ไม่เสียชาติเกิด

ไม่เสียชาติเกิด

 

 

CHANGE  Share  เฒ่าธรรมชาติ

 

 

ไม่เสียชาติเกิด

                                                                                                  

     ความเป็นมาของโลกใบนี้ และความเป็นมาของสัตว์โลกที่เรียกว่า “มนุษย์” เป็นสิ่งที่นักคิด นักปราชญ์และนักวิชาการทุกยุคทุกสมัยพยายามหาคำตอบ เพื่อจัดการกับปัญหา และข้อจำกัดนานาประการ อันเป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตให้มีความสุขสบายอย่างยั่งยืนปัญหาเหล่านี้เกิดทั้งจากภายในตัวมนุษย์เอง และ

 

 

 

CHANGE  Share  เฒ่าธรรมชาติ

 

ไม่เสียชาติเกิด

                                                                                                  

     ความเป็นมาของโลกใบนี้ และความเป็นมาของสัตว์โลกที่เรียกว่า “มนุษย์” เป็นสิ่งที่นักคิด นักปราชญ์และนักวิชาการทุกยุคทุกสมัยพยายามหาคำตอบ เพื่อจัดการกับปัญหา และข้อจำกัดนานาประการ อันเป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตให้มีความสุขสบายอย่างยั่งยืนปัญหาเหล่านี้เกิดทั้งจากภายในตัวมนุษย์เอง และสิ่งภายนอกรอบตัวที่เรียกกันว่า “สิ่งแวดล้อม” ซึ่งหมายความรวมสิ่งที่มีอยู่ทั้งหลายทั้งปวงไม่ว่าจะมีชีวิตหรือสิ่งไม่มีชีวิต วัตถุธาตุที่มีอยู่ใต้ดินเหนือพื้นดิน ใต้น้ำ เหนือน้ำ มหาสมุทรแม่น้ำลำธาร สายลมและแสงแดดและสิ่งที่ปรากฏบนฟากฟ้า คือ ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวที่มีมากมายยากที่จะนับจำนวน ความพยายามที่จะหาคำตอบในพลังอำนาจจากสิ่งแวดล้อมที่มีอิทธิพลเหนือโลก เหนือมนุษย์ เป็นที่มาของลัทธิความเชื่อและการนับถือศาสนาต่าง ๆ ที่มีประชากรโลกกว่า 65% ใช้เป็นหลักในการยึดถือเพื่อบริหารจัดการสังคมมนุษย์และทรัพยากรให้ดำรงอยู่ได้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะทำได้

     เป็นเวลากว่าสามพันห้าร้อยปีมาแล้ว ที่มีหลักฐานการยืนยันของการนับถือศาสนาพราหมณ์ที่เก่าแก่กว่าศาสนาอื่น อีกพันปีต่อมาศาสนาพุทธก็ได้อุบัติขึ้นในดินแดนชมพูทวีป บริเวณประเทศเนปาลและอินเดียในปัจจุบันท่ามกลางแว่นแคว้นต่างๆ ที่ชาวบ้านชาวเมืองนับถือศาสนาพราหมณ์ซึ่งฝังรากลึกอย่างมั่นคงและแผ่ขยายเกือบครอบคลุมชมพูทวีปทั้งหมดในขณะนั้น ภายหลังศาสนาพุทธเกิดขึ้น 543 ปี ศาสนาคริสต์และอิสลามก็เกิดขึ้น และขยายตัวเผยแผ่ไปในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก ศาสนาทั้ง 4 ที่เกิดขึ้นในแต่ละกาลเวลานี้ ต่างก็ยอมรับการมีอยู่ของพลังอำนาจเหนือโลก เหนือมนุษย์ ที่เรียกกันว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในฐานะมีตัวตนเป็น เทพเจ้า หรือ พระผู้เป็นเจ้า แม้จะมีความแตกต่างในรายละเอียดของบทบัญญัติและพระธรรมคำสอน จนเป็นสาเหตุแห่งสงครามและความขัดแย้งอยู่ไม่น้อย แต่ก็มีจุดหมายเพื่อความสันติสุขของการอยู่ร่วมกันในสังคมมนุษย์ จึงมีคำกล่าวที่ประนีประนอมว่า ศาสนาทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดีมีศีลธรรมและรักความสงบสุข

     แต่ละศาสนามีคุณลักษณะที่โดดเด่นแตกต่างกันไป โดยเฉพาะศาสนาพุทธยิ่งมีความโดดเด่นที่แหวกแนวท้าทายต่อการพิสูจน์ให้เห็นจริง ในเรื่องของความเชื่อที่เกี่ยวกับ “โลก” “มนุษย์” และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เรียกกันว่า เทพเจ้า หรือ พระผู้เป็นเจ้า กล่าวคือประการแรก ศาสนาพุทธยอมรับการมีอยู่ของเทพเจ้า แต่ก็ประกาศว่า ยังมีสิ่งที่ทรงอำนาจสูงสุดกว่าเทพเจ้าขึ้นไปอีกนั่นคือ “กฎธรรมชาติ” อันได้แก่ กฎพระไตรลักษณ์, กฎแห่งกรรม, กฎแห่งเหตุปัจจัย และธรรมนิยายต่าง ๆ ประการต่อมาคือ การนับถือบูชาสิ่งที่ควรนับถือบูชา ไม่ว่าเทพเจ้าหรือสิ่งอื่นใด อานิสงส์แห่งการนับถือบูชาเหล่านั้นก็ไม่เท่ากับการนับถือบูชาคุณงามความดีอันเป็นบุญกุศลเนื่องจากความมีปัญญารู้เท่าทันโลกและชีวิตที่ยังจิตให้สะอาดบริสุทธิ์พ้นจากกิเลส และประการสุดท้าย คือ การยึดถือสิ่งที่จะนำตนให้พ้นภัยได้นั้น ไม่มีสิ่งใดที่จะเป็นที่พึ่งระลึกได้เท่าเทียมพระพุทธเจ้า, พระธรรมคำสอนและพระสงฆ์ สาวกผู้ปฎิบัติดี ปฏิบัติควร ปฏิบัติตรง ปฏิบัติชอบ

     เมื่อวิเคราะห์เจาะลึกพระธรรมคำสอน ก็ยังมีความวิจิตรพิสดารเต็มไปด้วยสาระความจริงแท้ในสัจธรรมของโลกและชีวิต ซึ่งเป็นคำสอนที่มีลักษณะสากลที่มนุษย์ทุกเพศ ทุกวัย ทุกชาติ ทุกภาษา สามารถนำไปปฏิบัติให้เกิดผลดังปรารถนาตามครรลองแห่งธรรมได้ทุกยุคทุกสมัย คำสอนของพระองค์ทั้งหมดได้ถูกจารึกไว้ใน “พระไตรปิฎก” จำนวนแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ แสดงให้เห็นชัดว่าพระญาณของพระองค์นั้นเป็นที่อัศจรรย์อย่างยิ่งที่ทรงรอบรู้ทั้งจักรวาลและโลกใบนี้ แม้กระทั่งการเกิด การตาย และที่มาที่ไปของสัตว์น้อยใหญ่ ทั้งที่สามารถมองเห็นและไม่อาจมองเห็นได้ โดยเฉพาะพลังอำนาจอันเป็นคุณสมบัติของธาตุรู้หรือจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนความเป็นไปในสิ่งมีชีวิตให้เป็นผู้กระทำการทั้งหลายพระองค์ทรงรู้แจ้งแทงตลอดได้แล้วทั้งหมด

     สิ่งที่ถือว่าวิเศษประเสริฐสุดสำหรับคำสอนของพระองค์ ก็คือสัจธรรมที่พระองค์แสวงหาและได้ตรัสรู้ในคืนวันเพ็ญเดือนหก ซึ่งเรียกกันว่า “วันวิสาขบูชา” ซึ่งเป็นวันเดือนและปีที่พระองค์ทรงมีพระชนมายุครบ 35 พรรษาและเป็นวันและเดือนปีที่พระองค์ทรงปรินิพพานด้วยพระชนมายุครบรอบ 80 พรรษา หลังจากที่ทรงตรัสรู้และสอนพระธรรมแก่ชนทั้งหลายเป็นเวลารวมทั้งสิ้น 45 ปี ด้วยพระมหากรุณาธิคุณยิ่งล้นที่มีต่อสัตว์โลก พระธรรมอันประเสริฐที่ทรงตรัสรู้ในคืนแห่งวิสาขบูชานั้น ได้แก่ อริยสัจ 4 อันเปรียบเสมือนแก้วมณีล้ำค่าที่ตกผลึกจากพระโพธิญาณที่รู้แจ้งแทงตลอดในสัจธรรมแห่งรูปธรรมและนามธรรม ซึ่งเป็นกับดักสัตว์โลกให้เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในกระแสแห่งความทุกข์ที่เป็นกรงขังของวัฏสงสารนี้

     ในฐานะที่เราเป็นชาวพุทธซึ่งถือกำเนิดในดินแดนอุดมสมบูรณ์ที่มีความสงบร่มเย็นอันสมควรแก่การรองรับพระพุทธศาสนา ให้ฝังรากไว้เป็นศาสนาประจำชาติ ประจำใจ สืบต่อมาหลายร้อยปีจนทุกวันนี้ ถือว่าเรามีโชคดีมาแล้วถึงสองชั้น และจะเป็นการคุ้มค่าสำหรับการเกิดเป็นที่สุดถ้าหากได้โอกาสศึกษาพระธรรมคำสอนและได้ปฏิบัติตาม โดยการดำรงชีวิตด้วยความไม่ประมาท ไม่เสียชาติไม่เสียทีที่ได้เกิดเป็นมนุษย์ได้พบพระพุทธศาสนา ด้วยการยึดหลักของศีล สมาธิ ปัญญา และคบหาเพื่อฟังธรรมจากสัตบุรุษ (ผู้รู้ในธรรมและประพฤติปฏิบัติธรรม) อยู่เนือง ๆ ก็จะยิ่งเป็นผู้เข้าถึงซึ่งความเป็นผู้มีลาภอันประเสริฐ คือ เกิดมาแล้วได้มีโอกาสสั่งสมอริยะสมบัติไว้เป็นทุน เป็นบารมี สำหรับพาตนให้พ้นจากภัยที่มีอยู่ในวัฏสงสารได้ จนกว่าจะถึงพระนิพพานอันเป็นความพ้นทุกข์อย่างสิ้นเชิงในกาลต่อไป