แสนสิริปลุกกระแสแบรนด์ เดอะ เบส จากความสำเร็จของ “You are where you live”

แสนสิริปลุกกระแสแบรนด์ เดอะ เบส  จากความสำเร็จของ “You are where you live” สู่คอนเซ็ปต์ใหม่ “MARK MY BASE”

ปักหมุด 3 โครงการปี 61 มูลค่ารวมกว่า 6,100 ลบ.

ล่าสุดเปิดตัวเดอะ เบส สะพานใหม่ ภายใต้ความร่วมมือกับบีทีเอส กรุ๊ป

และเดอะ เบส สุขุมวิท 50 ภายใต้ความร่วมมือกับโตคิว คอร์ปอเรชัน



แสนสิริปลุกกระแสแบรนด์ เดอะ เบส ภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ MARK MY BASE  ต่อยอดหลังประสบความสำเร็จมาแล้วถึง 13 โครงการ มูลค่ารวม 24,000 ล้านบาท เผยโฉมTHE BASE New Series ในแบบที่สะท้อนความเป็นคุณ เปิดตัว 3 โครงการใหม่ในปี 61 บนทำเลศักยภาพทั้งอยู่อาศัยและลงทุน มูลค่ารวมกว่า 6,100 ล้านบาท ชูเดอะ เบส เซ็นทรัล – ภูเก็ต โครงการแรก ประสบความสำเร็จปิดการขายทันทีในวันพรีเซลล์ เดินหน้าตามแผนเปิดตัวอีก 2 โครงการใหม่   ในกรุงเทพฯ “เดอะ เบส สะพานใหม่” ภายใต้ความร่วมมือกับบีทีเอส กรุ๊ป และ“เดอะ เบส สุขุมวิท 50”  ภายใต้ความร่วมมือกับโตคิว คอร์ปอเรชัน  มั่นใจ เดอะ เบส ภายใต้ คอนเซ็ปต์ใหม่ MARK MY BASE โดดเด่นด้านดีไซน์ที่เข้าใจการใช้ชีวิตและฟังก์ชั่นการอยู่อาศัยในแต่ละทำเล สามารถตอบโจทย์ทุกรูปแบบการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ได้อย่างแน่นอน ส่งผลยอดขายรวมคอนโดมิเนียมของแสนสิริตามเป้าหมาย 30,000 ล้านบาท ก้าวสู่ปีแห่ง Sansiri Best Year Ever



นายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทประสบความสำเร็จในการพัฒนาคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ เดอะ เบส (THE BASE) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแบรนด์คอนโดมิเนียมที่มีความแข็งแกร่งของแสนสิริ เน้นการตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ทันสมัย มีความเป็นตัวของตัวเอง การออกแบบในแต่ละโครงการสะท้อนบุคลิกภาพและไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าในทำเลนั้นๆ ซึ่งเป็นที่มาของคอนเซ็ปต์ You are where you live โดยเปิดตัวมาแล้วถึง 13 โครงการ จำนวน 9,440 ยูนิต มูลค่ารวม 24,000 ล้านบาท



ล่าสุดเพื่อเป็นการตอกย้ำความสำเร็จและความแข็งแกร่งของแบรนด์ เดอะ เบส บริษัทจึงได้เปิดตัว เดอะ เบส ภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ “MARK MY BASE” สู่แบรนด์คอนโดมิเนียมที่มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น สะท้อนความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง ชูแนวคิดการออกแบบจากตัวตนของผู้อยู่อาศัยโดยการผสมผสานเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละทำเลเข้ากับการออกแบบที่ร่วมสมัย เกิดเป็นเอกลักษณ์และเรื่องราวที่สะท้อนถึงตัวตนของผู้อยู่อาศัย โดยเดอะ เบส ที่ตั้งอยู่ในทำเลต่างๆ จะมีความโดดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ แตกต่างกัน ในแต่ละทำเล

เพื่อตอบโจทย์ทุกรูปแบบการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ นอกจากนี้ยังเติมเต็มการใช้ชีวิตในทุกๆ ด้าน ตามมาตรฐานของแสนสิริที่พัฒนาและลงมือทำมาโดยตลอด ทั้งดีไซน์สวยงามที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นพร้อมใช้งานได้จริง ใส่ใจในทุกรายละเอียดและเลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของลูกบ้าน และการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ผสมผสานกับการอยู่อาศัยเพื่อความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น  อาทิ สมาร์ท ล็อคเกอร์ และโฮม เซอร์วิส แอปพลิเคชัน รวมถึงบริการที่ครบถ้วนเพื่อสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ดีทั้งก่อนและหลังการขาย อาทิ  Sansiri Security System มั่นใจกับระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. และสิทธิพิเศษต่างๆ ในแสนสิริ แฟมิลี่ ซึ่งทั้งหมดเพื่อ เติมเต็มการอยู่อาศัยให้สมบูรณ์แบบแก่ลูกบ้านแสนสิริ



“บริษัทมีแผนเปิดตัวคอนโดมิเนียมแบรนด์ เดอะ เบส ภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ MARK MY BASE ในปี 2561 จำนวน 3 โครงการ ทำเลกรุงเทพฯ และภูเก็ต ได้แก่ เดอะ เบส เซ็นทรัล – ภูเก็ต, เดอะ เบส สะพานใหม่ และเดอะ เบส สุขุมวิท 50 มูลค่ารวมกว่า 6,100 ล้านบาท โดยหลังจากที่บริษัทได้เผยโฉม THE BASE New Series ในแบบที่สะท้อนความเป็นตัวคุณ โครงการแรก เดอะ เบส เซ็นทรัล – ภูเก็ต จำนวน จำนวน 590 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,660 ล้านบาท เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาปรากฎว่าได้รับการตอบรับที่ดีจนสามารถปิดการขายได้ทันทีในวันพรีเซลล์” นายภูมิภักดิ์ กล่าว

สำหรับโครงการ “เดอะ เบส สะพานใหม่” ภายใต้ความร่วมมือระหว่างแสนสิริและบีทีเอส กรุ๊ป จำนวน     820 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 2,800 ล้านบาท พัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด MY BASE REVEALS NEW PERSPECTIVES (มาย เบสมีหลายมุม) ผสมผสานองค์ประกอบของความแตกต่างอย่างลงตัวภายใต้คอนเซ็ปต์ความย้อนแย้ง (Irony) สะท้อน  ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ตั้งอยู่บนทำเลที่น่าจับตามองในอนาคตเพียง 0 เมตรจากสถานีสายหยุด ส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่จะเปิดให้บริการในปี 2563 และรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ พร้อมเชื่อมต่อถนนหลายสายหลักอย่างวิภาวดีรังสิต พหลโยธิน และสนามบินดอนเมือง ทั้งยังตั้งอยู่ใกล้โรงพยาบาล มหาวิทยาลัยและสถานที่ราชการหลายแห่ง เต็มอิ่มกับการใช้ชีวิตด้วยพื้นที่ส่วนกลางเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน ซึ่งมีพื้นที่รวมสูงถึง 4,800 ตารางเมตร จากพื้นที่โครงการทั้งหมด 4 ไร่ พร้อมโดดเด่นด้วย Rooftop Facilities เต็มพื้นที่ชั้นดาดฟ้าของโครงการที่รวบรวมทั้งสวนสวย พื้นที่ดูดาว ลู่วิ่ง และสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ และ Panoramic Gym ที่ชั้น 14  เข้าไว้ด้วยกันพร้อมเชื่อมต่ออาคาร 2 ฝั่งด้วยทางเชื่อมแบบ Spiral Bridge ซึ่งออกแบบขึ้นด้วยหลัก Universal Design รองรับการใช้งานของคนทุกวัย นอกจากนี้ยังนำเสนอประสบการณ์ใหม่ของการอยู่อาศัยแนวสูงด้วยยูนิตแบบลอฟท์ (Loft Unit) เพดานสูง 4.55 เมตร ที่ชั้น 14 ช่วยเพิ่มพื้นที่การใช้งานให้มากขึ้นกว่าเดิมโดยมีพื้นที่ใช้สอยให้เลือกสรรหลายขนาดตามความต้องการ พร้อมเปิดขายแบบแต่งครบ (Fully Furnished) ในราคาเริ่มต้นเพียง 2.29 ล้านบาท



โครงการเดอะ เบส สุขุมวิท 50 ภายใต้ความร่วมมือกับโตคิว คอร์ปอเรชั่น จำนวน 415 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 1,600 ล้านบาท พัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด MY BASE DISCOVER THE UNEXPECTED (มาย เบส คือ การค้นพบ) เพื่อให้คนรุ่นใหม่สามารถเข้ามาค้นพบความแตกต่าง อย่างเป็นตัวเอง ตั้งอยู่บนซอยสุขุมวิท 50 เชื่อมต่อทุกการเดินทางด้วยทางด่วน 2 สายหลักทั้งฉลองรัช และเฉลิมมหานคร สามารถเดินทางสู่พื้นที่ต่าง ๆ  ของกรุงเทพฯ อย่างรวดเร็ว ด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส เพียง 2 นาที จากบีทีเอสอ่อนนุช พร้อมบริการรถรับ-ส่งจากโครงการ อีกทั้งยังมีศักยภาพสูงในเรื่องของการลงทุนด้วย Rental Yield ของคอนโดมิเนียม แสนสิริในย่านนี้ที่เฉลี่ยสูงถึง 5-10% พร้อมสะท้อนตัวตนของคุณด้วยดีไซน์การออกแบบโครงการที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ทั้งภายนอกและภายในโครงการ อาทิ การออกแบบฟาสาด (Façade) ที่เล่นสนุกกับสีสัน   คู่ตรงข้าม (Contrast) และลวดลายพรางสายตา (Camouflage) รวมถึงการดีไซน์ภายในส่วนกลางของโครงการด้วย หินเทอร์ราซโซ (Terrazzo) จากประเทศอิตาลีที่สั่งผลิตในลวดลายพิเศษสำหรับโครงการนี้โดยเฉพาะ เป็นวัสดุหลักในการตกแต่ง และโคมไฟคอลเลคชั่น เมลท์เพนแดนท์ (Melt Pendant) จากดีไซน์เนอร์ชื่อดังทอม ดิกซอน (Tom Dixon) ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการหลอมละลายที่เกิดขึ้นในปรากฏการณ์ธรรมชาติ นอกจากนี้ยังสามารถรองรับการใช้งานหลากฟังก์ชั่น ด้วยความลงตัวของการออกแบบพื้นที่ภายในห้องพัก และสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่ส่วนกลางที่แตกต่าง ให้ความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน พร้อมเปิดขายแบบแต่งครบ (Fully Furnished) ในราคาเริ่มต้นเพียง 2.29 ล้านบาท โดยทั้ง 2 โครงการจะเปิดพรีเซลอย่างเป็นทางการในวันที่ 22-23 กันยายน 2561 นี้ พร้อมมอบข้อเสนอสุดพิเศษ! ฟรีเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยลูกค้าที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.sansiri.com โทร. 1685



“ด้วยปัจจัยภาพรวม อาทิ ตัวเลขเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาที่สะท้อนพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่ดี มีการปรับเป้าการส่งออกเพิ่มขึ้น ความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาที่สูงสุดในรอบ 5 ปี รวมถึงกำลังซื้อลูกค้าและทิศทางความต้องการที่อยู่อาศัยที่ขยายตัวในช่วงครึ่งปีหลัง เมื่อรวมกับการสร้างกระแสแบรนด์เดอะ เบส ภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ “MARK MY BASE”  เชื่อมั่นว่าจะส่งผลให้ทั้ง 2 โครงการคอนโดมิเนียมเดอะ เบส ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั้งในด้านราคา ทำเล พื้นที่ใช้สอย และฟังก์ชั่นการใช้งาน ส่งผลให้ยอดขายรวมคอนโดมิเนียมของแสนสิริในปีนี้เป็นไปตามเป้าหมาย 30,000 ล้านบาท ก้าวสู่ปีแห่ง “Sansiri Best Year Ever ” ได้อย่างสมบูรณ์” นายภูมิภักดิ์กล่าว #SansiriBestYearEver




 “เดอะ เบส สุขุมวิท 50” ค้นพบการใช้ชีวิตที่เป็นที่สุดในทุกมิติ
ภายใต้แนวคิด “MY BASE DISCOVER THE UNEXPECTED”

“เดอะ เบส สุขุมวิท 50” โครงการคอนโดมิเนียม โลว์ไรส์ (Low-Rise) 8 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 415 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 1,600 ล้านบาท ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) และ  บริษัท โตคิว คอร์ปอเรชั่น จำกัด (ประเทศญี่ปุ่น) พัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด “MY BASE DISCOVER THE UNEXPECTED” (มาย เบส คือ การค้นพบ) ให้คนรุ่นใหม่สามารถเข้ามาค้นพบการใช้ชีวิตที่เป็นที่สุดในทุกมิติ ด้วยความแปลกใหม่ ที่แตกต่าง โดดเด่น อย่างเป็นตัวเอง บนทำเลที่มากกว่าความสะดวกสบายบนพื้นที่กว่า 3 ไร่ในซอยสุขุมวิท 50 ซึ่งให้ความรู้สึกส่วนตัว แต่ยังใกล้ชิดทุกเทรนด์ของคนเมืองทั้งยังแวดล้อมด้วยแหล่งไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ตรงสู่ทองหล่อ เอกมัย และอโศกได้ในไม่กี่นาที สะดวกสบายเพียง 2 นาทีจากบีทีเอสอ่อนนุช พร้อมบริการรถรับ-ส่งจากโครงการ สามารถเชื่อมต่อสู่ทุกทิศได้อย่างรวดเร็วด้วยจุดขึ้น-ลงทางด่วนฉลองรัช และเฉลิมมหานคร และถนนทางรถไฟสายเก่าที่เชื่อมต่อไปยังถนนพระราม 4

โดย “เดอะ เบส สุขุมวิท 50” ออกแบบขึ้นภายใต้คอนเซปต์ “คาโมฟลาจ” (Camouflage) ซึ่งมีที่มาจากประวัติศาสตร์ของลวดลายยานพาหนะที่ถูกใช้ในสมัยสงครามโลก โดยดีไซน์ภายนอกตัวอาคารทั้ง 2 อาคารโดดเด่นด้วยคู่สีส้มสโมกกี้ออเรนจ์ (Smoky Orange) และสีเขียวกรีนมิ้นต์ (Green Mint) เพิ่มความสร้างสรรค์ด้วยลวดลายพรางสายตา (Camouflage) ของศิลปะออพอาร์ท (Op Art) ตอบรับรสนิยม ของผู้อาศัยที่มีตัวตนชัดเจน ส่วนดีไซน์ภายในเน้นความโดดเด่นของการใช้สีสันคู่ตรงข้าม (Contrast) การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่แปลกใหม่ และการใช้วัสดุอย่างหินเทอร์ราซโซ (Terrazzo) จากแบรนด์ แอกโกลเทค (Agglotech) ประเทศอิตาลี โดยสั่งผลิตในลวดลายพิเศษเฉพาะโครงการ “เดอะ เบส สุขุมวิท 50” และของประดับตกแต่งระดับโลกอย่างโคมไฟคอลเลคชั่นเมลท์ เพนแดนท์ (Melt Pendant) จากดีไซนเนอร์ชื่อดังทอม ดิกซอน (Tom Dixon)

นอกจากนี้ในเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่ส่วนกลางของโครงการนี้ถูกออกแบบขึ้นอย่างแตกต่าง และให้ความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน เริ่มต้นด้วยพื้นที่โถงต้อนรับ STRIKING LOBBY ที่สะท้อนเอกลักษณ์   อันโดดเด่น ให้คุณผ่อนคลาย และเติมแรงบันดาลใจได้ทุกวัน สะดุดตาด้วยความกล้าในการเลือกใช้สีสันที่ตัดกับความโดดเด่นของหินเทอร์ราซโซ (Terrazzo) สีดำลวดลายพิเศษของโครงการความสูงกว่า 5 เมตร เต็มพื้นที่ผนัง และโคมไฟคอลเลคชั่นเมลท์ เพนแดนท์ (Melt Pendant) จากดีไซนเนอร์ชื่อดังทอม ดิกซอน (Tom Dixon) ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการหลอมละลายที่เกิดขึ้นในปรากฏการณ์ธรรมชาติพร้อมเฟอร์นิเจอร์แปลกใหม่ที่มาพร้อมกับสีสันสดใส บ่งบอกคาแรคเตอร์ที่ไม่เคยตามใคร ในส่วน ของสระว่ายน้ำ JAW-DROPPING SWIMMING POOL ซ่อนตัวอยู่ภายในคอร์ทยาร์ด (Courtyard)  ที่เชื่อมต่อระหว่าง 2 อาคาร ล้อกับลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ของตัว


โครงการมาพร้อมพร้อมสระจากุชชี (Jacuzzi) รายล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวในบรรยากาศสุดร่มรื่น นอกจากนี้บริเวณโดยรอบสระว่ายน้ำยังถูกออกแบบให้เป็น OUTDOOR RECREATION AREA พื้นที่นั่งทำงานแบบกลางแจ้ง ท่ามกลางสวนส่วนกลางที่ร่มรื่นภายในโครงการได้ตลอดทั้งวัน ถัดจากสระว่ายน้ำยังมี HIDDEN COURTYARD พื้นที่พักผ่อนส่วนกลางที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ พร้อมฟังก์ชันประตูปิด-เปิด เพื่อกั้นแยกพื้นที่รองรับการใช้งานอย่างเป็นส่วนตัว และอีกฟากหนึ่งของอาคารยังโดดเด่นด้วยคลับเฮ้าส์ 2 ชั้น ที่จัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกและความบันเทิงไว้รองรับการใช้งานของลูกบ้านอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็น EXTRAORDINARY GYM ที่ฉีกกฎเดิม ๆ ของการออกกำลังกายด้วยอุปกรณ์สุดล้ำในโซนฟังก์ชันนอลเทรนนิ่ง (Functional Training Floor) ทั้งเครื่องพายเรือเสมือนจริง (row HX) ลูกบอลเรืองแสง (fluiball) เครื่องชกมวย (nexersys) และนวัตกรรมการดูแลสุขภาพรูปแบบใหม่


สำหรับคนที่ต้องการบรรยากาศในการทำงานอย่างเป็นส่วนตัวยังมี FLEXY WORKING SPACE พื้นที่ที่ปรับเปลี่ยนฟังก์ชันการใช้งานได้หลากหลายเป็นได้ทั้งห้องทำงานที่ครบครันด้วยนวัตกรรมสำหรับการทำงานยุคใหม่หรือปรับเปลี่ยนเป็นห้องประชุมก็สามารถทำได้ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่พักผ่อนอเนกประสงค์ RECREATIONAL SPACE ที่รองรับกิจกรรมหลากรูปแบบ ทั้งดูหนัง ฟังเพลง หรือสังสรรค์จัดปาร์ตี้เล็กๆ ด้วยบาร์เครื่องดื่ม รวมถึงที่เก้าอี้นวดที่ช่วยให้ความผ่อนคลายก็สามารถเลือกได้ทุกรูปแบบ ที่สำคัญโครงการนี้ยังมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการอำนวยความสะดวกให้กับการอยู่อาศัยและใช้ชีวิตในโครงการอย่าง อินเตอร์เน็ตไร้สายบริเวณพื้นที่ส่วนกลาง จุดบริการชาร์ตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า(EV Charger) สมาร์ทล็อคเกอร์ (Smart Locker)เพื่อให้ลูกบ้านสามารถรับพัสดุที่ส่งถึงตนเองได้ตลอด 24 ชั่วโมงผ่าน Home Service Applications พร้อมอุ่นใจด้วยบริการรักษาความปลอดภัยโดยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง


ด้านการออกแบบห้องพักถูกออกแบบขึ้นอย่างลงตัวเพื่อรองรับการใช้งานหลากฟังก์ชั่น พร้อมออกแบบเฟอร์นิเจอร์แบบ Fully Furnished ภายในห้องด้วยการนำหินเทอร์ราซโซ (Terrazzo) มาใช้ในการสร้างความโดดเด่น และสอดคล้องกับคอนเซ็ปต์หลักในการตกแต่งโครงการอีกด้วย

โดยมีรูปแบบห้องให้เลือกสรรตามความต้องการในการใช้งานทั้งหมด 4 แบบ ได้แก่
o 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอย 25.00-26.50 ตารางเมตร
o 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอย 30.75-32.00 ตารางเมตร
o 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอย 34.25-42.00 ตารางเมตร
o 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอย 45.50-56.75 ตารางเมตร

ค้นพบการใช้ชีวิตที่เป็นที่สุดในทุกมิติได้ที่ “เดอะ เบส สุขุมวิท 50” เปิดขายแบบแต่งครบ (Fully Furnished)   สำหรับทุกยูนิตของโครงการในราคาเริ่มต้นเพียง 2.29 ล้านบาท

ภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ
รองกรรมการผู้จัดการ
ฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม
บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)

จากการร่วมงานกับแสนสิริมากกว่า 13 ปี  ปัจจุบันคุณภูมิภักดิ์ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่ง รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายบริหารโครงการแนวสูง บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) รับหน้าที่ในการดูแลด้านการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมครอบคลุมทั้งโครงการที่ยังเปิดการขายรวมถึงวางแผนการพัฒนาโครงการในอนาคต  ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ด้วยประสบการณ์ความเชี่ยวชาญตั้งแต่เริ่มต้นร่วมงานกับแสนสิริ ตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา ในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจใหม่ คุณภูมิภักดิ์ได้สร้างผลงานด้านการลงทุนพัฒนาโครงการในตลาดต่างประเทศในชื่อโครงการ 9 Elvaston Place ใจกลางกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษซึ่งนับเป็นการพัฒนาโครงการในตลาดต่างประเทศเป็นครั้งแรกของแสนสิริ ซึ่งประสบความสำเร็จได้รับการตอบรับที่ดี จนปิดการขายลงอย่างรวดเร็ว

คุณภูมิภักดิ์ ได้รับตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ในปี 2554 โดยมีหน้าที่รับผิดชอบในการบริหารธุรกิจและภาพรวมองค์กรให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในฐานะองค์กรที่สนับสนุนธุรกิจหลักของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)  ด้วยการให้บริการอสังริมทรัพย์อย่างครบวงจร โดยนับตั้งแต่คุณภูมิภักดิ์เข้ามาดำรงตำแหน่ง พลัสมีการทำงานอย่างไร้รอยต่อกับแสนสิริและมีการฝึกอบรมพนักงานเพื่อมอบบริการอันเป็นเลิศแก่ลูกค้าได้อย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น รวมทั้งมีฐานะทางการเงินที่เติบโตขึ้นในแต่ละปีอย่างมั่นคง ซึ่งต่อมาในปี 2556 คุณภูมิภักดิ์ ได้ถูกแต่งตั้งเป็น กรรมการผู้จัดการ

เนื่องจากบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง คุณภูมิภักดิ์ จึงได้ถูกดึงตัวกลับมาทำงานให้กับแสนสิริ ในตำแหน่ง รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายบริหารโครงการแนวสูง เพื่อดูแลพัฒนาโครงการที่มีจำนวนมากขึ้น ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2559

ล่าสุดคุณภูมิภักดิ์ เป็นหนึ่งในผู้บริหารที่นำพาแสนสิริให้ก้าวล้ำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้วยแผนการลงทุนมูลค่า 80 ล้านดอลล่าร์ หรือ 2,800 ล้านบาท ใน 6 ธุรกิจด้านเทคโนโลยีและไลฟ์สไตล์ชั้นนำของโลก ซึ่งนับเป็นการขยายฐานการลงทุนในธุรกิจอื่นครั้งสำคัญเพื่อสร้างพันธมิตรในประเภทธุรกิจอันหลากหลาย สะท้อนวิสัยทัศน์ระดับโลกในการแสดงศักยภาพสู่สากลของแสนสิริ

ประวัติการศึกษา

·      ปีพ.ศ.2544 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท (Master of Business Administration) ทางด้าน Corporate Finance จาก University of Miami, Florida

·      ปี พ.ศ. 2541 สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในสาขาบริหารธุรกิจบัณฑิต การธนาคารและการเงิน