บ้านหลังน้อยของนักธุรกิจร้อยล้าน อานันท์อร-โชตน์ณัฐ เรืองธิติภาคย์ จากชีวิตติดลบ สู่เจ้าของอสังหาฯ หาดราไวย์

บ้านหลังน้อยของนักธุรกิจร้อยล้าน อานันท์อร-โชตน์ณัฐ เรืองธิติภาคย์ จากชีวิตติดลบ สู่เจ้าของอสังหาฯ หาดราไวย์

 

  

 

 

 

เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง
ภาพ : ชวรินทร์ เผงสวัสดิ์

 

บ้านหลังน้อยของนักธุรกิจร้อยล้าน
อานันท์อร-โชตน์ณัฐ เรืองธิติภาคย์
จากชีวิตติดลบ สู่เจ้าของอสังหาฯ หาดราไวย์


บ้านจากน้ำพักน้ำแรงของสองสามีภรรยาที่เริ่มจากชีวิตติดลบจนกลายเป็นเจ้าของธุรกิจในแผ่นดินภูเก็ตที่ได้แรงบันดาลใจจากพ่อแม่ บวกกับแรงศรัทธาย่ามุก-ย่าจัน ที่ดลบันดาลให้ชีวิตก้าวสู่ความสำเร็จ และยืนหยัดทำตามสัญญาด้วยการทำหน้าที่ตอบแทนแผ่นดินภูเก็ต

ภายหลังเกิดวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 ส่งผลกระทบธุรกิจก่อสร้างและธุรกิจนากุ้งที่คาดว่าจะสร้างรายได้ไม่น้อยในตอนนั้น สุดท้ายต้องผิดหวังจนเป็นหนี้หมดตัว จากนั้น ลักษณ์-อานันท์อร และ ช้าง-โชตน์ณัฐ เรืองธิติภาคย์ สองสามีภรรยา เจ้าของบริษัท ใบบุญ พร็อพเพอร์ตี้ จึงมุ่งหน้าสู่ภูเก็ต จากชีวิตที่เคยติดลบถึงขนาดเก็บขวดน้ำขาย จวบจนวันนี้กลายเป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มูลค่านับร้อยล้านบนหาดราไวย์ ติดตามชีวิตของสามีภรรยาที่ล้มแล้วลุกยืนได้ด้วยแรงศรัทธาจาก ย่ามุก-ย่าจัน ที่ตั้งมั่นทำความดีและตอบแทนคุณแผ่นดิน


/// บ้านสร้างชีวิต

บนพื้นที่ 43 ตารางวา บริเวณหน้าหาดราไวย์ซึ่งทุกมุมของบ้านมีความหมายและให้ข้อคิดกับสามีภรรยา ที่ใบหน้าฉาบฉายด้วยรอยยิ้มตลอดเวลา ทั้งสองเล่าถึงบ้านที่อาศัยมานานกว่า 14 ปี ตั้งแต่มาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ภูเก็ต ซึ่งก่อนหน้านั้นมีสภาพทรุดโทรมมาก แต่หลังจากขอเช่าจากเจ้าของบ้าน ได้มีการปรับปรุงใหม่หมด ตามความชอบที่ทั้งคู่ต้องการ เริ่มตั้งแต่ห้องรับแขกที่ตกแต่งเรียบง่าย ติดวอลล์เปเปอร์ลายดอกไม้ดูสดใส โดยอีกมุมหนึ่งจัดเป็นมุมห้องทำงานไปในตัว

“เป็นคนชอบตกแต่งบ้านสไตล์สีสันของบ้านเลยออกมาเป็นโทนสีชมพูหวานๆ แล้วมีดอกไม้ประดับตกแต่งตามมุมห้องต่างๆ เพราะถือว่าดอกไม้เป็นของคู่กันกับผู้หญิง” คุณลักษณ์บอกพร้อมรอยยิ้ม

ถัดไปเป็นห้องพระซึ่งทุกวันทั้งคู่จะมาทำวัตรเช้าเย็นพร้อมกับฟังคำเทศนาของ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน (พระธรรมวิสุทธิมงคล) วัดป่าบ้านตาด ที่เปิดเอาไว้ตลอด 24 ชั่วโมง “ห้องพระนี้เป็นห้องที่มีพลังให้มีความคิดในสิ่งที่ดีๆ เป็นการสร้าง บารมีธรรม บารมีความดี ธรรมะคุ้มครอง คุ้มใจตัวเอง บางครั้งมีปัญหามีอุปสรรคธรรมะช่วยเราได้จริงๆ” ภรรยากล่าวจบสามีจึงเสริมว่า “พอได้มาสวดมนต์ไหว้พระในห้องนี้แล้วทำให้จิตเราว่าง คิดอะไร ก็ทะลุปลอดโปร่ง บางครั้งมีปัญหาใหญ่เข้ามาก็ทำให้แก้ไขจนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เพราะเราได้รับธรรมะดีๆ จากหลวงตาที่เมตตาเรา” สองสามีภรรยาย้ำว่าหากใครได้ฟังธรรมะทุกวัน สิ่งดีๆ จะเกิดขึ้นกับผู้นั้นอย่างแน่นอน

/// ห้องอนุสรณ์พ่อแม่

จากนั้นเดินผ่านมายังห้องรับประทานอาหารที่มีขนาดกำลังดี พอให้สมาชิกในบ้านรวมทั้งเพื่อนพ้องมาร่วมรับประทานกันได้แบบสบายๆ ติดกันเป็นห้องนอนของ คุณพ่อยก-คุณแม่แปลก คงเขียว ผู้ให้กำเนิดคุณลักษณ์ โดยสร้างให้เป็นห้องอนุสรณ์สำหรับครอบครัว เนื่องจากคุณพ่อเรียนจบแค่ประถมปีที่ 4 แต่กลับสามารถเขียนเรื่องราวชีวิตและวาดภาพได้สวยงามมาก จนเป็นแรงผลักดันให้สองสามีภรรยามีแรงที่จะสู้กับปัญหาที่เกิดขึ้นตลอดมา

“คุณพ่อเรียนจบแค่ ป.4 แต่มีความสามารถในการวาดภาพได้สวยมาก ห้องนี้เลยกลายเป็นห้องเก็บงานวาดของท่านเอาไว้ รวมทั้งได้เขียนหนังสือออกมาให้ลูกหลานได้อ่านอีกหลายเล่ม อย่างเรื่อง ‘คน’ ที่คุณพ่อเขียนให้เห็นถึงคนทุกรูปแบบ ท่านเขียนแล้วจะมีข้อเตือนสติเตือนใจ ไม่ว่าจะเป็น คนคุณภาพ คนอุ้มชู คนเชี่ยวชาญ คนไม่ธรรมดา และอีกกว่า 40 ความหมายของคำว่าคนที่ได้อธิบายเอาไว้น่าอ่านมากๆ รวมถึงการฝึกฝนตนเองให้รู้จักการเห็นโอกาสด้วยสายตาที่กว้างไกลและแหลมคม หากไม่มีแล้วสิ่งใดก็ยากจะรู้ทัน”

ว่าแล้วคุณช้างก็หยิบหนังสือที่คุณพ่อได้เขียนเอาไว้ในหนังสือ ภาพชีวิตลายเส้น ที่มีทั้งรูปภาพและข้อความอธิบายเอาไว้อย่างครบถ้วน “ตอนคุณพ่อยังมีชีวิตอยู่ท่านบอกว่า ภาพวันนี้อาจยังไม่มีความหมาย ไม่มีคุณค่า แต่หลังจากที่คุณพ่อเสียชีวิตไปแล้ว ท่านหวังว่า หนังสือที่ท่านเขียนนี้จะมีคุณค่ากับลูกหลานในอนาคตข้างหน้าและอยากให้นำหนังสือที่เขียนทั้งหมด 4 เล่ม ตีพิมพ์ให้กับห้องสมุดเพื่อให้เด็กทั่วประเทศได้อ่าน” และภาพเขียนของท่านยังได้รับการชื่นชมจาก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 16 ของประเทศ อันเป็นที่มาของความภาคภูมิใจแก่ครอบครัว

/// ครัวสร้างเงินล้าน

สองสามีภรรยาพาเดินเข้าไปยังห้องครัวที่สมัยก่อนเปิดเป็นร้านอาหารได้ใช้ทำอาหารให้กับลูกค้านานหลายปี แต่วันนี้ตกแต่งจนแทบไม่เหลือความเป็นห้องครัวขายอาหารเลย “ห้องครัวนี้ใช้ทำอาหาร ผัดข้าวให้กับลูกค้า สมัยนั้นจำได้ว่าผัดข้าวไปแล้วก็ร้องไห้ไป คิดว่าหนี้สินที่มีอยู่หลายล้าน ขายข้าวผัดจานละ 30 บาท เมื่อไรจะมีเงินไปใช้หนี้เขา” เธอเล่าถึงเรื่องราวของบ้านที่มีชีวิตตั้งแต่ติดลบกลายเป็นบ้านที่ทำเงินล้าน จนมีคำถามจากผู้คนรอบข้างว่ามีโอกาสที่จะซื้อบ้านหลังใหญ่ อยู่กันอย่างสุขสบาย แต่ทำไมถึงเลือกอยู่บ้านหลังนี้ “ก็ตอบกลับไปทุกครั้งว่า เราเริ่มต้นจากบ้านนี้ เลยอยากจะอยู่ตรงนี้เพื่อให้เป็นอนุสรณ์เตือนใจว่า เราได้ต่อสู้ และมีเรื่องราวมากมายทั้งทุกข์ และสุขกับบ้านหลังนี้”

ทั้งสองพาชมห้องนอนสีชมพูที่ประดับประดาด้วยผ้าหลากสีสันตามความชอบของเจ้าของบ้าน ระหว่างที่เดินชมห้องนอนก็ได้ยินเสียงธรรมะเตือนสติอยู่ตลอดเวลา มองผ่านกระจกจากห้องนอนเป็นห้องน้ำมีอ่างจากุซซีที่ประดับประดาด้วยดอกไม้สีสันสดใส “ครั้งแรกที่ทำห้องน้ำนี้ คิดว่าคงทำให้ชีวิตเรามีความสุข แต่พอมาถึงบั้นปลายชีวิตก็รู้ได้ทันทีว่า ความสุขคนเราไม่ได้อยู่ตรงนี้ เพราะเราไม่มีเวลาที่จะมานอนแช่อ่างอาบน้ำ มันเลยถูกสร้างมาให้มีคุณค่าทางจิตใจเท่านั้น ตอนนั้นอยากได้ก็แสวงหากันมา แต่วันนี้ไม่มีประโยชน์อะไรเลย สุดท้ายเราไม่มีเวลามานอนแช่อ่างน้ำเหมือนอย่างที่คิด ก็ถือเป็นบทเรียนชีวิตอีกบทหน่ึง” นี่เป็นกิเลสจากอดีตที่เคยไขว่คว้า แต่วันนี้กลายเป็นสิ่งที่เตือนสติให้กับตัวเองและทุกคนที่มาเยือนเพียงเท่านั้น

/// ปาฏิหาริย์ย่ามุก-ย่าจัน

ทั้งคู่ย้อนอดีตสมัยทำธุรกิจนากุ้ง 15 ไร่ ที่สงขลา ควบคู่กับการทำธุรกิจก่อสร้าง กระทั่งเข้าสู่ช่วงเงินบาทลอยตัวทำให้ขาดทุนย่อยยับ แทบสิ้นเนื้อประดาตัว จากนั้นจึงหันมาทำโครงการสร้างทาวน์เฮาส์ที่เกาะยอเริ่มต้นที่ 5 ห้อง แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถหาทุนเพิ่มมาได้ เพราะกู้ธนาคารไม่ผ่าน ทำให้โครงการต้องหยุดกลางคัน ทว่าทั้งคู่ก็ไม่เคยย่อท้อ และตั้งใจจะไปปักหลักขายข้าวแกงที่แม่สาย จ.เชียงราย แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ

“เชื่อไหมว่าเดินทางไปเกือบทั่วประเทศ แต่ไม่เคยนึกถึงจังหวัดภูเก็ตเลย จนไปเกาะสมุยแล้วต้องนอนรอเรือสองชั่วโมง ต่างคนต่างถามกันว่าใช่ตัวเราหรือเปล่าที่ชีวิตจะต้องมารอข้ามเรือ ก็คิดกันว่าเราจะไปตายเอาดาบหน้าที่ภูเก็ตดีไหม” ระหว่างขับรถมาถึงอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี-ท้าวศรีสุนทร หรือย่ามุก-ย่าจัน จึงได้ลงมาขอพรจากย่าทั้งสองขออาศัยแผ่นดินภูเก็ตเพื่อทำมาค้าขาย และถ้าชีวิตประสบความสำเร็จก็จะขอตอบแทนบุญคุณแผ่นดินภูเก็ต “มาถึงภูเก็ตตอนบ่ายโมงก็ลงไปไหว้ย่ามุกย่าจันแล้วบอกกับท่านว่า ย่าลูกหมดเนื้อหมดตัวแล้วขอพึ่งบารมีท่านด้วย แต่ลูกเป็นคนดีนะย่า ถ้ามองเห็นว่าลูกคิดดีทำดีขอให้ส่งเสริมลูกด้วย ลูกให้สัญญาว่าถ้าวันไหนลูกมั่นคงลูกจะขอตอบแทนแผ่นดินของภูเก็ต”

จากนั้นสามีภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากก็มุ่งหน้าไปที่ป่าตอง แต่ก็อยู่ไม่ได้เพราะค่าเช่าบ้านแพงมาก จนต้องเดินทางมาเช่าบ้านที่หมู่บ้านธารทองในอำเภอเมือง โดยยึดอาชีพขายผลไม้ และเก็บขวดน้ำขาย สุดท้ายทำได้เพียง 3 เดือนก็ทนแบกรับกับค่าเช่าบ้านไม่ไหว “วันนั้นตรงกับวันที่ 12 สิงหาฯ เป็นวันแม่ด้วยเลยทำบุญให้กับแม่ก็ได้ขอพรบอกกับแม่ว่าวันนี้แม่ต้องช่วยให้ลูกหาที่ทำกินใหม่ให้ได้ เพราะถ้าแม่ไม่ช่วยที่ดิน 40 ไร่ที่สงขลาแบงก์ยึดแน่ๆ พอเสร็จก็เลยตระเวนหาบ้านเช่าใหม่โดยมุ่งหน้าที่หาดราไวย์ ซึ่งไม่เคยมาก่อนเลย แล้วได้มาเจอบ้านหลังที่อยู่นี้ เลยติดต่อขอเช่าจากเจ้าของบ้าน ด้วยความเป็นคนเปิดเผย เลยได้เล่าความลำบาก และความล้มเหลวที่เกิดขึ้นให้เจ้าของบ้านฟัง เขาก็สงสารและเมตตาเรา ให้เช่าบ้านในราคาที่ถูก บางเดือนไม่มีค่าเช่าก็ขอผ่อนค่าเช่าเป็นรายวัน” คุณลักษณ์ย้อนความยากลำบากในอดีตที่ยังคงแจ่มชัดในความทรงจำ

และในปี 2541 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของนักธุรกิจร้อยล้าน จากร้านขายข้าวแกงที่ขอแค่ให้ได้กินข้าวสามมื้อในช่วงแรก หลังจากนั้นพอจะเก็บเงินได้บ้างก็มีการตกแต่งเพิ่มและตั้งชื่อร้านว่า ใบบุญ “ด้วยความมีมนุษย์สัมพันธ์ดีพอทำกับข้าวให้ลูกค้าเสร็จก็วิ่งออกมาต้อนรับลูกค้า ทักทายตามประสา แล้วก็บอกกับลูกค้าฉันทำอาหารไม่เก่งแต่สามีทำงานได้หลายอย่าง ทำก่อสร้างได้ พอฝรั่งฟังเสร็จก็บอกว่า ถ้าอย่างนั้นถ้าบ้านฉันมีปัญหาทำให้ฉันได้ไหม เราสองคนก็บอกว่าทำได้ไว้ก่อน”

จากนั้นก็มีงานด้านการก่อสร้าง ตกแต่งบ้านเรื่อยมาจนได้มาเปิดบริษัท ใบบุญ พร็อพเพอร์ตี้ (2…) จำกัด “ตอนนั้นเราถอดหัวโขนหมดเลย ทำเองทุกอย่าง ไม่ได้คิดว่าทำแล้วจะได้เท่าไหร่ แต่ทำแล้วเรามีความรับผิดชอบแค่ไหน เป็นการทำที่ไว้ใจซึ่งกันและกัน แก้ปัญหาเรื่องหลังคารั่วจนบ้านใครหลังคารั่วเป็นต้องนึกถึงผม” คุณช้างเล่าพลางหัวเราะในอดีตที่พลิกผันจากที่เคยเป็นเถ้าแก่แต่กลับต้องมาเป็นกรรมกรเสียเอง

“เราสองคนโชคดีมากที่อย่างน้อยชีวิตเราที่ตั้งมั่น ที่จะคิดดี ทำดี จนทำให้เราได้พบกับเจ้าของบ้านหลังนี้ เราเรียกท่านว่า มะดวน (ปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว) ตอนนั้นที่ดินที่สงขลาใกล้จะถูกยึด ท่านก็อยากจะช่วยเรา โดยให้เอาที่ดิน 7 ไร่ครึ่ง ของท่านไปขายเพื่อจะได้ค่านายหน้า 3% จะได้นำเงินก้อนนี้ไปใช่หนี้ธนาคาร เชื่อไหมว่า ขายอยู่เป็นปีก็ไม่มีใครซื้อ ทุกคนก็บอกว่า ราไวย์ไม่มีใครมาอยู่หรอกเพราะมันเงียบ พอขายไม่ได้ก็เอาโฉนดไปคืนมะดวน แต่ทางมะดวนไม่ยอมเอาโฉนดคืน แต่กลับบอกว่า ให้เราสองคนเก็บที่ดินผืนนี้ไว้ ทำธุรกิจต่อยอดในอนาคต มีเงินเมื่อไรก็ค่อยทยอยให้ มูลค่าตอนนั้นประมาณ 18 ล้าน ก็ได้แต่ขอบคุณมะมากๆ แล้วก็ได้สัญญากับท่านว่าจะไม่ขายที่ดินแปลงนี้เด็ดขาด แต่จะใช้สร้างงาน ให้เกิดประโยชน์กับสังคม”

ปัจจุบันสองสามีภรรยาเป็นเจ้าของที่ดิน 10 ไร่ ในเมืองภูเก็ตมูลค่ากว่า 120 ล้าน ด้วยเหตุนี้จึงได้เกิดเป็นโครงการคอนโดบนหาดราไวย์ โดยใช้ชื่อโครงการว่า แอท เดอะ ทรี คอนโดมิเนียม (@ The Tree Condominium) ด้วยความตั้งใจที่อยากจะสร้างโอกาสให้กับคนที่มีโอกาสน้อย ได้มีธุรกิจเป็นของตนเอง หรือมีส่วนร่วมกับธุรกิจร่วมกันเป็นเจ้าของโครงการคอนโดระดับร้อยล้านในจังหวัดภูเก็ต แม้จะมีทุนน้อยนิด หลักร้อย หลักพัน ก็สามารถร่วมหุ้นกับโครงการได้ โดยผลตอบแทนนั้นสามารถต่อยอดเป็นทุนสำหรับลูกหลานต่อไปได้

“เรามั่นใจว่าความตั้งใจในการช่วยเหลือให้กับสังคม ถ้าเราทำสำเร็จ ไม่ใช่ตัวเราสำเร็จกันลำพัง แต่ผลสำเร็จที่ได้รับสังคมรอบข้างล้วนได้รับทั้งสิ้น เราทำไม่ได้สร้างภาพ เราไม่มีทายาทที่จะมาสานต่อธุรกิจเลย แต่เป็นการทำที่ออกมาจากใจที่ต้องการทดแทนแผ่นดินจริงๆ” คุณลักษณ์และคุณช้างกล่าวเป็นเสียงเดียวกัน

เรื่องราวทั้งหมดนี้เป็นบทสรุปชีวิตของทั้งสองที่อาจเป็นแรงบันดาลใจใครอีกหลายคน ถ้าเรามีความมุ่งมั่นและตั้งใจ ที่สำคัญรู้จักกตัญญู คิดดี ทำดี รู้คุณแผ่นดิน ในทางธรรมะถ้าเรามีสติ ปัญญา ศรัทธา ความเพียร ทำอะไรทุกอย่างย่อมสำเร็จแน่นอน