สำนักงาน คปภ. เปิดมิติใหม่ Boot camp โรงเรียนต้นแบบด้านการประกันภัยดีเด่นระดับประเทศ “เทพศิรินทร์พุแค สระบุรี” คว้าแชมป์..! อัจฉริยะยุวชนประกันภัยประจำปี2567

สำนักงาน คปภ. เปิดมิติใหม่ Boot camp โรงเรียนต้นแบบด้านการประกันภัยดีเด่นระดับประเทศ “เทพศิรินทร์พุแค สระบุรี” คว้าแชมป์..! อัจฉริยะยุวชนประกันภัยประจำปี2567

  

 

สำนักงาน คปภ. เปิดมิติใหม่ Boot camp โรงเรียนต้นแบบด้านการประกันภัยดีเด่นระดับประเทศ

“เทพศิรินทร์พุแค สระบุรี” คว้าแชมป์..! อัจฉริยะยุวชนประกันภัยประจำปี2567

 

 

                        นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) จัดประกวด “โรงเรียนต้นแบบด้านการประกันภัยดีเด่น ระดับประเทศ ตามโครงการ “อัจฉริยะยุวชนประกันภัย” ประจำปี 2567 ซึ่งเป็นนโยบายเชิงรุกที่บูรณาการมาอย่างต่อเนื่องทุกปี ในการส่งเสริมสนับสนุนให้สถานศึกษาและเยาวชนไทยเข้าถึงระบบประกันภัยเพื่อใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารความเสี่ยงให้กับชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งปลูกฝังความรู้ด้านการประกันภัยขั้นพื้นฐานให้สามารถถ่ายทอดไปยังครอบครัว ชุมชน และสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

                    โครงการ “อัจฉริยะยุวชนประกันภัย” ปีนี้ถือว่ามีความพิเศษกว่าทุก ๆ ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีการพัฒนารูปแบบการประกวดโรงเรียนต้นแบบด้านการประกันภัยดีเด่นในรูปแบบการจัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้ด้านการประกันภัย (Boot camp) ในโรงเรียนและสถานศึกษาระดับมัธยมศึกษา เป็นปีแรก เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนระดับมัธยมศึกษา ปีที่ 1-6 สร้างสรรค์ผลงานเข้าประกวดได้หลากหลายมิติ ซึ่งได้รับกระแสตอบรับอย่างดียิ่งโดยมีโรงเรียนตัวแทนจังหวัดเข้าร่วมประกวดทั้งสิ้น 72 โรงเรียน และมีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 10,000 คน ทั่วประเทศ เพื่อเข้าคัดเลือกเป็นตัวแทนโรงเรียนระดับภาค และเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในระดับประเทศ

 

                    สำหรับเกณฑ์การตัดสินพิจารณาจาก 5 องค์ประกอบ ได้แก่ การจัด Boot camp การสำรวจการจัดทำประกันภัย พ.ร.บ. การจัดกิจกรรม/แหล่งเรียนรู้อื่น ความคิดสร้างสรรค์ และการต่อยอดความยั่งยืนที่สามารถขยายผลเพิ่มเติมให้กับโรงเรียนเครือข่ายได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยมีคณะกรรมการตัดสินการประกวดโรงเรียนต้นแบบด้านการประกันภัยดีเด่นระดับประเทศ ได้แก่ ผู้แทนสำนักงาน คปภ. ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และผู้แทนสำนักงานการศึกษากรุงเทพมหานคร ซึ่งได้พิจารณาตัดสินผลงานประกวดโรงเรียนต้นแบบด้านการประกันภัยดีเด่นระดับประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนี้ รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ โรงเรียนเทพศิรินทร์พุแค สระบุรี จังหวัดสระบุรี ได้รับทุนพัฒนาการศึกษา 70,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตร รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ โรงเรียนทีปังกรวิทยาพัฒน์ (มัธยมวัดหัตถสารเกษตร) ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร จังหวัดปทุมธานี ได้รับทุนพัฒนาการศึกษา 30,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตร รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ โรงเรียนสมุทรสาครวิทยาลัย จังหวัดสมุทรสาคร ได้รับทุนพัฒนาการศึกษา 20,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตร และรางวัลชมเชย 7 รางวัล ได้รับเงินรางวัล 10,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตร ได้แก่ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า อุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ โรงเรียนบ้านไร่วิทยา จังหวัดอุทัยธานีโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดสกลนคร โรงเรียนม่วงสามสิบอัมพวันวิทยาจังหวัดอุบลราชธานี โรงเรียนปะทิววิทยา จังหวัดชุมพร โรงเรียนหารเทารังสีประชาสรรค์ จังหวัดพัทลุง และโรงเรียนวัดราชโอรส กรุงเทพมหานคร

 

                    “สำนักงาน คปภ. ขอแสดงความยินดีกับโรงเรียนที่ได้รับรางวัลในปีนี้ และแม้ว่าจะเป็นปีแรกที่มีการจัดประกวดในลักษณะนี้แต่โรงเรียนทุกแห่งล้วนทำผลงานได้ยอดเยี่ยม โดยโรงเรียนที่ชนะเลิศและรองชนะเลิศอันดับ 1 และ 2 จะได้รับโล่รางวัลการประกวดโรงเรียนต้นแบบด้านการประกันภัยดีเด่น ระดับประเทศ ตามโครงการอัจฉริยะยุวชนประกันภัย จากนายกรัฐมนตรี (นางสาวแพทองธาร  ชินวัตร) ซึ่งจะมอบในวันที่ 22 ตุลาคม 2567 ทั้งนี้ โครงการอัจฉริยะยุวชนประกันภัย นับเป็นอีกหนึ่งโครงการดี ๆ ที่สำนักงาน คปภ. ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องที่พร้อมส่งเสริมและสนับสนุนให้เยาวชนไทยตระหนักถึงความสำคัญของการประกันภัยขั้นพื้นฐานและสามารถใช้ประโยชน์จากการประกันภัยได้อย่างเหมาะสม รวมถึงสามารถถ่ายทอดความรู้ไปยังครอบครัว ชุมชน และสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับการดำเนินโครงการในปี 2568 จะเปิดกว้างให้นักเรียนในโรงเรียนและสถานศึกษาระดับมัธยมศึกษาทั่วประเทศ ได้แสดงศักยภาพมากยิ่งขึ้น และเพิ่มความเข้มข้นในเนื้อหาของการประกันภัย เพื่อให้เกิดการสร้างสรรค์ผลงาน/กิจกรรม ที่สามารถต่อยอดและขยายผลเพิ่มเติมให้กับโรงเรียนเครือข่ายได้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไปในอนาคต” เลขาธิการ คปภ.กล่าวในตอนท้าย