ดีแทคประกาศผลกำไรสุทธิเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ดีแทคประกาศผลกำไรสุทธิเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
23 เมษายน 2561 – ดีแทคประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/2561 มีการเติบโตของกำไรสุทธิอย่างแข็งแกร่ง โดยมี EBITDA อยู่ที่ 43.8% เพิ่มขึ้น 8.9 percentage points จากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา รายได้จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (IC) ลดลงเล็กน้อย 1.1% ท่ามกลางภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดบริการสื่อสารไร้สาย รายได้จากบริการระบบรายเดือนยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ในขณะที่ตลาดบริการระบบเติมเงินยังคงเผชิญกับความท้าทาย ดีแทคได้เปิดตัวแคมเปญ “ใจดี” เสริมสร้างความคุ้มค่าผ่านทางลอยัลตี้โปรแกรม เพื่อรักษาฐานลูกค้าและดึงดูดลูกค้าใหม่
บริษัทมีฐานลูกค้ารวมเมื่อสิ้นสุดไตรมาสที่ 1อยู่ที่ 21.8 ล้านเลขหมาย โดยประมาณ 98% ลงทะเบียนใช้งานภายใต้บริษัทดีแทค ไตรเน็ต ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของดีแทคที่ได้รับใบอนุญาตใช้คลื่น 2.1 GHz จาก กสทช. ดีแทคยังคงพัฒนาเครือข่าย 4G บนคลื่น 2100 MHz อย่างต่อเนื่อง โดยได้ติดตั้งเสาส่งสัญญาณและสถานีฐานเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการสิ้นสุดของสัมปทานในเดือนกันยายน 2561 โดยดีแทคมั่นใจว่าจะสามารถให้บริการลูกค้าได้ต่อเนื่องโดยไม่มีผลกระทบ ไม่ว่าการประมูลคลื่นความถี่จากสัมปทานเดิมที่หมดอายุลง จะถูกจัดขึ้นเมื่อไร นอกจากนี้ การร่วมเป็นพันธมิตรกับทีโอทีในการให้บริการบนโครงข่ายคลื่นความถี่ 2300 MHz จะส่งผลให้เครือข่าย 4G ของดีแทคมีแบนด์วิดท์ที่กว้างที่สุดในตลาด พร้อมรองรับความต้องการในการใช้บริการข้อมูลที่สูงขึ้น และเสริมสร้างประสบการณ์ใช้งานอินเทอร์เน็ตไร้สายของลูกค้าบนโครงข่ายดีแทค ซึ่งปัจจุบันครอบคลุม 94% ของประชากรทั้งหมดในประเทศ โดยในช่วงไตรมาส 1/2561 จำนวนผู้ใช้บริการ 4G เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 8.5 ล้านเลขหมาย และสัดส่วนผู้ใช้อุปกรณ์สมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นมาที่ 55%
แม้ว่ารายได้รวมจะลดลงในไตรมาส 1/2561 แต่ EBITDA เติบโตอย่างแข็งแกร่งมาอยู่ที่ 8,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องมาจากการลดลงของค่าธรรมเนียม การอุดหนุนค่าเครื่อง และค่าใช้จ่ายในการขายและดำเนินการ แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนขยายเครือข่ายภายใต้ระบบใบอนุญาต
กำไรสุทธิในไตรมาสที่ 1 เพิ่มขึ้น 474% มาอยู่ที่ 1,300 ล้านบาท เนื่องจากการเติบโตที่แข็งแกร่งของ EBITDA และการปรับปรุงการตั้งสำรองสำหรับกรณีข้อพิพาทในเรื่องส่วนแบ่งรายได้กับ กสท นอกจากนี้ กระแสเงินสดจากการดำเนินการ (EBITDA- CAPEX) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5,800 ล้านบาท และอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA อยู่ที่ 0.6 เท่า และอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนอยู่ที่ 1.7x และเงินสดในมืออยู่ที่ 29,500 ล้านบาท ซึ่งแสดงถึงฐานะการเงินที่แข็งแกร่งและมีความยืดหยุ่นในการตัดสินใจลงทุนในอนาคตของดีแทค
ดีแทคยังคงประมาณการทางการเงินสำหรับปี 2561 ไว้ในระดับเดิม โดยคาดการณ์ว่ารายได้จากการให้บริการ (ไม่รวม IC) จะใกล้เคียงกับปีก่อน EBITDA margin จะอยู่ในช่วง 34% - 36% และ CAPEX จะอยู่ระหว่าง 15,000 -18,000 ล้านบาท
นายลาร์ส นอร์ลิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า “ผมมีความรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาสที่ 1 ของปี 2561 ซึ่งเป็นปีที่สำคัญที่สุดปีหนึ่งในประวัติศาสตร์ของดีแทค ในขณะที่สัมปทานคลื่นความถี่ใกล้จะหมดอายุลง เราได้ลงนามเป็นพันธมิตรกับทีโอที ในการให้บริการบนคลื่นความถี่ 2300 MHz ซึ่งเป็นการลดความไม่แน่นอนทางธุรกิจลงได้เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ เรายังได้หารือกับ กสท เพื่อที่จะทำการเช่าอุปกรณ์เครือข่ายภายใต้สัมปทานเดิมที่กำลังจะหมดลง โดยเราคาดว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการทำสัญญาเช่าระยะยาวได้ก่อนที่สัมปทานจะสิ้นสุดลง และถึงแม้ว่าจะยังไม่มีความแน่นอนในกำหนดการจัดการประมูลคลื่นความถี่เดิมจากสัมปทานที่หมดอายุ แต่เรามั่นใจว่าเราจะสามารถให้บริการโทรศัพท์มือถือแก่ลูกค้าของเราได้อย่างต่อเนื่อง ปราศจากผลกระทบใด ๆ ในช่วงระยะที่เปลี่ยนผ่านนี้”
dtac reports strong growth in net profit
April 23, 2018 – dtac reports strong net profit growth in the first quarter of 2018, driven by huge improvement in EBITDA margin, which increased sharply by 8.9 percentage points from the same period last year to 43.8% in Q1-18. Service revenues excluding IC declined slightly by 1.1% amid intense competition in the wireless service market. Postpaid revenue growth remained solid, while prepaid growth was under challenges. dtac launched the ‘Jai-dee’ campaign to strengthen best value position and leveraged dtac reward loyalty program to retain and attract customers.
At the end of Q1-18, total subscriber base stood at 21.8 million, approximately 98% of which registered under DTN, a subsidiary holding the 2.1GHz license from NBTC. dtac continued to densify 2100MHz network, and increased number of towers and 4G base stations in order to prepare for the end of concession in September 2018. Regardless of timeline of the auction for the concession spectrums, to be arranged by the NBTC, dtac expects to continue providing uninterrupted mobile services to its customer base. With the partnership with TOT to provide 2300MHz wireless services, dtac will have access to widest 4G spectrum bandwidth in the market and get a big data capacity boost, which will enhance customers’ mobile internet experience on dtac network. Overall network coverage stood at 94% of total population. In Q1-18, number of 4G subscribers and 4G-enabled device penetration continued to grow to 8.5 million and 55%, respectively.
Despite the decline in total revenue, EBITDA in Q1-18 grew strongly by 21% from the same period last year to THB8.4 billion. The strong growth in EBITDA was mainly driven by lower regulatory costs, device subsidies, and SG&A expenses, which was partly offset by higher network OPEX from the densification of the licensed network.
Net profit in Q1-18 grew 474% to THB1.3 billion as a result of strong EBITDA growth and the adjustment of provision related to disputes with CAT on revenue share. In addition, operating cash flow (EBITDA – CAPEX) in Q1-18 rose sharply to THB5.8 billion. Financial ratios continued to improved, with net debt to EBITDA of 0.6x and net debt to equity of 1.7x. Cash on hand at the end of Q1-18 amounted to THB29.5 billion. dtac’s financial position is strong and flexible for future investment.
dtac maintains its financial guidance for 2018, comprising service revenues (excluding IC) of around the same level as the previous year, EBITDA margin in the range of 34% - 36%, and CAPEX of THB15 – 18 billion.
Lars Norling, dtac’s Chief Executive Officer, said “I am pleased to report strong financial results for the first quarter of 2018, one of the most important years in dtac’s history. As we are approaching the end of the concession, we have greatly reduced business uncertainty by securing additional spectrum through a partnership agreement with TOT on 2300MHz wireless services. Furthermore, we are also in a discussion with CAT on a long-term lease agreement for access to concession assets and expect to conclude the agreement before the end of the concession. Despite the uncertainty on the timeline of the auction for concession spectrums, we are confident that we will be able to provide uninterrupted mobile services to our customers during the transition period.”