เจาะใจ”หญิงไก่”ชีวิตยิ่งกว่านิยาย ผู้สยบนักเลง-เจ้าพ่อและนายพลสีกากี

เจาะใจ”หญิงไก่”ชีวิตยิ่งกว่านิยาย ผู้สยบนักเลง-เจ้าพ่อและนายพลสีกากี

 

 

 

เจาะใจ”หญิงไก่”ชีวิตยิ่งกว่านิยาย ผู้สยบนักเลง-เจ้าพ่อและนายพลสีกากี
 
 
 
 
ช่วงเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ชื่อ”หญิงไก่”กลับมาเป็นข่าวบนโลกออนไลน์อีกครั้ง หลังเงียบหายไปนานกว่า 5 ปี ผู้สื่อข่าวจึงติดต่อนัดหมายขอสัมภาษณ์หญิงไก่ ศรัญญา อุปปาตะสันติ ประธาน บริษัทวังหิน เรสซิเดนซ์ จำกัด และ บริษัท เขาใหญ่ สวีท จำกัด ที่ตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ข้างวัดลาดพร้าว เลขที่ 7 ซอยลาดพร้าววังหิน 27 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กทม.ซึ่งเป็นอาคารหรู 8 ชั้นมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท
 
หญิงไก่สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาว Burberry ลายสก๊อตที่เธอบอกว่าตัวละ 3 หมื่นบาท พร้อมสร้อยคอทองคำคล้องเหรียญจตุคามฯ แหวนเพชร รวมๆ ทั้งตัวมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ที่ขาดไม่ได้ก็กระเป๋าแบรนด์เนมใบละ 1.8 แสนบาท ที่เพิ่งไปถอยมาเมื่อ 2 เดือนก่อน
 

 
หญิงไก่ เล่าว่าเกิดเมื่อปี 2500 ตรงกันปีระกา ถึงได้ชื่อเล่นไก่ ปัจจุบันอายุ 65 ปี เคยเปลี่ยนชื่อมาหลายครั้ง ปัจจุบันชื่อนางศรัญญา อุปปาตะสันติ อดีต “มณตา หยกรัตนกาญ”หรือ “สุชาดา หยกวิริยะกุล”หรือ “วันทนีย์ หยกวิริยะกุล”
 
แต่ละชื่อมีความหมาย มีที่มาที่ไปทั้งสิ้น ชื่อแรกตั้งแต่เกิดคือ”วันทนีย์”แปลว่า น่านับถือ, ควรไหว้ พ่อแม่แยกทางกัน มีอากงอาม่าเลี้ยงดู พอโตมาจำความได้ว่าแม่ค้าขายปลาในตลาดเป็นคนตั้งชื่อนี้ให้ จึงคิดอยากจะเปลี่ยน พอดีได้ศึกษาธรรมะจึงเปลี่ยนเป็น”สุชาดา”ที่มาจากนางสุชาดาผู้ถวายข้าวมธุปายาสพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นผู้ให้เพียงอย่างเดียว ถ้ายังใช้ชื่อนี้ต่อไปจะไม่มีไม่ได้เลย จึงตัดสินใจเลิกรับใช้พระพุทธเจ้าดีกว่า ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็น”มณตา”ผู้มีทรัพย์สินเงินทองหยกรัตนกาญ ใช้ชื่อนาสกุลนี้คิดว่าจะโชคดีเป็นมงคลชีวิต ที่ไหนได้โดนคนกลั่นแกล้งใส่ความจนถูกดำเนินคดีจนต้องเข้าไปใช้ชีวิตในเรือนจำ พอออกมาเลยเปลี่ยนใหม่เป็น “ศรัญญา”แปลว่า ผู้มีปัญญาเฉลียวฉลาด ส่วน อุปปาตะสันติ-เป็นบทสวดสรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ระงับเหตุร้ายทั้งปวง ทำให้ชีวิตมีแต่เรื่องดีๆ เข้าในวันนี้
 
หญิงไก่ย้อนช่วงวัยเด็กว่า เติบโตขึ้นมาโดยไม่มีพ่อแม่จึงไม่มีโอกาสเรียนหนังสือ…
“ในชีวิตมีแต่เรื่อง พ่อแม่แยกทางกันจึงอยู่กับอากงอาม่า ใช้ชีวิตวัยเด็กอยู่ห้องแถวสองชั้นเชิงสะพานพระโขนง ที่อยู่ติดกันกับบ้านของนางกิมเอ็ง แซ่เตียว (ตุ่ม) หรือ กมนทรรศน์ ธนธรณ์โฆษิตจิร ที่ภายหลังถูกดำเนินคดีตุ๋นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ปลอม ตอนเป็นข่าวมีคนเอาไปโยงว่าหญิงไก่ กับ กิมเอ็งเป็นพี่น้องต่างมารดากัน ความจริงแค่บ้านติดกันเท่านั้นเอง”
 
ตอนนั้นอายุ 20 มีโอกาสช่วยท่านบุญชู วังกานนท์ ผบก.ป.ในเวลานั้นทำคดีเข้าไปเกี่ยวข้องโดยไปสืบหาข้อมูลให้ตำรวจด้วยการปลอมตัวไปทำบุญกับเจ้าคุณอุดม จนตำรวจจับกุมได้ทั้งขบวนการ นับเป็นการช่วยเหลือประเทศชาติครั้งแรก
 
หลังจากนั้นก็มีโอกาสช่วยทางการอีกครั้งด้วยการเข้าไปหาข่าวเกี่ยวกับสันติอโศก ที่ยุคสมัยนั้นคนภายนอกมองว่าไม่ดี เหมือนลัทธิล้างสมองนักศึกษาหนุ่มๆ แต่สุดท้ายก็ไม่พบอะไรพบเพียงแค่การเอาไปแปลความหมายกันผิดๆ
 
 
ต่อมาชีวิตในวัยสาว ได้มีโอกาสเข้าไปเกี่ยวข้องวงการนักเลงที่มีเจ้าพ่อชื่อดังๆ เช่น”กำนันเป๊าะ”ที่ต้องเข้าไปติดต่อสัมปทานทำธุรกิจรถขนส่งกัน อีกคน”เฮียเล้ง ขอนแก่น” ฉายามังกรที่ราบสูง ในฐานะตัวนำโชคช่วยให้นีกพนันมือขึ้นเล่นพนันได้ไม่มีเสียในบ่อนคาสิโน ที่มาเก๊า ฮ่องกง จนได้รับเงินเปอร์เซ็นต์ส่วนแบ่งมารวมๆ แล้วหลายร้อยล้าน เอากลับมาทำบุญแจกทุนการศึกษาเด็กในชนบทตามที่ตั้งใจ จนนักข่าวภูธรใน จ.พิษณุโลกเอาเรื่องความใจบุญไปเขียนรายงานข่าว จากชื่อเล่น”ไก่”เฉยๆ ก็ไปเขียนเพิ่มเป็น”ท่านผู้หญิงไก่”บ้าง ก่อนจะลดลงเป็น”หญิงไก่” คนก็เลยเรียกกันติดปากเรื่อยมา ทั้งที่ไม่เคยทำตัวเป็นคุณหญิงคุณนาย หรือท่านผู้หญิงอะไรเลย เข้าใจผิดๆ กันไปเอง !!
 
ใช้ชีวิตอยู่กับเสี่ยเล้งมา 3 ปี จนเบื่อ ใจอยากจะออกห่างจากวงการนักเลง จึงคิดวิธีด้วยการประกาศรับสมัครนายร้อยตำรวจหนุ่มมาเป็นคู่ชีวิต ใครมาแต่งงานด้วยจะให้เงินสดๆ 15 ล้านบาทเลย ก็มีนายร้อยตำรวจหนุ่มมาอาสาดูแล ก่อนจัดพิธีแต่งงานใหญ่ที่โรงแรมเซ็นทรัล ลาดพร้าว เจ้าบ่าวเจ้าสาวนั่งเสลี่ยงแบกหามเข้ามา ในงานมีจับรางวัลแจกรถ แจกทอง-แหวนเพชรแก่แขกผู้มาร่วมงานจนเป็นข่าวใหญ่โต ลงหน้าหนังสือพิมพ์
 
หลังจากนั้นชีวิตก็เปลี่ยน มีคนในเครื่องแบบสีกากีเข้ามาพัวพันเกี่ยวข้องตลอดเรื่อยมา ถึงขั้นเคยเป็นชนวนเหตุให้อดีตนายพลตำรวจใหญ่ชื่อดังเพื่อนร่วมรุ่น นรต.ด้วยกันที่เข้ามาจีบต้องทะเลาะแตกคอกัน เพราะพยายามแย่งกันครองใจ จนผู้บังคับบัญชาระดับสูงต้องลงมาเคลียร์ปัญหา เรื่องจึงจบลงได้ด้วยดี
 
ก่อนชีวิตจะพลิกผันโดนคนดังย่าน จ.ปทุมธานี ไม่พอใจเพราะดันไปเสนอตัวว่าจะช่วยผู้ใหญ่คนที่อยู่ในต่างแดน กลั่นแกล้งจัดฉากวางงานสร้างเรื่องจนเป็นคดีความกับเด็กรับใช้ที่อุตส่ห์รับเอามาอุปการะเลี้ยงดู จนถูกดำเนินคดีข้อหาค้ามนุษย์ เมื่อปี 2559 แถมยังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีเกี่ยวกับสถาบันฯ ซ้ำเข้าไปอีก จำใจต้องรับสารภาพในคดีนี้ไปทั้งที่ไม่ได้ทำไม่มีเจตนาเลย ทำให้ต้องติดคุกในเรือนจำทัณฑสถานหญิงกลางอยู่ 5 เดือน 10 วัน แต่เมื่อพ้นโทษกลับไม่ยอมประกันตัวออกมา ขออยู่ในเรือนจำต่อ เพื่อจะหาทางต่อสู้คดีค้ามนุษย์ด้วยการว่าความเป็นทนายแก้ต่างให้ตัวเองเพราะรู้ข้อมูลรายละเอียดดีมากกว่าทนายความ แก้ต่างให้ตัวเองจนศาลชั้นต้นยกฟ้อง ศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น คดีนี้ศาลไม่ให้ฎีกา ทำให้ชนะคดีค้ามนุษย์ในที่สุด
 
ในศาลเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงคนทำสำนวนทำคดีค้ามนุษย์รับต่อหน้าผู้พิพากษาว่าที่ต้องดำเนินคดีข้อหาค้ามนุษย์ก็เป็นเพราะโดนกระแสกดดัน !!
 
ใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำหญิงรวม 2 ปี ด้วยการเข้าห้องสมุดของเรือนจำต่อสู้คดีค้ามนุษย์และศึกษาธรรมะจนได้นักธรรมตรี และ นักธรรมโท รู้จักเพื่อนนักโทษหญิงร่วมรุ่นคนดังๆ หลายคน ความที่เป็นคนใจกว้างมักจะสั่งอาหารดีๆ จาก”ครัวชวนชม”หน้าเรือนจำเข้ามาเลี้ยงดูเพื่อนๆ ผู้ต้องขังหญิงจำนวนมากได้รับประทานอาหารดีๆ สดๆ อย่างสม่ำเสมอ จนเป็นคนโปรดของเพื่อนนักโทษหญิงไปโดยปริยาย
 
หลังจากศาลยกฟ้องคดีค้ามนุษย์แล้วตัดใจไม่เอาความคู่กรณีด้วยการฟ้องกลับเด็กเหล่านั้น อยากให้เรื่องจบๆ ไป จะได้กลับออกมาอยู่บ้านใช้ชีวิตเงียบๆ สงบๆ ปล่อยให้เป็นไปตามกฎแห่งกรรม ชีวิตคู่กับคนเดิมก็จดทะเบียนหย่าร้างแยกทางกันไป
 
 
ชีวิตในวันนี้ ดำรงตำแหน่งเป็นประธาน 2 แห่ง บริษัทวังหิน เรสซิเดนซ์ จำกัด และ บริษัท เขาใหญ่ สวีท จำกัด ทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ พัฒนาที่ดิน ซื้อมาขายไปสร้างรายได้กำไรงาม เงินทองที่มีอยู่เดิมก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้นอีก มีนายสุรชัย ศุภบัณฑิต ทนายความรุ่นใหญ่ที่รู้จักผ่านการแนะนำของนายหน้าค้าที่ดินทำธุรกิจค้าขายที่ดินด้วยกันมาร่วม 3 ปี จนถูกชะตาเข้าใจกัน ทนตื้อไม่ไหวจึงตัดสินใจจดทะเบียนสมรสแต่งงานด้วยใช้ชีวิตคู่กันอย่างเปิดเผย หวังชีวิตบั้นปลายอยู่ร่วมกันคอยดูแลกันและกัน ฝ่ายชายเขาทำเซอร์ไพรส์ด้วยการมอบที่ดินและหุ้นบริษัทปูนซีเมนต์ฯ ให้เป็นของขวัญแต่งงาน
 
ล่าสุดเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมาถูกเพจ”สายไหมต้องรอด”พาอดีตอาจารย์ รร.ดังชายล้วน อ้างตัวเป็น”แม่เลี้ยง-ลูกเลี้ยง”กันไปแจ้งความตำรวจกองปราบปราม กล่าวหาว่าฉ้อโกง ยักยอกเอาทรัพย์สินไป 15 ล้านบาท จนต้องให้”ทนายโป้ง เกียรติคุณ ต้นยาง” พาทั้งหญิงไก่และนายสุรชัย เข้าชี้แจงตำรวจกองปราบฯ แต่คดีความยังไม่จบ อยู่ระหว่างรอ ผบ.ตร.เซ็นคำสั่งว่าจะให้ บก.น.2 หรือกองปราบฯ เป็นคนทำคดี ซึ่งทำให้เธอกลับมาเป็นข่าวดังในสื่อออนไลน์หลายสำนักข่าวอีกครั้งเมื่อช่วงเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา