตย์ เครือเซ็นทรัลในตอนนั้น ต่อมาก็เริ่มทำงานโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่โรงแรมในเครือเซ็นทรัลและมาอยู่ในเครือฮอลิเดย์อินน์ เวิลด์ไวด์ อยู่ 13 ปี คือโรงแรมฮอลิเดย์ อิน คราวน์พลาซ่าและต่อมาก็ย้ายมาที่ โรงแรมแรมแบรนดท์และมาทำที่แกรนด์สุขุมวิทโซฟิเทล อีกสามปี และโรงแรมวินเซอร์, โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค รัชดา ตามลำดับ (นอกจากนั้นยังเป็นที่ปรึกษาให้กับ โอเอซิส สปา ควบคู่กับงานประจำ มากว่า 10 ปี)
 
 
//การทำ Personal Branding "ทำตัวเองให้ปัง ดังด้วยการสร้างแบรนด์"
 
.Personal Brand จะต่าง Product Brand หรือแบรนด์สินค้าตรงที่มันอยู่ติดตัวคุณตลอดไป (แบรนด์สินค้ามีเกิดมีดับ) และจะทำให้คุณขยายธุรกิจได้ง่ายขึ้นและเป็นข้อได้เปรียบ เพราะมีกลุ่มคนที่รู้จัก นับถือและเชื่อใจคุณ! และทำให้ธุรกิจเกิดความแตกต่างทางการแข่งขัน ถ้าของที่คุณขายไม่ต่าง บริการไม่ต่าง การตลาดไม่ต่าง คุณต้องให้ตัวคุณนั่นแหละ กลายมาเป็นแบรนด์ ความแตกต่างทางการแข่งขันจะเกิดขึ้นทันที เพราะไม่มีใครสามารถมาเลียนแบบตัวตนของคุณได้ การสร้าง Personal Brand จึงถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในยุคนี้ สำหรับการดำเนินธุรกิจที่ใครมี Personal Brand ที่แข็งแรง จะได้เปรียบทางการแข่งขัน มีจุดเด่นที่ไม่เหมือนใคร ทำธุรกิจให้โตไวมากยิ่งขึ้น "วิธีคิด" ว่าต้องมี Mindset อย่างไรในการสร้างแบรนด์ และลงลึกระดับ "วิธีการ" ว่าจะใช้เครื่องมือออนไลน์อย่างไร มีขั้นตอนอะไรบ้าง สมัยก่อนการสร้างตัวตนให้เป็นที่รู้จักเป็นเรื่องยากและไกลตัวและจำกัดเฉพาะ Superstar หรือ Celebrity เท่านั้น แต่สมัยนี้ใครๆก็เป็นเจ้าของสื่อได้ด้วย Social Media ทำให้การทำ Personal Brand เป็นเรื่องที่คนธรรมดาเดินดินอย่างเราๆสามารถทำได้ และไม่จำเป็นต้องโด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั้งประเทศ แค่ลูกค้ากลุ่มของเรารู้จักเราและเชื่อมั่นเป็นตัวเราก็ทำได้ไม่ยากเลย! “ฉะนั้นการทำงานทุกครั้ง ต้องคิดเรื่องการตลาดควบคู่ไปด้วยมันถึงจะประสบผลสำเร็จ พีอาร์ถูกฝึกมามีหน้าที่เหมือนนักยุทธศาสตร์ในการทำงานให้องค์กรให้ไปถึงจุดหมาย ทำให้เกิด Brand Value จากTrademark ของผลิตภัณฑ์ให้กลายเป็น Lovemark ในใจของผู้บริโภคให้ได้ ต้องสร้างแบรนด์สร้างภาพลักษณ์ พีอาร์คนนั้นต้องทำตัวให้มีคุณค่า ต้องผันตัวเองมาทำมาร์เกตติ้งคอมมูนิเคชั่น ต้องมีพาร์ทเนอร์ชิพ รู้จักใช้คำว่ามิตรภาพและสายสัมพันธ์ไม่ใช่เราทำงานแบบโดดเดี่ยวคนเดียว เราต้องมีคอนเน็คชั่น มีสายสัมพันธ์ที่ดี สิ่งที่เป็นคุณสมบัติของพีอาร์คนนั้นๆ ต้องมีผู้ให้การสนับสนุนอยู่ตลอดเวลา”
 
 
 
//เคล็ดลับสู่อาชีพ “พีอาร์” ในการเป็นพีอาร์สิ่งสำคัญต้องมีมนุษยสัมพันธ์กับผู้ร่วมงานด้วยกันกับเจ้านาย กับลูกค้า กับสื่อมวลชน เนื่องจากจะทำให้เราทำงานได้ง่ายขึ้น บวกกับทักษะที่เรามีอยู่มันก็จะทำให้งานนั้นประสบผลสำเร็จ ตราบใดที่คุณมีคุณสมบัติของการทำพีอาร์นั่นคือบุคลิกภาพ “ภาษาอังกฤษต้องใช้ที่จะทำงานสื่อสารได้ ไม่ใช่ว่าเวลาพูดต้องมีคนเดินตามมาแปล พิมพ์ดีดเองได้ ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ เก่งเรื่องคอมพิวเตอร์ เขียนเป็นข่าวส่งฉบับไหน ฉบับภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ ต้องการภาพขนาดไหนทำได้หมด รู้จักแยกแยะว่าหนังสือ และWEB. แบบไหนชอบข่าวแบบไหน สมัยนี้กับสมัยก่อนย่อมแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง สมัยเมื่อ 20 ปีก่อน โรงแรมระดับ 5 ดาวมีน้อย คู่แข่งไม่ค่อยมี สมัยนี้ต้องมีการPR ในยุคดิจิตอลให้ทัน และครบวงจร สิ่งสำคัญของคนเป็นพีอาร์ คือ 1. ต้องมีบุคลิกภาพที่ชอบออกสังคมพบปะผู้คน รู้จักบุคคลในแวดวงสังคมเป็นอย่างดี 2. ต้องกล้าแสดงออก เรียนรู้และพัฒนาตนเองตลอดเวลา 3. มีความเป็นนักการทูต 4. มี EQ สูง 5. ต้องติดตามข่าวสารทั้งในและต่างประเทศ 6.มีทักษะการสื่อสารที่ดี 7.มีทักษะความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีการสื่อสารในโลกดิจิตอล และที่สำคัญ 8.ต้องรักงานที่ทำและรักองค์กร รวมถึงพร้อมที่จะปกป้ององค์กรได้ทุกเมื่อ
 
 
//7 วิธีคิดอย่างคนเก่ง “เอิร์ธ สายสว่าง” กล่าวทิ้งท้ายพร้อมให้ข้อคิดในการทำงานทิ้งทายไว้อย่างน่าสนใจ กับ 7 วิธีคิดอย่างคนเก่ง(Thinking method to be genius) โดยมองว่า การทำงานมากๆไม่ใช่เครื่องหมายของความสำเร็จในชีวิตของคนเรา หากแต่จะต้องรู้จักการจัดสรรสัดส่วนของเวลาให้พอเหมาะพอดี ทั้งเรื่องการงาน ชีวิตครอบครัว และสังคม เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยเติมเต็มให้ชีวิตของคนสมบูรณ์แบบมากที่สุด 1.คิดในทางบวก มองโลกในแง่ดี และทำทุกสิ่งอย่างเต็มกำลังด้วยรอยยิ้มและความเบิกบาน ทำตัวให้สดชื่นมีชีวิตชีวาและกระตือรือร้นอยู่เสมอ พร้อมที่จะเผชิญกับทุกสถานการณ์ จะช่วยให้คุณสามารถจัดการกับทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามา ได้อย่างอยู่มือ 2.มีศรัทธาในตัวเอง ถ้าแม้แต่ตัวคุณเองยังไม่ศรัทธาและเชื่อมั่นในตัวเองแล้วจะมีมนุษย์หน้าไหน จะเชื่อมั่นในความเก่งของคุณ อยากให้ใครๆเขาชื่นชอบและทึ่งในตัวคุณ คุณก็ต้องมั่นใจตัวเองก่อน 3. ขอท้าคว้าฝัน ไม่มีอะไรที่จะทรงพลังมากเท่ากับความตั้งใจจริงและทุ่มสุดตัวหรอก ความกระหายอันแรงกล้าที่จะพาตัวเองไปสู่จุดหมาย เป็นแรงผลักดันที่จะทำให้คุณสานฝันสู่ความจริงได้ 4.ค้นหาบุคคลต้นแบบ ใครก็ได้ที่คุณชื่นชมเพื่อเป็นมาตรฐานที่ดีในการดำเนินรอยตาม ศึกษาแนวคิด วิธีการทำงาน จุดเด่นในตัวเขา เพื่อเราจะได้ไอเดียใหม่ๆ มาปรับใช้ให้ชีวิตก้าวสู่ความสำเร็จ 5.เริ่มต้นงานใหม่ทุกวันด้วยรอยยิ้มสดใส คนที่มีรอยยิ้มระบายไว้บนใบหน้า เสมือนประตูที่เปิดกว้าง ให้ใครๆอยากเข้ามาคบหาด้วย การเจรจาติดต่องานก็มักจะลงเอยด้วยความสำเร็จ มากกว่าคนที่หน้าตาแบกโลก นอกจากนี้ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ยังสร้างความเบิกบานและคลายทุกข์ แถมยังเป็นยาอายุวัฒนะ ที่ทำให้เราดูเป็นวัยสะรุ่นตลอดกาล รู้อย่างนี้แล้วหัดติดรอยยิ้มไว้ที่มุมปากเป็นประจำ 6.เรียนรู้จากความผิดพลาด ก็สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง จะเป็นอะไรถ้าเราจะทำอะไร แล้วจะยังไม่สำเร็จอย่างที่หวังไว้ เพียงแต่ขอให้ทำเต็มที่ และเปิดใจให้กว้าง ยอมรับความจริง หันมาทบทวนดูว่ามีขั้นตอนไหนที่ผิดพลาดไป เพื่อที่จะเริ่มต้นใหม่ให้ดีกว่าเดิม 7.ทะนุถนอมมิตรสัมพันธ์เก่าๆ คงไม่มีใครที่จะอยู่อย่างมีความสุขโดยปราศจากเพื่อนหรือมิตรที่รู้ใจแม้ว่าชีวิตของคุณในแต่ละวันจะวุ่นวายแค่ไหนก็ตาม คุณควรจะมีเวลาให้กับเพื่อนที่รู้จักกันมานานบ้าง เมื่อโอกาสอำนวย ชวนกันออกมาทานข้าวในช่วงวันหยุด Greeting “Good Morning” ไปให้ทาง Line เพราะวันหนึ่งเราเศร้าหรือทุกข์ใจ ก็ยังมีเพื่อนเหล่านี้ไว้คอยพึ่งพาและให้กำลังใจกันได้ คุณเอิร์ธ บอกกับ Change into ว่า...... มาถึงช่วงนี้แล้ว คิดเสียว่า “เวลาที่ผ่านมาเป็นครู เวลาที่เหลืออยู่เป็นโอกาส”