"รสนา" ห่วงใยเกมรุกฆาตก้าวไกล ใครได้ ใครเสีย?!
CHANGE The World รสนา โตสิตระกูล
"รสนา" ห่วงใยเกมรุกฆาตก้าวไกล ใครได้ ใครเสีย?!
ข่าวการยกเลิกนัดประชุมระหว่างก้าวไกล และเพื่อไทยในวันที่28 มิถุนายน 2566 เรื่องชิงเก้าอี้ประธานรัฐสภาไปอย่างไม่มีกำหนดนั้นเป็นประเด็นจับตามองของคนทั้งประเทศว่า เกมจัดตั้งรัฐบาลระหว่าง2 พรรคหลักจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร
แต่เดิมนั้นข้อเสนอตำแหน่งรัฐมนตรีของ2พรรคใหญ่ 14+1 คือเท่ากัน ต่อมาเพื่อไทยเสนอใหม่เป็นพรรคก้าวไกล
ได้15+1(ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี) และ พรรคเพื่อไทยได้ 13+1(ตำแหน่งประธานสภา)การที่เพื่อไทยยืนยันว่าต้องได้ตำแหน่งประธานรัฐสภา เป็นสาเหตุให้ก้าวไกลขอเลิกนัดประชุม
ถ้าเพื่อไทยได้ตำแหน่งประธานรัฐสภา แต่พิธาไม่ได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพราะโหวตกี่ครั้งก็ไม่ได้ 376 เสียงล่ะ เกมจะพลิกมาเป็นเพื่อไทยเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล เพื่อไทยก็จะได้ทั้งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และประธานรัฐสภาด้วย ใช่หรือไม่
แต่ถ้าการโหวตครั้งแรก ก้าวไกลไม่ได้ตำแหน่งประธานรัฐสภา ก้าวไกลอาจจะไม่โหวตให้แคนดิเดตของเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรี เสียงที่หายไป 150 เสียงก็เป็นเรื่องใหญ่ หรือการที่เพื่อไทยยืนยันต้องได้ตำแหน่งประธานรัฐสภา เพราะมองข้ามชอตว่าหากก้าวไกลไม่ได้ตำแหน่งประธานรัฐสภา เพื่อไทยอาจต้องพลิกขั้วไปจับมือกับฝั่งลุงหรือไม่
ถ้าต้องจับมือกับฝั่งลุง เพื่อได้เสียงส.ว และพรรคอื่นๆมารวมให้ได้ 376 แทนก้าวไกล เพื่อไทยอาจจะต้องสละตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้ฝั่งลุง ใช่หรือไม่ จึงต้องยืนยันจะเอาตำแหน่งประธานรัฐสภาเอาไว้ก่อน !?
ถ้ามองเกมจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ว่าเพื่อไทยไม่คิดจะพลิกขั้วไปจับมือกับฝั่งลุง ก็ควรยอมให้ก้าวไกลได้ตำแหน่งประธานรัฐสภา เพราะดูแล้วพิธาน่าจะฝ่าห่ากระสุน ทุ่นระเบิดไม่พ้นไปถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ถ้าก้าวไกลได้ตำแหน่งประธานรัฐสภา ก็น่าจะยินดีโหวตตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้เพื่อไทย แต่ถ้าเพื่อไทยยังยืนยันจะเอาตำแหน่งประธานรัฐสภา น่าจะทำให้การร่วมรัฐบาลของ 2 พรรคใหญ่มีปัญหา
ข้อเสนอตำแหน่ง 15+1 และ 13+1 นั้น ถ้าโหวตในสภาแล้ว ผลกลับกลายเป็นว่า เพื่อไทยได้ 13+ประธานรัฐสภา และก้าวไกลได้ 15+0(ไม่ได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี)ก้าวไกลควรจะได้ตำแหน่งอะไรแทนไหม เพื่อให้ยุติธรรม
เพื่อไทยขอตำแหน่งกระทรวงเศรษฐกิจทั้งหมด หากควบตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และประธานรัฐสภา ก็ดูจะเอาเปรียบก้าวไกลมากเกินไป
ถ้าหากก้าวไกลยังยอมร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทย โดยยอมเสียทั้ง2ตำแหน่งสำคัญ(คือตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและประธานรัฐสภา) ก้าวไกลควรได้รัฐมนตรี 16 โดยมีกระทรวงพลังงาน และกระทรวงคมนาคมในโควต้า เพราะเป็นพรรคที่มีนโยบายเรื่องปฏิรูปพลังงาน และการคมนาคมระบบรางที่ชัดเจนซึ่งไม่มีในรัฐบาลที่ผ่านมา
ดิฉันเชื่อว่าการที่ประชาชน 14 ล้านเสียงโหวตให้ก้าวไกล ไม่ใช่เรื่องต้องการแก้ไขมาตรา112 ทั้งหมด มีจำนวนมากหรือมากกว่าด้วยซ้ำที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจทุนนิยมล้าหลังที่มีความเหลื่อมล้ำสูงมาก ราคาพลังงานและค่าขนส่ง-เดินทางเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ระบบเศรษฐกิจ และค่าครองชีพของประชาชนประสบความยากลำบากจากกติกาที่ไร้ความเป็นธรรมต่อประชาชน แต่เอื้อประโยชน์เกินสมควรให้กลุ่มทุน มีคนจำนวนมากที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงจึงเลือกก้าวไกลถึง14 ล้านเสียง เพราะพรรคของนักธุรกิจการเมืองเก่าๆเราก็เห็นไส้เห็นพุงกันมาหมดแล้วว่าพวกเขาเข้ามาบริหารประเทศเพื่อประโยชน์ของใคร ประชาชนต้องการให้ก้าวไกลเป็นฝ่ายบริหาร ไม่ใช่ให้เป็นฝ่ายค้าน จึงต้องการให้โอกาสก้าวไกลเหมือนแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เมื่อก้าวไกลได้เป็นรัฐบาลแล้ว ผลจะเป็นอย่างไร ประชาชนจะได้เห็น และตัดสินใจได้ว่ามีความหวัง หรือก็เหมือนๆกันกับบรรดาพรรคเก่าๆนั้นหรือไม่
การที่ภาคธุรกิจทุนนิยมล้าหลังพากันตกอกตกใจจนหุ้นตกกลัวก้าวไกลจะได้เป็นรัฐบาลนั้น ดิฉันว่าเป็นกระต่ายตื่นตูมจนเกินไป แต่ควรหันกลับไปมองดูความรู้สึกของประชาชนบ้างว่า พวกเขาจะตกใจแค่ไหนที่การจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ยังมีแต่นักธุรกิจการเมืองหน้าเดิมๆกลับมาถอนทุนกอบโกยกันอีก โดยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นเลย ฉะนั้น ดิฉันขอวิงวอนว่า อย่าทำให้ประชาชนหมดหวังไปมากกว่านี้อีกเลย เพราะเมื่อประชาชนส่วนใหญ่หมดหวังในวันนี้ เราไม่รู้เลยว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรในวันพรุ่งนี้
รสนา โตสิตระกูล
28 มิถุนายน 2566