11 ปี ของหุ้นส่วนชีวิต เกียรติ สิทธีอมร & จริญญา หาญณรงค์

11 ปี ของหุ้นส่วนชีวิต เกียรติ สิทธีอมร & จริญญา หาญณรงค์

 

 

 

 

CHANGE Live has changed

 

เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง ภาพ : ชวกรณ์ สะอาดเอี่ยม

 

แต่งหน้า : ธวัลภัสร์ ทัศน์ปัญพล IG: Opal_Makeup ทำผม : Hybrid ball

 

 

 

11 ปี ของหุ้นส่วนชีวิต

 

เกียรติ สิทธีอมร & จริญญา หาญณรงค์

 

เปรียบชีวิตคู่ “เท้าซ้ายและเท้าขวาที่ต้องช่วยกันเดิน”

 

 

 

“เติมเต็ม” ความสุขในชีวิตของ “จริญญา หาญณรงค์” ที่มีนักการเมืองบุคลิกดีมาดเท่ “เกียรติ สิทธีอมร” มายืนเคียงข้าง ได้เปรียบเทียบเหมือนคนเรามีสองขา เท้าซ้ายและเท้าขวาที่ต้องช่วยกันเดิน ไม่อย่างนั้นก็จะล้มทั้งคู่

 

 

 

ฉากละครไม่ต่างอะไรกับชีวิตจริง เนื่องจากชีวิตต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เช่นเดียวกับชีวิตคู่ของ เกียรติ สิทธีอมร อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตประธานผู้แทนการค้าไทย กับ “ลูกตาล” จริญญา หาญณรงค์ อดีตรองนางสาวไทย ประจำปี 2532 ที่สร้างครอบครัวที่อบอุ่น และสร้างความรู้สึกดีๆ ให้กันและกันมาตลอด 11 ปี

 

 

 

//ประทับใจ “ผู้หญิงติดดิน”

 

เขาและเธอเจอกันครั้งแรกในงานเลี้ยงบ้านเพื่อน โดยคุณตาลไปกับเพื่อนของเพื่อนนั่นเอง ระหว่างอยู่ในงานคุณตาลก้มหน้าก้มตา รับประทานอาหาร เพื่อเลี่ยงบทสนทนากับคนแปลกหน้า แต่ทว่าในงานเดียวกันนี้นี่เอง ที่ทำให้เธอ พบกับคุณเกียรติ หลังจากวันนั้นทั้งสองคนก็ไม่ได้พบกันอีกเลย คุณเกียรติว่าน่าจะทิ้งช่วงห่างไปประมาณ 5-6 เดือนถึงได้กลับมาคุยกันอีกครั้ง เมื่อคุณเกียรติได้เบอร์โทรศัพท์ของคุณตาลมาและตัดสินใจโทรไปหาเธอในที่สุด

 

คุณเกียรติ เล่าถึงชีวิต “ตลอด 11 ปี เป็นแต่ละปีมีความหมาย และไม่เคยพลาดวันสำคัญของเรา(หัวเราะ) ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกจนถึงวันนี้ก็ยังจำได้เสมอ” คุณตาล ฉายภาพวันวานด้วยรอยยิ้ม “ครั้งแรกที่เจอพี่เกียรติเห็นข้างหลังก่อน แล้วก็เห็นสีผม เป็นคนชอบผู้ชายแบบนี้ ก็เป็นความประทับใจครั้งแรกที่ได้เจอพี่เกียรติ”

 

คุณเกียรติ ตัดพ้อทันที “ตายๆ นึกว่ามีเยอะกว่านั้น(หัวเราะ) วันแรกที่ได้เจอได้พูดคุยกับตาลก็รู้สึกประทับใจ เพราะเป็นผู้หญิงที่ไม่เหมือนคนทั่วไป ครั้งแรกที่ผมเจอไม่รู้หรอกว่าเขาเป็นนางงาม หรือเป็นอดีตนางงาม แต่พอได้คุยกันก็รู้ว่า ผู้หญิงคนนี้ติดดิน ไม่ใช่ประเภทสวยแล้วหยิ่ง ซึ่งหลายๆคนอาจมีอคติอยู่บ้าง เขาเป็นผู้หญิงติดดิน อยู่กับโลกแห่งความเป็นจริงแล้วยังพูดถึงครอบครัวที่ทุ่มเทมาก ให้ลูก ให้พ่อแม่ ให้น้อง ทำอย่างเต็มที่และเป็นคนสู้งาน จึงไม่เหมือนผู้หญิงบางคนที่มีชื่อเสียง แต่เขาเป็นคนทำอะไรแล้วเป็นคนสู้อย่างตั้งใจจริง”

 

//เพื่อนคู่คิด

 

คุณตาล พลางจับมือคุณเกียรติพร้อมมองหน้าด้วยสายตาขอบคุณ “ชีวิตตาลเปลี่ยนตลอด ก่อนพี่เกียรติเข้ามาเราทำเองคนเดียว แต่พอพี่เกียรติเข้ามาเหมือนได้เข้ามาเติมเต็มทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเรา พร้อมแนะนำแนวทางว่า ไปทางนี้น่าจะดีกว่า ทำให้เราคิดได้ว่า ทางที่พี่เกียรติแนะเออมันไปได้ เราคิดตอนแรกว่าทางนั้นไม่น่าเป็นไปได้ถ้าเราจะไป แนวคิดของพี่เกียรติจะมีหลักการมากกว่าตาล” ปัจจุบันคุณเกียรติเหมือนเป็นครูของคุณตาล ไม่แปลกเลยเนื่องจากคุณเกียรติเป็นครูสอนภาษาอังกฤษตั้งแต่อายุ 16 ตั้งแต่กลับมาเมืองไทย หลังจากทำงานในต่างประเทศกว่า 10 ปี ก็ได้มีโอกาส เป็นอาจารย์พิเศษสอนตามมหาวิทยาลัยต่างๆ นอกเหนือจากงานปกติ

 

“พอได้มาดูแลคุณตาลผมก็พยายามดูหน้าดูหลังให้กับเขา ช่วยคิดว่าสิ่งนี้ไม่น่าทำหรือน่าทำ บางเรื่องธุรกิจมันน่าทำเยอะ บางธุรกิจลงแรงเยอะแต่ผลตอบแทนน้อย ผมก็พยายามสกรีนออกไป ชีวิตคนเรามันมีเวลาน้อยนัก เพราะชีวิตคนเราอยู่บนโลกใบนี้เฉลี่ยไม่เกิน 30,000 วัน แต่ละวันก็ต้องทำให้เป็นประโยชน์เต็มที่ในเชิงธุรกิจ แล้วต้องได้ผลตอบแทนคุ้มค่า เพราะโอกาสมันมีเยอะในธุรกิจ ดังนั้น เราต้องเลือกและดูกำลังเงินรวมทั้งดูเวลา และความถนัดของเราเองด้วย บางคนอยากทำหลายเรื่องทั้งที่ไม่มีพื้นฐาน ไม่มีความเข้าใจ ทำแล้วก็ไม่ประสบความสำเร็จ”

 

 

 

//ใจเดียวกัน “ชอบสะสมของเก่า”

 

คุณเกียรติ เล่าว่า “เราสองคนเหมือนกันคือ ชอบสไตล์ไทย ชอบของเก่า ซึ่งก็แปลกมาก เพราะเรื่องแบบนี้เราไม่ค่อยเจอ ผู้หญิงส่วนใหญ่จะชอบโมเดิร์น แต่เขาไม่ใช่ ผมเองก็ชอบสไตล์เก่า ชอบย้อนยุค พอเราไปเดินดูของเก่าทั้งวันก็ไม่มีเบื่อเลย เราสองคนเดินไปได้ทุกที่ทุกจังหวัด” คุณตาลกล่าวเสริม “ไม่ว่าเราจะไปประเทศไหน หรือจังหวัดไหนบอกพี่เกียรติแวะดูก่อนมั้ย พี่เกียรติก็ไม่เคยขัดเลย เพราะเราชอบเหมือนกัน”

 

สำหรับชีวิตประจำเรื่องอาหารคุณเกียรติบอกว่า “เรื่องไก่ทอดตาลทำอร่อยมาก ทำเร็วด้วย ไก่ทอดออกมากรอบนอกนุ่มใน อร่อยครับ” ระหว่างนั้นคุณตาลกล่าวขอบคุณ “ส่วนของพี่เกียรติเคยทำอาหารให้ทานอยู่สองเมนู ยำวุ้นเส้นสูตรโบราณ กับไข่เจียวที่นุ่ม ย้ำวุ้นเส้นของพี่เกียรติจะมีเครื่องปรุงที่ละเอียดมาก เราไม่นึกว่าจะเยอะขนาดนี้ กุ้งแห้งก็ต้องเอาไปล้างน้ำแล้วทอดกรอบ หมูก็ต้องเอาไปรวนคือโบราณมาก ผ่านไป 3 ชั่วโมง ยังไม่ได้เริ่มยำเลย(หัวเราะ)” ทันใดนั้นคุณเกียรติแทรกขึ้นมาทันที “ไม่ได้โบราณเขาเรียกพิถีพิถัน(หัวเราะ)”

 

 

 

//เสริมพลังด้วยกำลังใจ

 

หลายครั้งของกระแสทางการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อคุณเกียรติก็จะได้กำลังใจจากคุณตาลตลอดมา “เราจะให้กำลังใจพี่เกียรติ เพราะเราเชื่อว่า สิ่งที่เขาทำนั้นเป็นคนที่ทำจริงๆ เพราะเท่าที่เห็นพี่เกียรติไม่ได้ทำอะไรเพื่อตัวเอง ทำงานการเมืองก็จะคิดถึงคนอื่น หรือทำเพื่อส่วนรวมก่อนเสมอ จนบางครั้งบอกว่า ถ้าเหนื่อยก็หยุดเถอะ การเมืองพอเข้าไปแล้วก็มีแต่เสียกับเสีย คือเสียทั้งเวลาและเสียทั้งเงิน(น้ำเสียงหนักแน่น) แม้เสียทั้งทุกสิ่งอย่าง แต่พี่เกียรติก็ยินดีที่จะเข้าไปทำ เพราะถ้าพอใจที่จะทำพี่เกียรติก็จะทำ” คุณเกียรติอธิบาย “อันที่ว่าเสียเงินนั้นไม่ได้เอาเงินไปซื้อตำแหน่ง แต่เป็นการเสียโอกาสหรือรายได้ที่เราน่าจะได้จากการทำอย่างอื่นดีกว่า” คุณตาล ย้ำอีกครั้ง “พี่เกียรติเคยสอนตาลว่า ควรเลือกทำในสิ่งที่คุ้มค่ากับเวลาที่ทุ่มเทลงไป แต่ของเขาถ้าดูผิวเผินเข้าไปมีแต่เสียกับเสีย แต่การที่พี่เกียรติเข้าไปทุ่มเททำแบบนี้ คิดว่าเป็นเรื่องที่ดีในการทำงานเพื่อส่วนรวม เพราะเวลาทำงานกับพี่เกียรติเป็นคนละเอียดอ่อนมาก และทุกอย่างจะต้องให้ถูกต้อง พี่เกียรติมองอะไรที่ลึกมากกว่าตาล เราอาจมองแค่สามมิติ แต่พี่เกียรติมองลงไปอาจถึงหกมิติ แต่เราต้องยอมเพราะพี่เกียรติมีประสบการณ์เยอะกว่าเรา

 

“เราก็เจอปัญหามาเยอะแต่อาจจะคนละบาดแผล คนละเรื่องราวเราก็จะมานั่งแชร์กัน วันหนึ่งพี่เกียรติเป็นกระจกให้ตาล บางวันตาลก็เป็นกระจกน้อยๆ ส่องกระจกบานใหญ่ๆของพี่เกียรติ บางวันก็ปรึกษาเรื่องลูกว่า คนนี้เป็นแบบนั้น คนนั้นเป็นแบบนี้ พี่เกียรติได้ช่วยแนะนำในการเลี้ยงลูกทั้งสามคน(น้องออมสิน, น้องเอเชีย,น้ององศา) ได้มาก ล่าสุด จะคุยกับลูกชายให้หน่อย พอได้คุยก็ทำให้ลูกเปิดใจคุยกับพี่เกียรติมากกว่าตาล ซึ่งพี่เกียรติจะรู้ว่าการเลี้ยงลูกสาวลูกชายไม่เหมือนกันอยู่แล้ว พี่เกียรติเหมือนได้มาเติมตรงนี้ให้ตาล ทำให้เรามีความสุขมาก พี่เกียรติก็ให้ความอบอุ่นเต็มที่กับลูกๆของตาล”

 

คุณเกียรติ กล่าวด้วยรอยยิ้ม “อะไรที่เป็นประโยชน์กับชีวิตเขา เราก็ช่วยแนะนำ เพราะในชีวิตจริงเราก็ช่วยแนะนำทุกคนอยู่แล้ว งานการเมืองน้องเจอคนเยอะเหมือนกัน โดยเฉพาะเด็กในวัยเรียนเยอะเหมือนกันที่มาขอหนังสือแนะนำไปมหาวิทยาลัยต่างๆ ก่อนที่เราจะแนะนำก็ต้องถามพวกเขาก่อนว่า คุณตั้งเป้าชีวิตยังไง ทำไมถึงตั้งเป้าอย่างนั้น แล้วเราก็จะให้มุมมองตลอด เราก็ทำด้วยความเต็มใจให้กับทุกคนอยู่แล้ว ยิ่งเป็นลูกๆของตาลก็ยิ่งยินดีใหญ่ที่เป็นส่วนหนึ่งที่ให้คำแนะนำเขาได้”

 

 

 

//คนสุดท้าย?

 

อีกมุมหนึ่งของคุณเกียรติที่เป็นคนโรแมนติกตามคำยืนยันของคุณลูกตาล “พี่เกียรติเป็นคนโรแมนติกมาก จริงๆเราเป็นคนชอบอยู่แล้ว เช่น วันวาเลนไทน์ ตาลยังได้รับช่อดอกไม้ทุกปี เหมือนกับที่หลายคนเห็น บางคนชมตาลสวย พี่เกียรติก็จะพูดบวกเพิ่มขึ้นไปอีก(หัวเราะ) หรือทำอาหารอร่อยมั้ย พี่เกียรติก็จะบอกว่าอร่อยด้วยคำพูดที่เป็นจริงเป็นจัง บางครั้งร้องเพลงให้ตาลฟังแล้วมองตาลเหมือนจะให้ละลาย ถามจริงๆตาลก็อายเหมือนกันนะ(หัวเราะ) เพลงไทยที่ร้องก็คือ คนสุดท้าย ของ อัสนี & วสันต์ เพลงสากล ก็จะเป็น วันเดอฟูลทูไนท์ มันเป็นความหมายดีๆ(ระหว่างนั้นคุณเกียรติ ได้ร้องประโยคสุดท้ายของเพลงคนสุดท้ายด้วยว่า ไม่ว่าวันไหน ไม่ว่าเมื่อไร ฉันรักเธอ)

 

“หรือไปเดินห้างความคิดบางมุมเราเคยพูดกับเพื่อน ถ้าฉันแก่แบบนี้ฉันจะไม่จับมือจูงมือแบบนี้ฉันอายเขา ในที่สุดตัวเรานี่แหละ พี่เกียรติบอกน้องเอามือมาแล้วก็เดินจูงมือกันไปจนเราชิน ต่อไปจะต้องเดินแบบนี้เลยไม่อาย(หัวเราะ) เราภูมิใจที่มีคนรักเรา”

 

//เขาและเธอ คือ หุ้นส่วนชีวิต

 

ในจังหวะเดียวกัน คุณตาลได้เอ่ยขึ้น “ต้องขอบคุณพี่เกียรติ คำพูดที่พี่เกียรติพูดอย่างคำว่า หุ้นส่วนชีวิต พอเราได้อ่านได้ฟังถึงกับน้ำตาไหล มันเหมือนเขาให้ตาลเข้าไปอยู่ในใจเขา” คุณเกียรติ ยืนยันด้วยคำพูดนี้อีกครั้ง “มันก็เป็นหุ้นส่วนชีวิตจริงๆ คือทำทุกเรื่องด้วยกัน แล้วช่วยกันคิดและช่วยกันตัดสินใจ และชอบในสิ่งต่างๆเหมือนกัน ไม่ว่าจะทำอะไรทุกด้านก็จะมีการหารือกัน อันนี้เป็นอะไรที่เป็นหุ้นส่วนจริงๆ ไม่ใช่ว่าคนไหนเป็นช้างเท้าหน้า หรือช้างเท้าหลัง มันเปรียบเทียบเหมือนคนเรามีสองขา เท้าซ้ายและเท้าขวาที่ต้องช่วยกันเดิน ไม่อย่างนั้นก็จะล้มทั้งคู่ ถ้าเราใช้หลักอย่างนี้แล้วจริงใจต่อกันไม่ว่อกแว่ก เพราะชีวิตนี้เต็มไปด้วยความว่อกแว่ก แต่ถ้าเราไม่ว่อกแว่กทำทุกอย่างด้วยใจก็จะทำให้เรามีความสุข” คุณตาลกล่าวปิดท้ายด้วยว่า “ตาลก็เป็นเหมือนพริกไทย น้ำตาล เกลือ การที่ชีวิตตาลอยู่กับพี่เกียรติก็เหมือนชีวิตมีรสชาติที่กลมกล่อม ไม่ว่าจะวันไหนๆก็มีความสุข”

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ใน นิตยสาร เชนจ์ อินทู CHANGE into Magazine

 

 

 

ฉบับประจำเดือน พฤศจิกายน 2558

 

 

 

สมัครสมาชิก 300 บาท ต่อ 1 ปี

 

ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา สาขา เอ็กเชน ทาวเวอร์

 

ชื่อบัญชี บริษัท เชนจ์ มีเดีย (ประเทศไทย) จำกัด

 

เลขที่บัญชี 6770000703 กระแสรายวัน

 

ส่งใบโอนเงิน Ad.LINE 09-9416 9952

 

บริษัท เชนจ์ มีเดีย (ประเทศไทย) จำกัด

 

เลขที่ 394/39 ดี65 คอนโด อาคาร A

 

สุขุมวิท 65 แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา

 

 

 

กรุงเทพฯ 10110

 

โทรศัพท์ 0-2714 1435 09-9416 9952

 

Ad.LINE 09-9416 9952

 

httpa//www.changeintomag.com/:::http://www.changeintomag.com/