ธรรมะดีรับปีใหม่ไทย เปิดตัวหนังสือ “ไม่ว่าจะดีหรือร้าย สุดท้ายก็ต้องผ่านไป”
ธรรมะดีรับปีใหม่ไทย เปิดตัวหนังสือ
“ไม่ว่าจะดีหรือร้าย สุดท้ายก็ต้องผ่านไป”
จงอย่าให้อดีตที่เลวร้าย มาทำลายความสุขของปัจจุบัน
ชีวิตของคนเรา เปรียบดั่งวงโคจรของพระอาทิตย์ที่มีขึ้นและมีลง หรือดั่งท้องฟ้าที่มีมืดและสว่าง มีสุขก็ย่อมมีทุกข์ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป เป็นชีวิตที่ไม่มีความแน่นอน มีการเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละวัน วันนี้สุข พรุ่งนี้ทุกข์ บางครั้งก็โชคดี บางทีก็อาจโชคร้าย แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สุดท้ายชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป
หนังสือ ไม่ว่าจะดีหรือร้าย สุดท้ายก็ต้องผ่านไป ผลงานทางธรรมลำดับที่ 2 (เล่มแรก เรื่องต้องเข้มแข็งให้ได้เรื่องร้ายๆมันนเยอะ) โดย พระครูปลัดบัณฑิต อินฺทเมธี หรือ องค์ม่อน พระธรรมวิทยากรจากเครือข่ายธรรมะอารมณ์ดี พระอาจารย์ประจำโครงการสามเณรปลูกปัญญาธรรม ประธานสำนักปฏิบัติธรรมป่าโมกข์ธรรมาราม และหนึ่งในผู้มีส่วนร่วมขับเคลื่อนโครงการสังฆะประชาปันสุข ของคณะสงฆ์อำเภออรัญประเทศ
พระครูปลัดบัณฑิต อินฺทเมธี ได้เมตตามอบสาระธรรมในรูปแบบรวม ๒๕ เรื่องราว “สนุก สุข ซึ้ง กินใจ” ถ่ายทอดเรียบเรียงจากประสบการณ์ที่ได้จากการทำงานเพื่อสาธารณชน ทั้งการปลูกฝังเยาวชนในเรื่องคุณธรรมจริยธรรม การสาธารณสงเคราะห์เชิงรุก เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียงและคนชรา ที่แฝงด้วยปรัชญาข้อคิดและธรรมะของพระพุทธองค์ เพื่อใช้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจและเป็นหลักในการดำเนินชีวิตให้พบกับความสุขที่แท้จริง
หนังสือ “ไม่ว่าจะดีหรือร้าย สุดท้ายก็ต้องผ่านไป” จัดพิมพ์ในขนาดรูปเล่มกระทัดรัด พิมพ์สี่สีทั้งเล่ม ประกอบด้วยเรื่องราวที่แฝงด้วยข้อคิดแห่งธรรมถึง ๒๕ เรื่อง จำหน่ายในราคา ๒๙ บาท ณ ร้านเซเว่นอิเลฟเว่น หรือ สั่งซื้อผ่าน ALL ONLINE จ่ายและรับสินค้าที่ร้าน เซเว่นอีเลฟเว่น ทั่วประเทศ ฟรี!
ตัวอย่างเนื้อหาบางส่วน
เห็นธรรมชาติเห็นธรรมะ
รายการสามเณรปลูกปัญญาธรรม ปีที่ ๗ ได้ไปจัดโครงการที่วัดป่าไทรงาม จ.อุบลราชธานี สามเณรปลูกปัญญาธรรมปี ๗ นี้ มีแนวคิดให้สามเณรทั้ง ๑๒ รูป ได้เรียนรู้แนวทางการปฏิบัติธรรม แนวทางการสอนธรรมะของหลวงปู่ชา สุภทฺโท หรือ พระโพธิญาณเถร แห่งวัดหนองป่าพง
โครงการสามเณรปลูกปัญญาธรรม โดยทรูปลูกปัญญา อีกหนึ่งกิจกรรมเพื่อสังคมของบริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จา กัด (มหาชน) ริเริ่มขึ้นภายใต้วัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการศึกษาและคุณธรรมแก่เยาวชนและครอบครัว ด้วยเล็งเห็นว่าความรู้และคุณธรรมเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญของการพัฒนาและเพิ่มพูนปัญญา สร้างสังคมแห่งความรู้คู่คุณธรรมให้เกิดขึ้นและดำรงอยู่อย่างยั่งยืนในสังคมไทย เป็นรายการถ่ายทอดสดชีวิตของสามเณรน้อยจากเด็กชายที่มีความสดใส น่ารัก ซุกซน เป็นตัวของตัวเองจนเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ พร้อมเรียนรู้แก่นสาระของพระพุทธศาสนา แง่คิด ปรัชญา และธรรมเทศนา จากพระอาจารย์พี่เลี้ยง
มีอยู่วันหนึ่ง อาตมานำสามเณรทั้ง ๑๒ รูป เข้าห้องธรรมชาติใต้ร่มไม้ ภายในวัดป่าไทรงาม วันนั้นเป็นการเรียนเรื่อง “เห็นธรรมชาติ เห็นธรรมะ” โดยที่อาตมาให้สามเณรทุกรูปไปเก็บสิ่งของจากธรรมชาติที่อยู่บริเวณนั้น เช่น ใบไม้ กิ่งไม้ ก้อนหิน แล้วให้เชื่อมโยงสิ่งของที่เก็บมากับธรรมะที่สามารถอธิบายถึงการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งสามเณรแต่ละรูปก็เดินไปหาสิ่งของตามโจทย์ที่อาตมาได้บอกไป
สามเณรบอส และสามเณรท๊อป หยิบใบไม้มา ๒ ใบ ใบหนึ่งเป็นใบไม้สด อีกใบหนึ่งเป็นใบไม้แก่ สามเณรอธิบายว่า ใบไม้ไม่ว่าจะเป็นใบไม้สดหรือใบไม้แก่ ต่างก็หลุดร่วงลงมาที่พื้นดิน เหมือนกับสัจธรรมของชีวิต เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นความธรรมดาของชีวิต ใบสดเปรียบเสมือนคนหนุ่มคนสาว ใบแก่เป็นเสมือนวัยชรา ไม่รอให้แก่แล้วถึงตาย แม้คนหนุ่มสาวอายุน้อยก็ตายได้ สามเณรสรุปว่า ชีวิตของคนเราไม่มีอะไรที่แน่นอน เพราะฉะนั้น อย่าประมาทในชีวิต
ส่วนสามเณรวินหยิบใบไม้สดขึ้นมา ๑ ใบ แล้วบอกว่า ไม่ใช่หล่นแต่ใบแก่นะ ใบสดก็สามารถหล่นลงมาได้ ถ้ามีลมพัดมาแรง ๆ เช่น เด็กวัยรุ่นเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ เหมือนใบไม้สดที่โดดลมพัด สามเณรนิวหยิบรากไม้ขึ้นมา แล้วตอบว่า รากไม้เหมือนเป็นรากเหง้าของต้นไม้ เหมือนพวกเราที่มีพ่อแม่เป็นรากเหง้าของชีวิต ไม่มีพ่อแม่ ไม่มีเรา สามเณรปูตินหยิบทรายมาหนึ่งกำมือ บอกว่า ถ้าเราได้ยินคนพูดถึงเราในทางที่ไม่ดี พูดถึงเราแบบแย่ ๆ ก็ให้ทิ้งมันไป สามเณรพูดไปก็โปรยเม็ดทรายทิ้งไป แล้วพูดต่อว่าคำพูดดี ๆ คำพูดที่มีประโยชน์ก็ให้เก็บเอาไว้ สามเณรพูดไป มือก็กำทรายไปด้วย สามเณรโปรแกรมกำดินขึ้นมาหนึ่งกำมือ พร้อมพูดว่า ถ้าไม่มีดิน ก็ไม่มีต้นไม้ ถ้าไม่มีต้นไม้ก็ไม่มีป่า ไม่มีป่าก็ไม่มีธรรมชาติ ไม่มีธรรมชาติก็ไม่มีมนุษย์ เพราะทุกอย่างในโลกนี้ต่างต้องอิงอาศัยซึ่งกันและกัน
ในขณะที่อาตมาคุยกับสามเณร อาตมามีความสุขมาก เด็กตัวน้อย ๆ อายุไม่เกิน ๑๓ ปี แต่สามารถกล่าวธรรมะเปรียบเทียบได้อย่างเข้าใจ วันนั้นอาตมาสรุปบทเรียนสอนสามเณรว่า หลวงปู่ชาเคยสอนเรื่อง “เห็นธรรมชาติ เห็นธรรมะ” ไว้ว่า
"ต้นมะม่วงมีทั้งลูกสุก ลูกดิบ ลูกเล็ก ช่อมะม่วง
เวลาพายุพัดมา ต้นมะม่วงมีทั้งลูกสุก ลูกดิบ
ลูกเล็ก ช่อมะม่วง ก็หล่นลงพื้นได้ทั้งนั้น
เพราะฉะนั้น อย่าคิดว่าความตายยังมาไม่ถึงเราหรอก
เพราะเรายังเด็กยังหนุ่มอยู่"