บ้านเรือนไทยไม้สัก... อ้วน รีเทิร์น “บ้านคือสิ่งสุดท้ายที่นอนตาย”

บ้านเรือนไทยไม้สัก... อ้วน รีเทิร์น “บ้านคือสิ่งสุดท้ายที่นอนตาย”

 

  

 

เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง ภาพ : อภิชาติ สุคุณณี
แต่งหน้า : เกตน์สิรี บุญแปง
 
 
บ้านเรือนไทยไม้สัก...
อ้วน รีเทิร์น “บ้านคือสิ่งสุดท้ายที่นอนตาย” “
 
 
นักธุรกิจชื่อดังที่สู้ชีวิตมาจากศูนย์ จนประสบความสำเร็จกลายเป็นนักธุรกิจพันล้าน เปิดบ้านเรือนไทยไม้สักที่สร้างเพื่อให้เป็นสิ่งสุดท้ายที่จะนอนตาย สุดยอดบุคคลที่ต่อสู้ดิ้นรนชีวิต “อ้วน รีเทิร์น” อนันต์ เสมาทอง จากชีวิตที่ติดลบ จนกลายเป็นเศรษฐี 30 กว่าปีที่แล้ว จากที่ไม่มีบ้าน ไม่มีเงิน ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ ไม่ได้เรียนจบปริญญา แต่วันนี้มีธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ซื้อเพชรแจกลูกหลานทุกคน มีบ้านเกือบ 10 หลัง และเปิดบ้านเรือนไทยไม้สักให้ชมด้วยความภาคภูมิใจ
 
 
//บ้านเรือนไทยกลางกรุง
เมื่อเดินทางมาถึงหน้าบ้านเรือนไทยไม้สักสองชั้นที่ปลูกอยู่ในซอยลาดพร้าวมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ท่ามกลางบ้านเรือนที่ทันสมัย แต่บ้านของคุณอ้วนกลับเป็นบ้านไทยหลังเดียวที่โดดเด่น พอก้าวเข้ามายังบนบริเวณบ้านสังเกตเห็นบ่อน้ำพญานาคที่เชื่อว่าจะเสริมบารมี ให้กับเจ้าของบ้าน
 
“ชีวิตพี่สมัยก่อนค่อนข้างลำบากเรียกว่าติดลบ ใช้ชีวิตอยู่บ้านเช่าเรือนไม้เก่าๆมาตลอด พอเริ่มโตขึ้นเข้ามาอยู่กรุงเทพฯก็จะอยู่อพาร์ทเม้นท์ ทุกอย่างเป็นปูนทั้งหมด พอชีวิตเริ่มดีขึ้นได้ย้ายมาอยู่ทาวน์เฮาส์ก็เป็นปูนอีก เราเลยมีความรู้สึกลึกๆแล้วว่าเราไม่ชอบ แต่พี่ชอบความเป็นบ้านนอก เพราะมันเป็นธรรมชาติของความเป็นไทยๆ พอจะมาปลูกบ้านใหม่ก็คิดว่าบ้านเป็นสิ่งสุดท้ายที่เราจะนอนตายอยู่นี่และจะไม่ไปไหน ตรงนี้เป็นการวัดความสุขว่าอยู่บ้านหลังนี้จะเป็นยังไง พอวัดใจตัวเองแล้วจึงได้สร้างบ้านหลังนี้ทที่ชอบ
 
“แม้ว่าพี่เป็นลูกคนจีน ขณะเดียวกันพี่ก็มีความเป็นไทยอยู่ครึ่งหนึ่ง เรา อยู่บ้านไม้สักที่ให้ความรู้สึกได้มากกว่าบ้านปูนหรือบ้านที่เป็นกระจกคือ เรามองแล้วมันจะไม่ใช่บ้าน ดังนั้น คำนิยามคำว่าบ้านก็คือ ไม้ ที่สัมผัสแล้วเย็นทำให้เรามีความสุข แล้วด้วยความชอบบ้านไม้มาตั้งแต่เด็กแล้ว เลยเป็นที่มาของการสร้างบ้านเรือนไทยกลางกรุงขึ้นมาบนพื้นที่ 75 ตารางวา จริงๆ บ้านเรือนไทยหรือบ้านไม้พอตกกลางคืนจะให้ไฟฟ้าบรรจุลบ และบ้านไม้ยังทำหน้าที่ฟอกออกซิเจนให้เราได้ด้วย หากเป็นบ้านปูนมันก็จะคลายความร้อนคลายทุกอย่างออกมา” นี่เป็นสาเหตุของการสร้างบ้านเป็นเรือนไทยที่ให้กลิ่นอายความเป็นธรรมชาติ
 
 
//มุมโปรด “ศาลาพักใจ”
จากนั้นเจ้าของบ้านพาเดินชมบ้านเรือนไทยที่ถูกออกแบบเป็นสองชั้น ที่ชั้นล่างปล่อยโล่งให้เป็นจอดรถ โดยอีกครึ่งหนึ่งตกแต่งให้เป็นห้องรับรอง พอเดินขึ้นมาไปบริเวณศาลาพักก่อนที่จะเดินขึ้นไปยังห้องนอน เรียกว่าบริเวณตรงนี้กลายเป็นมุมโปรดที่เจ้าของบ้านจะมานั่งดื่มกาแฟและอ่าน หนังสือเป็นประจำ พอเดินขึ้นไปบนชั้นสองด้านหน้าที่เป็นระเบียงมีการตกแต่งเป็นมุมนั่งเล่นและเช็คข่าวสารบ้าง ห้องติดกันถูกจัดแต่งให้เป็นห้องพระที่สวดมนต์ไหว้พระทุกวัน ถัดมาเป็นห้องนอนที่ตกแต่งเรียบง่ายแบบไทยๆ และใช้เป็นห้องนอนอย่างเดียว
 
“ก่อนหน้านี้พี่มีบ้านหลังใหญ่ที่ปลูกให้แม่อยู่ก็เป็นบ้านปูนอยู่กลางเมืองเหมือนกัน แต่ ตอนที่คิดว่าจะต้องแยกตัวมาอยู่เงียบๆคนเดียว พี่พยายามไปดูหลายที่เพื่อดูว่าตรงไหนที่จะสร้างเป็นบ้านเรือนไทยได้ สุดท้ายมาเลือกแถวลาดพร้าว เพราะชีวิตพี่ส่วนใหญ่ทำงานในกรุงเทพฯ เพราะต้องทำรายการทีวีวันละ 4 รายการ คือรายการแฉแต่เช้า,คลับเลิฟ,ปากมันและรายการปะฉะดะ รวมทั้งต้องวิ่งเข้าไปทำงานของออฟฟิศตัวเองอีกสองสามบริษัท ถ้า ไปสร้างบ้านอยู่นอกเมืองคงแย่แน่นอน เพราะต้องถ่ายหนังและละครอีก ส่วนใหญ่ก็ถ่ายในกรุงเทพฯเลยตัดสินใจสร้างบ้านแถวลาดพร้าวสะดวกที่สุด
 
“ที่ดินตรงนี้ซื้อต่อมาจากพี่สันติ เศวตวิมล หรือแม่ช้อยนางรำ ก่อนหน้านี้พยายามตื้อเพื่อจะขอซื้ออยู่สองสามปีพี่สันติไม่ยอมขาย พอเห็นว่าเราตื้อมากๆ สุดท้ายพี่สันติยอมขายให้ พอเริ่มปลูกพี่ก็เป็นออกแบบเองทั้งหมด เริ่มจากไปดูบ้านเรือนไทยที่อยุธยามีขนาดประมาณไหน ที่สำคัญพี่เหมาะที่จะใช้ชีวิตอยู่คนเดียว เพราะเป็นคนเรื่องมาก ใครมาอยู่ใกล้แล้วจะรู้สึกอึดอัด เพราะพี่เป็นเหนี๊ยบทุกอย่าง เช่น ห้ามเสียงดัง พี่เองจะเรื่องมากมาตลอด แล้วการอยู่คนเดียวสร้างบ้านใหญ่เกินก็ไม่ดี พี่เป็นคนทำความสะอาดบ้านเองทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นถูบ้าน ดูดฝุ่นผ้าปูที่นอน ล้างห้องน้ำ แต่บางครั้งวันหยุดจะมีหลานมาช่วยทำบ้าง สาเหตุที่อยากทำความสะอาดบ้านเองมันเหมือนได้ออกกำลังกาย และวันหยุดก็จะชอบทำอาหารกินเองด้วย” บ้านหลังนี้ทุกสัปดาห์จะมีเพื่อนมาสังสรรค์เลยต่อเติมบ้านทรงไทยเรือนเล็ก ขึ้นมาเพื่อเอาไว้รับรองเพื่อนๆด้วย
 
 
//ขุมทรัพย์พารวย
ด้วยความเป็นคนที่เชื่อในเรื่องของฮวงจุ้ยบ้าน คุณอ้วนเลยได้มีการศึกษาเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง “บ้านหลังนี้พี่จะทำตามฮวงจุ้ยอยู่สองสามอย่าง คือ 1 มุมขุมทรัพย์ เพราะ ปลูกบ้านเราต้องมีมุมขุมทรัพย์ ก่อนปลูกบ้านมุมขุมทรัพย์ต้องเอาสร้อยเงิน สร้องทองแท้ ใบเงิน ใบนาค และเอาเพชรพลอย เหรียญเงินบาทจริงๆ ข้าวตอกดอกไม้ ใส่เข้าไปแล้วฝังกลบแล้วเอาปูนโบกแล้วค่อยตั้งเสาเอกขึ้นมา นี่คือมุมขุมทรัพย์ที่จะอยู่กับเราไปจนวันตาย แล้วอยู่ยังไงก็จะรวย บ้านหลังนี้มุมขุมทรัพย์ถ้าเข้ามาจะอยู่มุมสุดซ้ายมือ
 
“อีกมุมของฮวงจุ้ยเป็นห้องพระ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราต้องสำคัญที่สุด แล้วต้องหันหน้าออกไปนอกบ้านทางทิศเหนือหรือทิศตะวันออก ที่ต้องมีการไหว้พระสวดมนต์เพื่อสร้างบารมี สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะต้องปกปักรักษายังไงทุกบ้านต้องมี ส่วนตัวเป็นคนชอบการไหว้พระ นั่งสมาธิและการทำบุญมาตั้งแต่เด็ก จึงต้องมีมุมห้องพระเล็กๆ วันไหนหากใครเหนื่อยล้าจากการทำงานแล้วลองมาไหว้พระนั่งสมาธิครึ่งชั่วโมง ความเหนื่อยล้าจะหายไป เพราะพี่เองเหนื่อยบ่อยๆครั้งก็จะต้องเข้าไปในห้องพระ โดยจะไหว้พระทุกวันพฤหัสฯ คือวันเกิด เปลี่ยนดอกไม้ธูปเทียนทั้งบ้าน
 
“ในจุดที่สำคัญมากๆคือทิศหัวนอน ดวงพี่ดูตามตำราจีน จะต้องหันหัวนอนไปทางทิศตะวันตก ตรงนี้มันเป็นความเชื่อว่าหันหัวนอนไปทางทิศตะวันตก บางคนพระคุ้มครอง หรือบางคนผีคุ้มครอง เวลาที่ไปไหว้ศาลศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่ หรือศาลที่เป็นแห่งดวงวิญญาณ เช่น ศาลแม่นากพระโขนง พี่ไปไหว้แล้วจะเฮงและสำเร็จมากๆ หลายคนจะบอกว่าดวงของพี่จะมีผีและดวงวิญญาณคุ้มครอง ตั้งแต่เด็กเป็นคนไม่กลัวผีหรือเขาว่าบ้านหลังไหนมีฝีเฮียนพี่ชอบไป(หัวเราะ) คิดว่าท่านจะช่วยคุ้มครองเรา และถ้าเราคิดดีทำดีก็จะมีหน้าที่การงานและเพื่อนดีๆเข้ามา” นี่เป็นเกร็ดชีวิตที่เกี่ยวกับหลักฮวงจุ้ย 3 มุมของนักธุรกิจพันล้าน
 
 
//ชอบของโบราณ
“บ้านเป็นอะไรที่ใช้พักผ่อนจริงๆ พี่จะไม่ทำงานในบ้านเลย เพราะเราได้พักผ่อนเหมือนได้อยู่รีสอร์ทต่างจังหวัด สังเกตให้ดีรอบๆบ้านพี่จะปลูกต้องต้นมะเฟือง ต้นฝรั่ง ต้นมะม่วง มะยงชิดและดอกไม้ที่ชื่นชอบมากๆก็คือ ดอกคัดเค้า พอมีดอกแล้วจะหอมมาก นิสัยส่วนตัวเป็นคนชอบดอกไม้ที่มีกลิ่นหอม นอกจากนี้พี่ยังปลูกดอกจำปีสีนวล อย่างอื่นที่ปลูกเพื่อให้บ้านดูร่มรื่น ได้ชื่นชมในเวลาที่ต้นไม้ออกลูกออกผล หรือดอกไม้ที่กำลังออกดอก อย่างมะเฟืองและมะม่วง ฝรั่งได้กินลูกตลอดปี
 
“ส่วนของตกแต่งที่เป็นของเก่านั้น เป็นความชอบส่วนตัวที่ชอบของเก่าๆและเป็นแฮนด์เมด พอไปเมืองนอกแล้วเห็นของเก่าที่เป็นแฮนด์เมดก็จะซื้อกลับมา จะเห็นในส่วนที่เป็นพานตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 คุณสมชาย เอี่ยมจำรัส ให้มาเพราะเขารู้ว่าเราชอบของเก่า รวมทั้งประตูโบราณอายุ 200 ปีก็ซื้อมาแล้วเก็บไว้ที่โกดัง เผื่ออนาคตขยายบ้านอาจจะเอามาใช้ได้ และยังมีโอ่ง อ่างที่พี่มีอยู่บางใบมีอายุเป็นร้อยปี” ทั้งหมดเป็นของเก่าแก่ที่สะสมได้สร้างความสุขใจให้กับเจ้าของบ้าน
 
 
//มีวันนี้ “เพราะแรงบุญ”
อดีตจากเด็กยากจนที่พ่อแม่แยกทางกัน แล้วหนีแม่มาจากจังหวัดเพชรบูรณ์ จนต้องใช้ชีวิตระเหเร่ร่อน เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ด้วยเงินเพียง 100 บาท แต่ต้องเจอกับความน้อยเนื้อต่ำใจ จนเคยคิดฆ่าตัวตาย และถูกหลอกให้ขายตัวกับชาวต่างชาติได้ค่าจ้าง 500 บาท แต่กลับถูกทารุณกรรมจนต้องเข้าโรงพยาบาล แต่แล้วด้วยความเป็นคนสู้ชีวิตทำทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น นักร้อง เข็นของที่ตลาดประตูน้ำ
 
หลังจากที่ได้ทำอะไรหลายอย่างก็ทบทวนอาชีพที่อยากทำที่สุด คำตอบที่ได้คือ ความสวยความงาม ที่พลิกผันชีวิตจนกลายมาเป็นนักธุรกิจพันล้าน ปัจจุบันเป็นเจ้าของบริษัท รีเทิร์น จำกัด,บริษัท เพิ่มอนันต์ จำกัด รวมทั้งกิจการที่เป็นอพาร์ทเม้นท์อีกหลายแห่งในกรุงเทพฯ
 
“ชีวิตของพี่ที่ประสบความสำเร็จไม่เคยมองคนที่รวยร้อยล้าน แต่จะมองว่าวันนี้มีเงินเท่าไหร่ แล้วอย่างพอดีๆ ชีวิตอยู่แบบธรรมชาติมากๆ ทำอะไรแล้วสุขใจถึงทำ ขนาดเสื้อผ้าที่ใส่ก็ใส่ธรรมดา กางเกงตัวละร้อย เสื้อตัวละสองร้อย พี่คิดว่าถ้าทุกคนรู้จักคำว่า พอชีวิตจะมีความสุขตั้งแต่บัดนั้นเลย หรือคำพูดที่ว่า หยุดให้เป็นก็เย็นได้ การที่หยุดให้เป็นหมายความว่า ชีวิตเราไม่จำเป็นต้องได้อะไรทุกอย่าง ถ้าอยากได้อะไรทั้งหมดบนโลกนี้ สุดท้ายชีวิตจะไม่มีแม้กระทั่งทางเดิน
 
“วันนี้ประสบความสำเร็จก็คิดว่าเป็นแรงบุญ เพราะพี่เป็นคนที่ดูแลพ่อแม่ และผู้มีพระคุณ มันเป็นแรงบุญ ส่วนเร่ื่องความรักกับคุณหมอเพิ่มศักดิ์ เอี่ยมสะอาด ทายาทธุรกิจพันล้าน มีกิจการเกี่ยวกับโรงแรม อสังหาริมทรัพย์ที่เมืองพัทยา ก็ไปได้ดีมาก ตรงนี้ก็เป็นแรงบารมีที่ได้รับ ที่เราไม่ต้องไปไขว่คว้า รวมทั้งต้องขยันหมั่นเพียร ไม่ทำร้ายคนอื่น ไม่ทำร้ายสังคม และมีกัลยาณมิตรที่ดี พี่ว่าเพียงแค่นี้ทำให้ชีวิตของพี่ดีขึ้นจริงๆ ทุกวันนี้รับวานวันละสี่จ๊อบ ถามว่าเหนื่อยไหมอยากจะบอกว่าถ้าเรารู้จักแบ่งเวลาการทำงานและพักผ่อนก็จะ ไม่เหนื่อย ถ้าทำได้แบบนี้คิดว่างานกี่อย่างๆก็จะไม่มีปัญหา”
 
นี่เป็นชีวิตต้องสู้จึงรวยพันล้าน “อ้วน รีเทิร์น” กล่าวทิ้งท้ายสั้นๆ “ชีวิต มีวันนี้ได้เพราะเป็นคนที่ไม่ได้มองไกลว่าต้องมีเงินเป็นร้อยล้านพันล้าน เหมือนตอนนี้ แต่สิ่งที่จะมองคือมองขาของตัวเองที่จะก้าวที่ขั้น และสิ่งเดียวที่คิดได้ก็คือ ชีวิตนี้จะไม่อดตายถ้าเราขยัน”